ยิงเต็มข้อ...!!! by บับเบิ้ล : "ยู-23 เอเชีย 2020" ลุ้นทั้งใน-นอกสนาม !!!
“ยู-23 เอเชีย 2020” ลุ้นทั้งใน-นอกสนาม !!!
นับถอยหลังจากวันนี้ไปเหลือไม่ถึง 1 เดือนแล้วที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ “ฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2020” ระหว่างวันที่ 8-26 ม.ค. 2563
นี่คือทัวนาเมนต์ใหญ่ของทวีปที่จะคัดหาทีม 3 ทีมตัวแทนเอเชีย (ไม่รวม “ญี่ปุ่น” ในฐานะ “เจ้าภาพ” รอบสุดท้าย) ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก “โตเกียวเกมส์ 2020” ในช่วงกลางปี
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯสั่งเดินแผนล่วงหน้าเป็นปีๆเพื่อล่าฝันโอลิมปิก ตอนเริ่มต้นทุกอย่างดูดี แต่ไปๆมาๆเหลือไม่ถึงเดือนเกมจะเตะแล้วแท้ๆแฟนบอลไทยยังต้องปาดเหงื่อลุ้นหนักอยู่เลย
สถานการณ์ถึงตรงนี้หากบอกว่าต้องลุ้นทั้งในและนอกสนามคงไม่ผิดหนัก เพราะการเตรียมทัพ “ช้างศึก” และการเตรียมเป็น “เจ้าภาพ” ของประเทศไทยดูน่าหวั่นใจไม่น้อย !!!
เริ่มตั้งแต่การเตรียมทีมของ อากีระ นิโชนะ กุนซือญี่ปุ่นกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก โดยเฉพาะประเด็นแผนการฝึกซ้อมที่มีกำหนดเรียกเข้าแคมป์วันที่ 26 ธ.ค.นู้นเลย
หลายคนเป็นกังวลว่าระยะเวลาฝึกซ้อมเพียงพอหรือไม่เพราะเดี๋ยวช่วงปีใหม่วันที่ 31 ธ.ค.และ 1 ม.ค. “นิชิโนะ” มีแผนปล่อยนักเตะพักอีก 2 วันด้วย
เท่ากับว่าทีมชาติไทยจะมีเวลาซ้อมจริงๆแค่ 11 วันเท่านั้นก่อนลงเตะนัดแรกกับ “บาห์เรน” ในวันที่ 8 ม.ค.
“นิชิโนะ” ให้เหตุผลว่าต้องการให้ลูกทีมได้พักสภาพร่างกายหลังกรำศึกมาตลอดปี ทั้งใน “ไทยลีก” และทีมชาติไทยที่มีคิวเตะ “ฟุตบอลโลก 2022” รอบคัดเลือก รวมถึง“ซีเกมส์ 2019”
กุนซือญี่ปุ่นคาดหวังว่าการให้นักเตะพักนานๆจะทำให้ร่างกายกลับมาสดชื่นและมีความกระหายมากกว่าเร่งเรียกเข้าแคมป์ นี่คือสไตล์ของ”นิชิโนะ”ที่เห็นบ่อยครั้งในการคุมทีมชาติไทย
แต่หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วย ส่วนใหญ่มองว่าปล่อยเวลาว่างนานไป ถ้านับวันจากที่ไปตกรอบ”ซีเกมส์” กลับถึงไทยตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. เท่ากับว่ามีเวลาพักร่างกายมากกว่าเวลาซ้อมด้วยซ้ำ
อีกทั้งยังมีการเปรียบเทียบเกิดขึ้นเมื่อ“เวียดนาม” ที่เพิ่งได้เหรียญทอง”ซีเกมส์”มาไม่ถึงสัปดาห์ดันพักไม่นาน ตอนนี้ ปาร์ค ฮัง ซอ พาทีมไปเก็บตัวที่เกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว
ประเด็นนี้จึงกลายเป็น“ดราม่า”ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งที่“เห็นด้วย” และ“เห็นค้าน”กับแนวทางของ”นิชิโนะ”
ตรงนี้ถือว่าอยู่ที่มุมมอง ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก และทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้ ส่วนตัวแล้วผมต้องขอสารภาพว่าอยู่ในฝ่าย “ไม่เห็นด้วย”
จากที่เห็นและเป็นอยู่คิดว่า “นิชิโนะ” มี”การบ้าน”ที่ต้องทำอีกเยอะทีเดียว
ความล้มเหลวใน”ซีเกมส์”ที่ฟิลิปปินส์แบบแค่เอาตัวรอดให้ผ่านรอบแรกยังไม่ได้ทำให้ “นิชิโนะ” ควรต้องตระหนักว่าสิ่งที่ต้องแก้ไขอีกเยอะแยะมากมาย
ปัญหาคือ “นิชิโนะ” มีเวลากับทีม “ยู-23” น้อยมาก เพราะต้องรับผิดชอบทำทีมใน “ฟุตบอลโลก 2020” รอบคัดเลือก ควบคู่กันไปด้วยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่รับงานที่เมืองไทย
“นิชิโนะ” ได้จับทีมชุดนี้เต็มๆแค่ไม่กี่วันก่อนแข่ง “ซีเกมส์” แถมแต่ละนัดยัง “โรเตชั่น” นักเตะแบบจับทางไม่ถูกว่ามี “11 คนแรกในใจ” หรือยัง เพราะแต่ละเกมไม่มี “แกนหลัก” เลย
