รีเซต
TRUE TALK : เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ครองจ้าวยุโรปสมัยที่ 6 ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ครองจ้าวยุโรปสมัยที่ 6 ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ครองจ้าวยุโรปสมัยที่ 6 ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
2 มิถุนายน 2562 ( 05:32 )
4K
38

เชื่อว่าเหล่า “เดอะ ค็อป” ทั้งโลกคงจะยิ้มกริ่มไม่หยุด และอาจจะต่อเนื่องไปถึงอาการนอนไม่หลับในคืนนี้เป็นแน่ หลังทีมรักสามารถคว้าชัยชนะเหนือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-2 พร้อมกับภาพการชูโทรฟี่แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของกัปตันอิงลิชแมนอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ทันทีที่เสียงนกหวีดสุดท้ายจาก ดาเมียร์ สโคมิน่า เชิ๊ตดำสโลวีเนีย สิ้นสุดลง

แม้ว่ารูปเกมที่ออกมาจาก ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ จะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากเหล่ากูรูลูกหนังอย่างเผ็ดร้อนว่า ลิเวอร์พูล เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานบ้าง ขาดความสวยงามบ้าง และหนักสุดคือน่าเบื่อ แต่ถ้าเราลองมองสถิติจาก ยูฟ่า ประกอบ คุณจะรู้ได้ทันทีว่า บางที ประสิทธิภาพในจังหวะสุดท้ายต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเกมลูกหนังนัดยิ่งใหญ่อย่าง UCL FINAL แบบนี้

วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันแบบตรงไปตรงมาว่า อะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถผงาดครองจ้าวยุโรปสมัยที่ 6 ได้อย่างเด็ดขาด

AP Photo/Manu Fernandez

ฟุตบอลตัดสินกันที่ประตู
และลิเวอร์พูล เด็ดขาดกว่า

นี่คือสัจธรรมที่เห็นเด่นชัดที่สุดของฟุตบอลทุกๆ คู่ในโลกใบนี้ ไม่ว่าคุณจะดูทีมบอลตามหมู่บ้าน ทัวร์นาเม้นต์สมัครเล่น ขยับขึ้นมาไกลถึงฟุตบอลลีก, ทีมชาติ หรือแมตช์ชิงใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เฉกเช่นเกมนี้ ทีมที่ยิงประตูได้มากกว่าเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายคว้าชัยไป ฉะนั้น สาวก “ไก่เดือยทอง” คงต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า เกมนี้พวกเขาเองต่างก็มีโอกาสลุ้นพังประตูมากมาย ทั้ง ซน ฮึง มิน, เดเล่ อัลลี่ หรือแม้แต่ตัวสำรองอย่าง ลูคัส มูร่า ที่มีโอกาสได้ซัดเน้นบริเวณลูกที่จุดโทษ แต่ทว่าความเด็ดขาดในจังหวะชี้เป็นชี้ตายของ สเปอร์ส ในเกมนี้ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างชัดเจน ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่สามารถฉกฉวยโอกาสได้แบบไม่เปลือง ทั้งลูกจุดโทษที่แสนจะกดดันของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตั้งแต่นาทีแรก รวมถึงลูกยิงในช่วงท้ายเกมของ ดิว็อค โอริกี้ ที่เพียงพอจะเป็นประตูตอกฝาโลง พร้อมตอกย้ำคำว่า “ความเด็ดขาด” ให้แข้งจากลอนดอนได้เรียนรู้

Did you know ? : สเปอร์ส มีโอกาสยิงในเกมนี้มากถึง 13 ครั้ง โดยแบ่งเป็นการยิงเข้ากรอบมากถึง 8 หน ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่มีโอกาสได้ซัดตรงกรอบเพียงแค่ 3 ครั้ง แต่พวกเขากลับแปรเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ถึงสองเม็ด

AP Photo/Manu Fernandez

อลิสสัน – ฟาน ไดจ์ค
ความคุ้มค่าที่พา “หงส์แดง” มาถึงจุดนี้

จำนวนเงิน 132 ล้านปอนด์ที่ ลิเวอร์พูล ทุ่มไปกับการสร้างเกมรับฉบับใหม่ กลายเป็นจำนวนเงินอันน้อยนิดไปในพริบตา หลังการพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาคือสองนักเตะในแนวรับที่ดีที่สุดในโลก ทั้ง อลิสสัน และเวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมาตลอดทั้งฤดูกาล ไม่เว้นแม้แต่นัดชิงชนะเลิศที่ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่

การบินเซฟนับครั้งไม่ถ้วนของนายด่านมือหนึ่งแห่งทัพ “เซเลเซา” ในเกมนี้ ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจังหวะปฏิเสธลูกยิงไกลของ ซน ฮึง มิน, จังหวะอันตรายของ เดเล่ อัลลี่ ในกรอบเขตโทษ, ลูกฟรีคิกของ อีริคเซ่น ที่ทำท่าจะเสียบเสาไกลอยู่แล้ว แต่สุดท้าย อลิสสัน เองก็ไม่มีพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

ส่วน เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค มูฟเม้นต์ของเขาได้ทำให้ แฮร์รี่ เคน ไม่ต่างอะไรไปจากลูกแมวน้อยสุดเชื่องในสนาม จังหวะปะทะ ชิงเล่นลูกกลางอากาศ รวมถึงการเอาชนะในจังหวะสำคัญโดยเฉพาะการหลุดเดียวของดาวเตะพลังโสม ยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจเพิ่มเติมให้กับเหล่า “เดอะ ค็อป” ทั้งโลกรู้ว่า เกมรับที่ดี จะสามารถพาทีมไปถึงแชมป์ได้แน่ๆ

เมื่อ สเปอร์ส เจาะทำนบคู่แข่งไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ “การถูกลงโทษ” อย่างสาสมนั่นเอง

AP Photo/Emilio Morenatti

สวยงาม แต่แพ้
กับ ทื่อๆ แต่ทรงประสิทธิภาพ
คุณจะเลือกอะไร ผมไม่รู้ ? แต่ ลิเวอร์พูล เลือกแชมป์…

บทเรียนจาก “เคียฟ ไฟน่อล” เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ได้ทำให้ คล็อปป์ และนักเตะลิเวอร์พูลชุดนี้ดูสุขุม และมีความเป็นผู้ใหญ่ในสนามมากขึ้น สังเกตได้จากการขยับ หรือแทคติกของกุนซือชาวเยอรมันที่ไม่ได้ผลีผลามสักแต่จะเปิดเกมบุกเพียงอย่างเดียว เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่า สเปอร์ส ของ “พอช” เองเป็นทีมที่มีนักเตะเล่นจังหวะสวนกลับได้ดี เมื่อ ลิเวอร์พูล โยนความกดดันไปให้ “ไก่เดือยทอง” ต้องเป็นฝ่ายเดินเกมรุกบ้าง ผลที่ออกมาจึงกลายเป็น สเปอร์ส ที่ครองเกมได้มากกว่าอย่างชัดเจน

62 – 38 คือเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่บ่อยครั้งที่ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะครองบอลได้น้อยกว่าคู่แข่ง อันนี้ต้องยกเครดิตให้กับ โปเช็ตติโน่ ด้วยเหมือนกัน แต่ทว่าประสิทธิภาพในพื้นที่สุดท้าย ประสบการณ์ของนักเตะในเกมที่เต็มไปด้วยความกดดันแบบนี้ของ สเปอร์ส ยังดูไม่สมูธพอที่จะพาทีมเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้

และเมื่อถึงเวลาต้องออกหมัดฮุค คล็อปป์ ก็มีนักเตะอย่าง ซาลาห์ หรือ โอริกี้ อยู่ในจังหวะดังกล่าวพอดี ผิดกับ “พอช” ที่มีเวลาขึงเกมเกมราวๆ 15 นาทีสุดท้าย แต่กลับปิดบัญชีประตูตีเสมอไม่ได้ หากจะบอกว่า ประสิทธิภาพ สำคัญกว่า ความสวยงาน เห็นทีจะเป็นสิ่งที่ตรงที่สุดกับเกมแมตช์นี้

