ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมคุณภาพสุดๆ สำหรับการบุกไปชนะของทัพ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตีที่มีเหนือเจ้าบ้าน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิลคาถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค 2-3 โดยในเกมนี้แมนซิตี้เองเป็นฝ่ายยิงขึ้นนำไปก่อนจากแบร์นาโด ซิลวาก่อนที่นิวคาสเซิลจะมายิงแซง 2-1 จากอเล็กซานเดอร์ อิซัคและแอนโธนี กอร์ดอน ก่อนที่เรือใบจะเปิด “อัลติ” ส่งเควิน เดอ บรอยน์ลงมาในช่วงครึ่งหลังและหลังจากนั้นก็คือความบันเทิงที่เดอ บรอยน์รังสรรค์ให้แฟนบอลครับ ทั้งยิง 1 และแอสซิสต์ 1 ส่งให้แมนซิตี้พลิกกลับมาชนะหลังเกมมีประเด็นให้พูดถึงมากมายครับ แต่ผมขออนุญาตยกมาเพียง 5 ประเด็นที่อยากพูดถึง 5 ประเด็นนั้นจะมีเรื่องใดบ้าง ไปดูกันเลยครับ1. ขาดเอแดร์ซอนส่งผลพอสมควรในเกมนี้เป็นเกมที่มีการเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตู เนื่องจากเอแดร์ซอนนั้นมีอาการบาดเจ็บจากการเข้าปะทะของผู้เล่นนิวคาสเซิล ตอนแรกก็มีดูแล้วอาจจะเล่นต่อได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ไหวและถูกเปลี่ยนตัวออก ผมเชื่อว่านอกจากอาการบาดเจ็บแล้วในช่วงหลังที่เกิดการปะทะ เอแดร์ซอนนั้นมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นในการออกบอลซึ่งก็ถึงขั้นเกือบเสียประตู นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เป๊ป กวาร์ดิโอลาต้องส่งสเตฟาน ออร์เตกาลงมาเล่นแทนนายด่านทีมชาติบราซิลโดยสิ่งที่หายไปจากการขาดหายไปของเอแดร์ซอนก็คือการตั้งเกมตั้งแต่กรอบเขตโทษและการเปิดบอล สถิติก่อนที่เขาจะถูกเปลี่ยนตัวออกนั้นนั้นค่อนข้างมีความแม่นยำพอสมควร (เป็นปกติ) เขาผ่านบอลทั้งหมด 4 ครั้ง ความแม่นยำอยู่ที่ 75% เท่ากับว่าเขาจ่ายเสียเพียงครั้งเดียวซึ่งครั้งเดียวนั้นคือเป็นในตอนที่เขาโดนเข้าปะทะไปแล้ว นอกจากนี้การเปิดบอลยาว 2 ครั้งก็แม่นยำแบบ 100% ส่วนออร์เตกานั้นผ่านบอลทั้งหมด 25 ครั้ง แม่นยำ 68% ส่วนการวางบอลยาวอยู่ที่ 12 ครั้ง เข้าเป้า 4 ครั้งเห็นได้ค่อนข้างชัดว่าออร์เตกานั้นเป็นค่อนข้างเป็นรองเอแดร์ซอนในการเปิดบอลหรือการเป็นคนแรกในการเซ็ตเกมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นจะไม่เป็นผู้รักษาประตูที่ดีนะครับ ออร์เตกานั้นคือมือ 2 ที่ผมเชื่อว่าแฟนๆ ซิตี้ก็สามารถเชื่อและไว้วางใจให้ลงแทนเอแดร์ซอนได้เลยแหละ แต่เมื่อเทียบกับการที่ต้องมีส่วนร่วมกับเกมโดยรวมหรือโดยเฉพาะเกมรุก เอแดร์ซอนดีกว่าออร์เตกาพอสมควร จะเห็นได้จากสถิติในเกมล่าสุดหรือในเกมอื่นๆ ที่ผ่านมา2. นิวกดสูตรติดและอิซัคกองหน้าอันเดอร์เรทถ้าหากจะต้องเลือกประตูยอดเยี่ยมประจำเกมของเกมๆ นี้ก็บอกตรงๆ ว่าเลือกยากพอสมควร เพราะสวยทั้ง 5 ประตูเลย แต่ส่วนตัวนั้นชอบทั้งสองประตูที่นิวคาสเซิลยิงได้เลย ถ้าเป็นภาษาเกมก็คือ "กดสูตรติด" เพราะทั้งสองประตูนั้นมีแพทเทิร์นในการยิงคล้ายๆ กัน โดยปั่นโค้งๆ (เสียงน้าหัง) จากมุมกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหน้าต่างเลยส่วนอเล็กซานเดอร์ อิซัค สำหรับผมเขาคือกองหน้าที่อันเดอร์เรทคนนึงเลยแต่ถ้าใครที่เคยเล่นเกม Football Manager ก็น่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเขาคือหนึ่งใน Wonderkids ที่หลายๆ คนต้องซื้อมาเข้าทีม อิซัคทำให้ผมย้อนนึกไปถึงแดเนียล สเตอร์ริดจ์ อดีตเด็กปั้นของแมนซิตี้และย้ายมาอยู่กับเชลซีตามด้วยลิเวอร์พูล ทั้งคู่มีความเหมือนกันมากๆ เพราะมีความเร็ว เทคนิคดีและยิงคมมาก เสียดายที่ทั้งคู่มักจะมีอาการบาดเจ็บคอยรบกวนตลอด ทำไมให้ไม่ค่อยมีความต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่ลงสนามก็มักสร้างความแตกต่างรวมไปถึงยิงประตูให้กับทีมได้อยู่เสมอ3. ใบเหลืองของนิวออกยาก (อีกแล้ว)บอกก่อนนะครับว่าสำหรับเรื่องพวกนี้ ผมคิดและเชื่อว่าทางสโมสรไม่ได้มีส่วนใดๆ แต่เป็นอีกครั้งซึ่งก็เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันที่กรรมการตัดสินได้ค้านสายตาในเรื่องของการแจกใบเหลืองให้กับผู้เล่นนิวคาสเซิลนั้นยากเย็นเหลือเกิน เมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ที่ต้องลงแข่งกับนิวคาสเซิล ทั้งๆ ที่ฟาล์วในลักษณะเหมือนหรือคล้ายๆ กัน คู่แข่งของนิวคาสเซิลนั้นเหลือออกง่ายกับนักเตะนิวคาสเซิลพอสมควรความจริงไม่ใช่เพียงแต่เกมนี้เท่านั้น แต่หลายๆ ทีมก็เคยเจอเหมือนกันหมด นักเตะนิวคาสเซิลชอบเล่นติดดาบ ชอบแถมโดยเฉพาะบรูโน กีมาไรซ์ที่ชอบเล่นตุกติก ชอบมีติดดาบประจำ แต่เหลืองก็ออกยากมาก นี่แค่กีมาไรซ์คนเดียวนะ โชคดีของแมนซิตี้ที่เกมนี้ไม่มีโจลินตอนที่บาดเจ็บพัก 6 สัปดาห์ ไม่งั้นบอกเลยว่าเจอเข้าหนักกว่านี้แน่นอนซึ่งจุดๆ นี้มันคือแทคติกของทางเอ็ดดี ฮาว (ผมเชื่ออย่างนั้นนะ) แต่ผู้ตัดสินก็มีหน้าที่ในการห้ามปรามนักเตะเหมือนกัน หลายต่อหลายครั้งที่นักเตะนิวคาสเซิลเข้าบอลได้หนักหน่วงมากๆ หนักเกินความจำเป็นแต่ก็ไม่มีแม้แต่ใบเหลืองคาดโทษและบางเกมกว่าจะมาแจกก็เข้าสู่ช่วงท้ายเกมแล้ว มันก็แทบจะไม่มีประโยชน์แล้ว คู่แข่งน่วมหมดแล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงต้องเกิดในเกมที่นิวคาสเซิลแข่งด้วย ทำไมกับทีมอื่นถึงไม่เป็นจากปกติกรรมการอังกฤษก็ไม่มีมาตรฐานในการตัดสินอยู่แล้ว พอมาเป่าในเกมที่นิวคาสเซิลต้องแข่งกับทีมใหญ่ยิ่งไปกันใหญ่ โดนกันถ้วนหน้า4. เรือใบใช้โอกาสเปลืองในเกมนี้แมนซิตี้มีโอกาสยิงทั้งหมด 