สำหรับแฟนมวยแล้วย่อมเป็นที่รู้กันดีว่า ระหว่างศึกมวย ONE ลุมพินี กับศึก ONE Fight Night นั้นมีความแตกต่างกันอยู่ มวย ONE ลุมพินีจะถูกเรียกว่า "ONE เล็ก" ต่อยกันสัปดาห์ละครั้ง และเป็นเหมือนสังเวียนแห่งการคัดสรรค์นักชกมากฝีมือให้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ "ONE ใหญ่" หรือ ONE Fight Night อีกที จากที่โหดอยู่แล้วเลยโหดขึ้นไปอีก อัตราความเมามันส์ล้านแรงถีบ นาน ๆ ได้ดูทีแต่ดูทีไร ONE Fight Night ก็ถือว่าคุ้ม คิดเอาเถอะครับขนาดปกติผมจะต้องเขียนบทความก่อนชก เทียบฟอร์มนั่นนู่นนี่ แต่พอเป็นศึก ONE Fight Night ผมหยุดเลย ผมว่าผมเปลี่ยนมาเขียนบทความคุยหลังชกแทนดีกว่า เพราะไม่กล้าวิจารณ์ครับ โอกาสผิดหรือเกมพลิกไปพลิกมานั้นมีสูงมาก บทความนี้ผมเลยขอพูดถึงไฟท์การชกระหว่าง "รุ่งราวี ศิษย์สองพี่น้อง" กับ "ยูเซฟ อัสซูอิก" ในพิกัดไลต์เวต 155 -170 ปอนด์ ส่วนผลการฟาดปากจะออกมายังไงนั้น ตามมาอ่านกันได้เลยครับ 1. ดูเนื้อตัวแล้วฝรั่งเหมือนจะได้เปรียบ เอาง่าย ๆ คุณผู้อ่านเริ่มต้นเปิดตัวนักมวยมา ผมพบว่า ยูเซฟ อัสซูอิก นักชกลูกครึ่งเดนมาร์ค - โมร็อคโก นั้นมีช่วงชกที่ยาวมาก แม้จะอายุอานามห่างจากนักมวยไทยเราแค่ 1 ปี แต่ส่วนสูงต่างกันถึง 11 ซ.ม. แบกมาด้วยประวัติแชมป์คิกบ็อกซิ่งจากประเทศบ้านเกิด ต่อย 6 ปีล่าสุดไม่แพ้ใครเลยสักคน บอกเลยครับว่าโคตรสยอง ในขณะที่ฝั่งเรา รุ่งราวี ศิษย์สองพี่น้อง ตัวเตี้ยกว่าน้ำหนักตัวก็เป็นรอง แต่ยังไว้ใจได้อย่างหนึ่งคือมีดีกรีเป็นแชมป์มวยรอบ ที่เวทีสยามอ้อมน้อยมา เอาน่า.. น่าจะพอสู้กันได้อยู่ ผมหวังแต่เพียงว่าอย่าโดนเร็วก็พอ เบื้องต้นต้องเอาใจช่วยเยอะอยู่ครับ 2. ยกที่ 1 จืดกว่าที่คิด อย่างที่ผมเขียนไว้ในย่อหน้าแรกครับ ว่าผมค่อนข้างคาดหวังถึงความดุเดือดในทัวร์นาเมนท์ ONE Fight Night ทว่าสิ่งที่นักมวยทั้งคู่ทำกลับเป็นการต่อยแบบวงนอกเป็นหลัก เน้นระยะห่างและระมัดระวังตัวกันแจ โดยเป็นฝั่งของ ยูเซฟ อัสซูอิก ที่แม้จะตัวสูงใหญ่แต่กลับเลือกที่จะเดินเข้าหามากกว่า ความพิเศษของเขาคือการเปลี่ยนการ์ดมวยได้ 2 แบบ ยืนการ์ดซ้ายก็ได้ สลับเป็นการ์ดขวาก็ดี ทำให้ รุ่งราวี ศิษย์สองพี่น้อง ต่อยด้วยความลำบาก คือเดาไม่ถูกว่าจะมาไม้ไหน แต่ผมมองว่าระบบการป้องกันตัวของเขาก็ดูไม่ค่อยดีเลย กล่าวคือ ยูเซฟ อัสซูอิก มักจะยืนรับแข้งของ รุ่งราวี แบบเฉย ๆ ไม่ยกบัง ไม่ตั้งแขนรับใด ๆ ทั้งสิ้น อุปมาเหมือนน้ำหนักของอาวุธน่าจะเบาและไม่ระคายผิว แม้แต่ลูกคลุกวงในที่เป็นเอกลักษณ์ของนักมวยไทย ยูเซฟ อัสซูอิก ก็มีเชิงพอที่จะทำให้ รุ่งราวี โน้มตีได้ไม่ถนัด กลายเป็นว่ายกหนึ่งดูจืด ๆ ไม่มีลูกชัดเจนกันทั้งคู่ เหมือนแลกแข้งกันเปาะ ๆ แปะ ๆ ซะมากกว่า 3. ยกที่ 2 อาวุธหนักเริ่มมา ระฆังตีเป้งคนที่เดินเข้าใส่ยังคงเป็นฝรั่งโมร็อคโกอย่าง ยูเซฟ อัสซูอิก แม้จะตัวสูงแต่ไร้ซึ่งความเก้งก้าง เขายังคงย่างสามขุมซอยยิก ๆ เข้าใส่ เพราะน่าจะรู้แล้วว่าเล่นวงนอกดูจะไม่เวิร์ค ความจะแจ้งยังน้อยเกินไปตัวใหญ่ ๆ เลยต้องเบียดประชิดติด และเราก็เริ่มได้เห็นท่ายากจากเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกเหวี่ยงหมัดกลับหลัง "Spining punch" หรือลูก กวางเหลียวหลัง "Back kick" ซึ่งบางทีเขาน่าจะนำเทคนิคเหล่านี้มาจากการชก Kick boxing ที่เคยเป็นแชมป์มา แต่ก็อีกนั่นแหละครับว่ามันไม่เข้าเป้า ฝั่งนักชกไทยอย่าง รุ่งราวี ก็เอาแต่ถอยหนีเว้นระยะห่าง เน้นชกแบบมาตรฐานอาศัยดักจังหวะสองเก็บคะแนน ความเร้าใจหลังจบยก 2 ก็เลยยังไม่เกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว 4. ยกที่ 3 จืดกว่าน้ำเปล่า ยกที่ 3 เริ่มต้นภาพรวมไม่ได้ต่างจากยก 2 นั่นคือ ยูเซฟ อัสซูอิก ยังคงเดินเครื่องเข้าใส่ และ รุ่งราวี ศิษย์สองพี่น้อง เลือกที่จะถอยหนีและชกตามแผนการที่วางมา แต่จะมีลูกเพิ่มเติมนิดนึงครับ ตรงที่พอเข้าวงในแล้วมีการจับล็อคกันเพื่อหาเหลี่ยม ผมพบว่านักมวยไทยนั้นมีการใช้เหลี่ยมมวยในการรัดใต้ปีก ทำให้เข่ายาว ๆ แหลม ๆ คม ๆ ของ ยูเซฟ อัสซูอิก ไม่สามารถง้างตีได้ถนัด กล่าวคือ รุ่งราวี สามารถปิดผนึกอาวุธของ ยูเซฟ อัสซูอิก ได้หมดจรดตลอดทั้งไฟท์ ทั้งที่ก่อนแข่งใครต่อใครต่างคิดว่าเจ้าตัวน่าจะโดนต่อยร่วง คุณผู้อ่านไปย้อนดูใบหน้าของ รุ่งราวี ได้เลยครับว่าใสสะอาดแค่ไหน เขาชกได้ตามแผนเป๊ะ ๆ แต่แค่ไม่เร้าใจแฟนมวยในสนามก็เท่านั้นเอง อุตส่าห์ได้ต่อย "ONE ใหญ่" ทั้งที ผมก็เป็นคนหนึ่งล่ะครับที่อยากจะให้สะใจกว่านี้ มีบางจังหวะนะครับที่ทั้งคู่ต่างก็ต่อยหมัดแรกได้ เปิดมาแล้วแต่ลูกตามเป็นคอมโบกลับไม่เกิดขึ้น ไปติดเชือกบ้าง ต่อยวืดบ้าง โดนกอดบ้าง หาความต่อเนื่องไม่ได้เลย สรุปสุดท้าย จบ 3 ยกนับผลคะแนน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำครับว่า รุ่งราวี ศิษย์สองพี่น้อง ชนะไปด้วยคะแนนเท่าไหร่ชนะเป็นเอกฉันท์ไหม ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับผู้บรรยายที่บอกว่า รุ่งราวี ศิษย์สองพี่น้อง ชกได้ตามแผนที่เตรียมมา ผมยังรู้สึกผิดอยู่นิด ๆ ด้วยซ้ำที่เลือกดูผิดคู่ไปหน่อย ทำไมผมถึงไม่เลือกดูนักมวยไทยอีกคนที่ชกบนเวทีเดียวกันอย่าง เสือคิม ที่ชกกับ ซาเฟอร์ ในพิกัด 145 ปอนด์ รุ่นเล็กลงมาหน่อยแต่ไวกว่าเยอะ แล้วคู่นั้นน่ะครับบอกเลยว่าละเลงเลือด เจียนอยู่เจียนไปกันทั้งคู่ คิดแล้วก็เสียดาย แต่ก็อย่างว่าล่ะครับไม่มีใครรู้อนาคตได้หรอก นักมวยเองเขาก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เราไม่ได้เห็น เขาไม่ได้ต่อยวันนี้ครั้งเดียวแล้วเลิกซะเมื่อไหร่ ร่างกายที่บอบช้ำสะสม อาการบาดเจ็บโดนเข้าบ่อย ๆ ก็อาจจะฟื้นตัวช้า ต่างคนต่างมีเหตุผลของตนเอง แม้ไฟต์นี้จะน่าเบื่อและไม่เร้าใจเอาซะเลย แต่ผมก็จะเป็นกำลังใจให้นักมวยไทยทุกคนต่อไป ONE คือสมรภูมิที่ยกระดับมวยไทยให้ไปสู่สายตาชาวโลก ก็ต้องมีมวยบู๊ มวยบุ๋น บ้าง สลับกันไปก็หลากหลายดีครับ เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก จาก FB : ONE Championship Thailand รูปที่ 1 จาก FB : ONE Championship Thailand รูปที่ 2 จาก FB : ONE Championship Thailand รูปที่ 3 จาก FB : ONE Championship Thailand รูปที่ 4 จาก FB : ONE Championship Thailand ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !