หากกล่าวถึงเกมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของโลก ย่อมหนีไม่พ้นโอลิมปิคเกมอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้ใกล้ถึงฤดูกาลเกมกีฬายิ่งใหญ่นี้อีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้ส่งเกมกีฬาหลายรายการเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ซึ่งก็มีทั้งผิดหวังและสมหวังปะปนกันไป แต่หากสนใจอยากทราบความยิ่งใหญ่ของเกมกีฬานี้ว่าเป็นอย่างไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไรจึงสามารถรวมชนชาติต่างๆ ให้เข้าร่วมการแข่งขันได้มากขนาดนี้ ที่มาของรูป www.freepik.com ประวัติความเป็นมาของคำว่าโอลิมปิคนั้นยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลในอาณาจักรของกรีก โดยมีหลักความเชื่อมาจากเทพปกรณัมของกรีกที่ว่าเป็นกีฬาของเทพเจ้าที่จัดขึ้นมาทุกๆ 4 ปี โดยจะต้องจัดที่นครโอลิมเปียที่เชื่อว่าเป็นนครแห่งมหาเทพซุส เทพที่มีอำนาจสูงสุดแห่งยอดเขาโอลิมปิกนั่นเอง เกมกีฬาในยุคแรกๆ จะอิงตามรูปแบบการรบอันได้แก่การวิ่ง การกระโดด การขว้างจักร การพุ่งแหลน มวยปล้ำ ชกมวยหรือมวยปล้ำ และขี่ม้า แต่ในตำนานยังกล่าวว่าผู้ที่ชนะในเกมกีฬานี้เป็นคนแรก กลับเป็นผู้ที่มีอาชีพเป็นพ่อครัวนามว่าคอโรเอบัส อย่างไรก็ตามเมื่ออาณาจัรโรมันเข้ายึดครองเกมกีฬานี้ก็ได้เสื่อมความนิยมลงและสูญหายไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง ที่มาของรูป www.freepik.com ต่อมาในปีค.ศ. 1863 ชาวฝรั่งเศสนามว่าปิแอร์ เดอ ดูเบอร์แตง ซึ่งมีฐานะเป็นขุนนางทั้งยังมีโอกาสได้เดินทางไปเยือนตามประเทศต่างๆ และพบว่าแต่ละประเทศล้วนเคยมีประวัติความขัดแย้งกันมาในอดีตด้วยกันทั้งนั้น จึงได้เกิดความคิดที่จะนำเกมกีฬามาสร้างความรักความสมัคคีในแต่ละชนชาติขึ้นมา ซึ่งในช่วงแรกๆ นั้นยังมีประเทศที่มีความสนใจเข้าร่วมเพียง 3 ประเทศเท่านั้น คือฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา และจัดเกมกีฬาอย่างไม่เป็นทางการขึ้นมาที่ประเทศฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1892 จากนั้นจึงเริ่มมีประเทศอื่นๆ สนใจเข้าร่วมอีกกว่า 15 ประเทศ ก่อนขยายมาเป็น 197 ประเทศอย่างในปัจจุบัน โดยนิยามของเกมกีฬานี้คือเปิดโอกาสให้ทุกๆ เชื้อชาติ ทุกๆ เผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด หรือมีรูปแบบการปกครองเป็นอย่างไร ให้มีโอกาสเข้าร่วม ที่มาของรูป www.freepik.com สัญลักษณ์สำคัญของกีฬาโอลิมปิก คือคบเพลิงและใบมะกอก โดยมีความเป็นมาที่น่าสนใจคือใบมะกอกเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์แห่งยอดเขาโอลิมปิก และจะถูกดัดให้เป็นรูปโค้งคล้ายมงกุฎของกษัตริย์อีกด้วย ส่วนคบเพลิงคือตัวแทนแห่งความสว่างไสว เป็นสัญญาป่าวประกาศถึงการมารวมตัวกันของมนุษยชาติ และคบเพลิงในกีฬาโอลิมปิกนั้นจะต้องผ่านพิธีการจุดในรูปแบบโบราณคือใช้แสงแดดในการจุด โดยผู้ทำพิธีจะต้องเป็นหญิงสาวพรมจารีย์ จากนั้นจะถูกส่งผ่านประเทศสมาชิกมายังงานพิธี และดวงไฟจะต้องสว่างโชติช่วงตลอดนับจากทำพิธีจนกว่าจะจบเกมการแข่งขันเลยทีเดียว จึงจะเห็นได้ว่าเกมกีฬานี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับมวลมนุษยชาติ และแม้ว่ารายละเอียดของเกมกีฬาจะมีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมหรือลดทอนกติกาลงไปอย่างไร จุดหมายสำคัญในการสร้างความสามัคคีคือสิ่งที่เราทุกๆ คนควรใส่ใจเอาไว้เสมอ ที่มาของรูปหน้าปก www.freepik.com