27 ครั้งแต่สามารถเปลี่ยนมาเป็นประตูได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น โดยจากโอกาสยิง 27 ครั้งนั้น แบ่งเป็นยิงในกรอบเขตโทษ 15 ครั้ง นอกกรอบเขตโทษ 12 ครั้งและเข้ากรอบทั้งหมด 11 ครั้งเท่านั้น แต่กับค่า xG นั้นพวกเขานั้นถือว่าพอดีกับประตูที่ยิงได้ เพราะค่า xG ที่ออกมานั้นอยู่ที่ 3.00 พอดีเป๊ะ นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาสามารถปิดบัญชีในโอกาส Big Chance ทั้ง 3 ครั้ง ได้ แต่ที่เหลือพวกเขานั้นมักจะยิงนกปลาทั้งสิ้น รวมไปถึงการยิงติดบล็อคแนวรับนิวคาสเซิลเกือบ 10 ครั้งและถูกมาร์ติน ดูบราฟกาเซฟไปถึง 8 ครั้งแต่นี่ถึงแม้ว่าเออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ยังไม่สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้ นี่ฮูเลียน อัลวาเรซรับเหมาเกมรุกทั้งหมดคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ ถ้าฮาแลนด์พร้อมลงเล่นและเดอ บรอยน์ก็ฟิตเต็มถังแล้ว ถึงเวลานั้นพรีเมียร์ลีกได้กลับมาสั่นสะเทือนอีกแน่นอน5. "เควิน เดอ บรอยน์" พูดเบาๆ ก็เขย่าทั้งลีก"เควิน เดอ บรอยน์" ชื่อนี้พูดเบาๆ ก็หนาวๆ ร้อนๆ กันทั้งลีกคือไม่เกินจริงเลย เหมือนที่เยอร์เกน คล็อปป์ให้สัมภาษณ์เลยที่แค่เดอ บรอยน์ออกมาวอร์ม ทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีกก็อกสั่นขวัญแขวนแล้วและในเกมนี้ก็ตอกย้ำเข้าไปอีก เขาคือ Game Changer รวมไปถึง Match Winner อย่างแท้จริงๆ ตัวคนเดียวสามารถเปลี่ยนรูปเกมของทีมได้เลย และนี่ความฟิตของเขายังเล่นได้เพียง 20-30 นาทีต่อเกมเท่านั้นนะครับ ถ้าสามารถเล่นเต็มเกมล่ะก็....สำหรับผมเดอ บรอยน์คือกองกลาง No.1 ของโลกในเวลานี้เลย เจ็บไปหลายเดือน แต่กลับมาเล่น 2 เกมก็มีส่วนกับประตูไปแล้ว 3 ครั้ง (ยิง 1 แอสซิสต์ 2) เขาเป็นกองกลางที่เหมือนกันมุมมองแบบ Bird's Eye View อยู่ เพื่อนอยู่มุมไหนสามารถมองเห็นได้หมด มองเห็นก็ว่าเก่งแล้วแต่ที่มันทำให้เดอ บรอยน์พิเศษกว่านักเตะคนอื่นๆ ก็คือ ไม่มีช่องไหน มุมไหน จะมีช่องเล็กแค่ไหน เขาก็สามารถที่จะจ่ายผ่านไปได้และลูกบอลที่ออกจากเท้าของเขาก็จะเลี้ยวเข้าหาเพื่อนร่วมทีมทันทีประตูที่แอสซิสต์ให้กับออสการ์ บ๊อบบ์ก็เป็นเหมือนที่ผมได้บอกไปเลย เขามองเห็นแล้วว่าบ๊อบบ์อยู่ด้านซ้ายของกรอบเขตโทษแต่ก็ยังมีคีแรน ทริปเปียร์ประกบอยู่ แต่เหมือนเดอ บรอยน์รู้ว่าต้องเปิดบอลไปจุดไหนที่จะทำให้บ๊อบบ์ได้เปรียบซึ่งสุดท้ายก็อย่างที่เห็นครับ น้ำหนัก ทิศทางมันพอดีแบบ 100% รวมไปถึงต้องชมเจ้าหนูบ๊อบบ์ด้วยที่มีความเยือกเย็นเกินวัยและสามารถทำประตูในจังหวะนี้ได้ นอกจากนี้มีการเก็บสถิติว่าเดอ บรอยน์ใช้เวลาในสนามเพียง 4 นาทีกับอีก 34 