AP Photo/Felipe Dana

เยอร์เก้น คล็อปป์

กุนซือชาวด๊อยท์ชรายนี้ คือกุญแจสำคัญที่สุดที่ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 6 ด้วยผลงานอันเป็นรูปธรรม บวกกับความนอบน้อมถ่อมตนที่พร้อมยืดหยุ่นแทคติกตัวเอง และกล้าทำในสิ่งที่คู่แข่งคาดไม่ถึงในเกมนัดชิงฯ !!!

การมอบบทบาทให้ ซาดิโอ มาเน่ มีส่วนกับเกมรับมากเป็นพิเศษ ทำให้วิงแบ็กอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ เองเกิดความกังวลอยู่ไม่น้อยยาดต้องวัดความเร็วกับ มาเน่ พวกกับการพะวงว่าจะโดนเจ้าของหมายเลข 10 แห่งถิ่นแอนฟิลด์รายนี้เล่นงานเมื่อไหร่ ทำให้ ทริปเปียร์ ดูไม่สุดเลยในเกมนี้

นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังกล้าให้อิสระกับสตาร์เซเนกัลรายนี้ได้ลงมาล้วงบอลด้วยตนเอง กลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่นักเตะสเปอร์สเอาไม่อยู่เลยแม้แต่จังหวะเดียว ความเร็ว และเซ้นส์บอลอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัว ได้กลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธของ ลิเวอร์พูล ที่ใช้ทะลุทะลวง สเปอร์ส ตรงกลางสนามดื้อๆ ทำเองแทคติกที่ “พอช” วางเอาไว้มีเซเหมือนกัน

ความกล้าได้กล้าเสียของ คล็อปป์ ถือเป็นคาแรกเตอร์ที่สะท้อนภาวะความเป็นผู้นำในเกมสำคัญแบบนี้ เมื่อทีมมีผู้นำที่ดีแบบนี้ มีหรือโทรฟี่แชมป์จะไปไหน…

AP Photo/Felipe Dana

พลังของ “เดอะ ค็อป” ทั่วโลก

ไม่มีพลังเชียร์จากไหนที่มหัศจรรย์ และยิ่งใหญ่ไปมากกว่าพวกคุณอีกแล้ว

“เดอะ ค็อป” หาใช้กลุ่มแฟนบอลที่ตามเชียร์เพียงเพราะความสำเร็จ หากแต่พวกเขาคือคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างทีมทั้งในยามสุข หรือทุกข์ ในวันที่ทีมชนะ แพ้ หัวเราะ หรือมีน้ำตา “เดอะ ค็อป” เองก็พร้อมจะยืนอยู่ข้างๆ และก้าวไปพร้อมๆ กันเช่นเคยไม่มีเปลี่ยนแปลง ดั่งประโยคคลาสสิคที่แฟนบอลทั้งโลกรู้จักกันดีอย่าง “คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย”

เชื่อว่าการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์ครั้งสำคัญที่แฟนบอลลิเวอร์พูลจะไม่มีวันลืมเลือน แม้ว่าเกมนี้จะไม่มีการคัมแบ็กสุดเหลือเชื่อเหมือนกับที่ อิสตันบูล ในปี 2005 แต่มั่นใจว่าสิ่งที่แข้ง “หงส์แดง” ได้แสดงให้ทุกคนเห็นถึงประสิทธิภาพของแทคติก การฉวกฉวยโอกาสที่เด็ดขาด และหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความกระหายในชัยชนะนั้นจะมากพอ พอที่จะเข้าไปตรึงหัวใจ “เดอะ ค็อป” ไปตลอดกาล…

ลิเวอร์พูล คือทีมที่คู่ควรกับแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018/2019 อย่างแท้จริง…

“บก.เก้น”

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้