หลายคนมองอีกว่าการจัดตัวและแก้เกมใน”ซีเกมส์” เหมือน “นิชิโนะ” จะ “ผิดฝา ผิดตัว” หลายหน จนมีเสียงนินทาปนสงสัยดังหลุดจากแคมป์ออกมาว่า “จำนักบอลผิดหรือเปล่า”
ไม่ใช่แค่ข้อสงสัยที่ว่าโค้ชรู้จักนักบอลดีพอหรือยัง อาจต้องลงรายละเอียดไปอีกว่าเทคนิค เทคติก ที่”นิชิโนะ” ต้องการใส่ให้กับนักเตะไทยนั่นมีการเรียนรู้และเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
นี่ยังไม่รวมถึงนักเตะใหม่ที่ต้องถูกเรียกเข้ามาเพิ่มด้วย เพราะ”ซีเกมส์” มีแค่ 20 คน แต่”ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย” ส่งรายชื่อได้ 23 คน ต้องถามว่า”นิชิโนะ” จะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นกี่ราย
ถ้ายกชุดจาก “ซีเกมส์” มาหมดเห็นทีจะไม่ไหว สภาพบางคนน่ามีการถูกถอดออกแล้วถอดเข้า แต่ถามว่าแล้วพวกตัวใหม่จะเอาอย่างไร เวลาที่ว่างๆแบบนี้ทำไมไม่เรียกเข้ามาลองทดสอบดู
คนที่กลับจาก “ซีเกมส์” อาจปล่อยพักยาวได้ แต่คนที่ไม่ได้ไปและได้พักร่างกายมาแล้ว ทำไม “นิชิโนะ” ไม่เรียกเข้ามาดูฟอร์มบ้าง บางคนหายเจ็บกลับมาแล้ว และบางคนดีกว่าที่มีอยู่
ที่หลายคนเป็นห่วงอีกประเด็นคือ “ความฟิต” ถ้ามีเวลาซ้อมแค่ 11 วันแล้ว “นิชิโนะ” ใส่เทคนิค เทคติก เลยคงไม่น่าห่วง แต่ช่วงลีกปิดแบบนี้นึกไม่ออกว่าต้องมาเร่งความฟิตกันใหม่หรือเปล่า
“นิชิโนะ” ต้องเข้าใจว่านักเตะไทยไม่เหมือนนักเตะญี่ปุ่น ว่ากันตรงๆคำว่า “ความรับผิดชอบ” ยังห่างกัน ตัวอย่างจากอดีตมีให้เห็นหลายหนว่าการปล่อยนักเตะอยู่นอกแคมป์นานๆ…ไม่ค่อยดี
การรับงานคุมทีมชาติไทยคือการออกมาทำงานนอกประเทศเป็นครั้งแรกของ “นิชิโนะ” ดังนั้นต้องเข้าใจตรงนี้ด้วยว่าธรรมชาตินักฟุตบอลแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
ไม่เห็นด้วยที่มีคนชอบบอกว่า “นักบอลไทยได้แค่นี้แหละ” แต่ควรคิดว่า “นิชิโนะ” ค่าจ้าง 3 ล้านบาทต่อเดือนเพื่อทำให้นักฟุตบอลไทยดีขึ้น พัฒนาขึ้น ไม่งั้นจะจ้างมาทำไม !!
ดังนั้นจากภาพรวมทีเห็นอยู่จึงน่าเป็นห่วงว่าผลงานในสนามของนักเตะไทยใน “ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020” จะได้ลุ้นอย่างที่หวังแค่ไหน
นึกแล้วน่าเสียดาย อุตสาห์วางแผนไว้ดิบดีล่วงหน้าตั้ง 3-4 ปี แต่สุดท้ายเพราะนโยบาย “ไม้หลัก ปักขี้เลน” จึงทำให้ทีม “ยู-23” กลับต้องมาเริ่มเตรียมทีมจริงๆจังๆแค่ไม่กี่เดือนก่อนแข่ง
เรื่องนอกสนามอย่างการเป็น “เจ้าภาพ” ก็ไม่ต่างกัน ถึงตรงนี้สนามต่างๆยังปรับปรุงไม่เสร็จเลย ไม่มีสนามไหนที่เรียกได้ว่า “เสร็จ 100%”
สนามหลักอย่าง “ราชมังคลากีฬาสถาน” มีข้อมูลหลุดมาว่าผู้รับเหมาแจ้งจะแล้วเสร็จวันที่ 28 ธ.ค. แต่ยังไม่รวมเก็บรายละเอียดและเซตอุปกรณ์ภายใน
ล่าสุด “เอเอฟซี” ขยับกำหนดการใหม่ให้ส่งมอบสนามแข่งขันในวันที่ 3 ม.ค. หรือ 5 วันก่อนนัดเปิดสนามในวันที่ 8 ม.ค. !!!
ดูแล้วระยะเวลากระชั้นชิดขนาดนี้คงไม่มีการเปลี่ยน “เจ้าภาพ” แน่ๆเพราะไม่น่าหาใหม่ได้ทัน แต่ประเทศไทยจะจัดแข่งขันด้วยความพร้อมต่างๆแค่ไหน…รอลุ้นกันต่อไปครับพี่น้องชาวไทย
“บับเบิ้ล”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
>> ยอดพุ่งแตะ 400,000! “ธีราทร”เปิดประมูลเสื้อแข่งช่วยเหลืออดีตสตาฟฟ์ทีมชาติ
>> “ธีราทร บุญมาทัน” ดาวเตะผู้แข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งดั่ง “ซุนโกคู” หลังปราบเหล่าร้าย
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่