วินาทีในการยิงประตูตีเสมอให้กับแมนซิตี้ และนี่สถิติหลังเกมของเดอ บรอยน์ครับผ่านบอล 22 ครั้ง (แม่นยำ 77.3%)ครอสบอล 9 ครั้งสร้างโอกาส 3 ครั้งสัมผัสบอลในกรอบคู่แข่ง 2 ครั้งคีย์พาส 3 ครั้งยิง 2 ครั้ง (เข้ากรอบ 1 ครั้ง)1 ประตู1 แอสซิสต์สถิติหลังเกมที่น่าสนใจประตูชัยของออสการ์ บ๊อบบ์นั้นคือประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีกกับแมนซิตี้ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูชัยให้กับทีมในนาทีที่ 90 ด้วยวัย 20 ปี 185 วัน เป็นคนแรกนับตั้งแต่ที่กาเบรียล เฆซุสยิงได้ในเกมที่พบกับสวอนซีในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ด้วยวัย 19 ปี 308 วันเควิน เดอ บรอยน์นั้นมีส่วนร่วมกับประตูในฐานะตัวสำรอง 3 เกมในฤดูกาลนี้ (ทุกรายการ) ไปแล้ว 3 ครั้ง แบ่งเป็นยิงหนึ่ง แอสซิสต์สอง และประตูที่เขายิงได้ในเกมนี้ก็ทำให้แมนซิตี้นั้นก็เป็นประตูที่ 100 ที่แมนซิตี้นั้นสามารถยิงใส่นิวคาสเซิลได้ในพรีเมียร์ลีกแอสซิสต์ในเกมนี้ทำให้เควิน เดอ บรอยน์ขยับแซงแฟรงก์ แลมพาร์ดขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ตลอดกาลของตารางการทำแอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่ 103 ครั้งซึ่งเทียบเท่ากับเวย์น รูนีย์ โดยตามหลังอันดับ 2 อย่างเชสก์ ฟาเบรกาสอยู่เพียง 8 แอสซิสต์เท่านั้น ส่วนอันดับ 1 อย่างไรอัน กิ๊กส์ เดอ บรอยน์นั้นตามหลังอยู่ที่ 59 แอสซิสต์ (สถิติของกิ๊กอยู่ที่ 162 แอสซิสต์)นิวคาสเซิลแพ้เกมเหย้าในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 รวมไปถึงการเสีย 3 ประตูแมนเชสเตอร์ ซิตีเป็นทีมที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกที่สามารถชนะเกมเยือนที่ถูกขึ้นนำไปก่อนได้ 3 เกมติดต่อกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะมีลีดส์ ยูไนเต็ดที่ทำได้ในเดือนตุลาคม 1999, ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์เดือนธันวาคม 2013 และแมนเชสเตอร์ ยูไเนต็ดในเดือนธันวาคม 2020จากจำนวนประตูทั้งหมด 65 ประตูในพรีเมียร์ลีกของเดอ บรอยน์ มีถึง 28 ประตูที่เขายิงจากนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งวัดจากนักเตะที่สามารถทำประตูได้อย่างน้อย 50 ประตู และมีเพียงเดวิด เบ็คแฮมที่มีเปอร์เซนต์ในการทำประตูจากนอกกรอบเขตโทษที่มากกว่าเดอ บรอยน์ โดยป๋าเบ็คส์นั้นอยู่ที่ 55% ส่วนเดอ บรอยน์อยู่ที่ 43%อเล็กซานเดอร์ อิซักนั้นกลายเป็นนักเตะสวีเดนคนแรกที่สามารถยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 10 ประตูขึ้นไป 2 ฤดูกาลติดต่อกัน นอกจากนี้ยังเป็นนักเตะนิวคาสเซิลคนที่ 4 ที่ยิงสิบประตูขึ้นไปใน 2 ฤดูกาลแรกกับทีมสาลิกาดง ต่อจากปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ (93/94, 94/95), เลส เฟอร์ดินานด์ (95/96, 96/97) และเดมบา บา (11/12, 12/13)แบร์นาโด ซิลวาสามารถทำประตูให้เรือใบได้ในเกมเยือน 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมกับประตูในเกมเยือน 8 เกมหลังสุดไปแล้ว 8 ครั้ง (ยิง 4 แอสซิสต์ 4)แอนโธนี กอร์ดอนมีส่วนกับประตูในเกมเหย้าให้กับนิวคาสเซิล 7 เกมหลังสุดไปแล้ว 7 ครั้ง โดยยิงไป 5 ประตูและแอสซิสต์อีก 2 ครั้ง แถม 5 จาก 6 ประตูที่เขาสามารถยิงให้กับนิวคาสเซิลในเกมที่เตะที่เซนต์ เจมส์ พาร์คในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ล้วนแล้วแต่ยิงใส่ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, เชลซี, แมนยูและแมนซิตี้เควิน เดอ บรอยน์เป็นนักเตะเรือใบสีฟ้าคนแรกที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วสามารถทั้งยิงและแอสซิสต์ได้ นับตั้งแต่ที่กุน อเกวรโรเคยทำได้ในเกมที่เจอกับคาร์ดิฟฟ์ในเดือนมกราคม 2014หลังจากที่นิค โป๊ปเจ็บไปและเป็นโอกาสให้มาร์ติน ดูบราฟกาได้ลงสนาม โดยนับตั้งแต่ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเดือนธันวาคม เขากลายเป็นผู้รักษาประตูที่สามารถเซฟได้มากกว่าผู้รักษาประตูคนอื่นๆ ในลีกไปแล้วที่ 39 ครั้ง นอกจากนี้ก็ยังเสียประตูมากกว่าคนอื่นๆ อีกด้วยที่ 18 ประตู"139 วินาที" หรือ 2 นาทีกับอีก 19 วินาที คือระยะห่างของประตูที่อเล็กซานเดอร์ อิซักและแอนโธนี กอร์ดอนยิงตีเสมอและขึ้นนำ (ตามลำดับ) ให้กับนิวคาสเซิล ทำให้นิวคาสเซิลกลายเป็นทีมที่สามารถยิง 2 ประตูใส่แมนซิตี้ได้ไวที่สุด ต่อจากสเปอร์ที่เคยทำไว้ในเดือนมกราคมเมื่อปีที่แล้วด้วยระยะเวลาเพียง 127 วินาทีหรือ 2 นาที 7 วินาที"50" นี่คือจำนวนเกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตีนั้น "ไร้พ่าย" ติดต่อกันแล้วในทุกรายการเวลาที่มีโรดรีลงสนาม โดยเกมล่าสุดที่แมนซิตี้นั้นแพ้ในเกมที่มีโรดรีลงสนามก็คือการแพ้ต่อท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์เมื่อกุมภาพันธ์ปีที่แล้วบทความที่เกี่ยวข้องสาลิกาไร้ที่ติ, เดอะแบก แมคไกวร์!!! 5 ประเด็นหลังเกมนิวคาสเซิล พบ แมนยูโคตรเกมนรกแตก!!! 5 ประเด็นหลังเกมเชลซีเสมอแมนซิตี้ 4-45 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี้สอนบอลแมนยู ...Manchester is Blueแมนซิตี้กับสิ่งที่จะต้องเจอใน "พรีเมียร์ลีก 2023/2024"ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOpta AnalystWhoscoredOfficial Facebook ของพรีเมียร์ลีก, แมนเชสเตอร์ ซิตีและนิวคาสเซิลOffcial Instagram ของเอแดร์ซอน (@ederson93)ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !