หลังจากที่เชลซีได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ทางสโมสรตัดสินใจที่จะแยกทางกับ แกรห์ม พอตเตอร์ ในเวลาคุมทีมไม่ถึงปี แล้วแต่งตั้งให้บรูโน่ ซัลตอร์ ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว โดยหลังจากนี้เชลซีอาจจะต้องพยายามหาผู้จัดการทีมคนใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทีมที่สุ่มเสี่ยงไม่ได้ไปเล่นเกมยุโรปเลย หลังจากที่พวกเขานั้นต้องจมอยู่ในอันดับที่ 11 แล้วโอกาสที่จะขึ้นไปคว้าโควต้าเกมยุโรปนั้นยิ่งริบหรี่เข้าไปใหญ่หากฟอร์มยังสะเปะสะปะแบบนี้ทำให้การโดนไล่ออกกลางคันของผู้จัดการทีมของเชลซีแบบนี้ ย้อนนึกไปถึงฤดูกาล 2011/2012 ที่ฟอร์มทีมย่ำแย่แบบนี้เช่นกัน โดยตอนนั้นเป็นอังเดร วิลลาส โบอาส ที่โดนไล่ออก แล้วสโมสรก็แต่งตั้งโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ มาคุมทีมชั่วคราว แล้วเขาก็สร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยการพาทีมที่กำลังสะเปะสะปะนั้นกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีเกินคาด ทั้งการคว้าแชมป์ FA Cup โดยการเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 2-1 และคว้าแชมป์ Uefa Champions League มาได้แถมเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วยการหักปากกาเซียนและกูรูฟุตบอลหลายคนด้วยการชนะจุดโทษบาเยิร์น มิวนิคไปได้ และอีกครั้งหนึ่งในฤดูกาล 2012/2013 หลังจากที่ดิ มัตเตโอ คุมทีมถาวร ก็มีปัญหาซะอย่างงั้น หลังจากที่เขาเริ่มพาทีมไปไม่สวยอย่างที่คิด ทำให้สุดทางสโมสรก็ต้องไล่เขาออก แล้วไปดึงตัว ราฟาเอล เบนิเตซ มาคุมทีมจนจบฤดูกาลนี้ และเป็นอีกครั้งที่สร้างเซอร์ไพรซ์ได้อีกแล้ว หลังจากที่พวกเขาต้องหล่นจากรอบแบ่งกลุ่มของ Uefa Champions League ลงมาเล่นใน Uefa Europa League จนลุยมาถึงรอบชิงชนะเลิศ และสามารถเอาชนะเบนฟิก้าไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ Europa League ถ้วยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกแล้ว และพาทีมจบอันดับในลีกได้ถึงอันดับ 3 และในครั้งที่สาม เกิดขึ้นในฤดูกาล 2020/2021 หลังจากที่เชลซีตัดสินใจปลดแฟรงค์ แลมพาร์ดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม แล้วแต่งตั้งโทมัส ทูเคิลเป็นผู้จัดการทีม โดยจับเซ็นสัญญาจำนวน 18 เดือน และเขาก็สร้างเซอร์ไพรซ์ได้จริงๆ หลังจากที่สามารถพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศ Uefa Champions League และสามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 1-0 คว้าแชมป์สมัยที่สองให้กับสโมสรได้ และเขาก็ได้คุมทีมต่อเนื่องจนถึงช่วงต้นฤดูกาล 2022/2023 ก็ถูกปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม หากมองไปที่โมเดลนี้ทั้งสามรอบที่เกิดขึ้น บวกกับสถานการณ์ทีมในปัจจุบันนี้ที่ระส่ำระสาพอสมควร ก็อาจจะเป็นโมเดลที่คล้ายๆกับโมเดลแรกที่เป็นในช่วงของอังเดร วิลลาส โบอาส และโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ เพราะดิ มัตเตโอก็เป็นกุนซือโนเนม แบบเดียวกับ บรูโน่ ซัลตอร์ที่ประสบการณ์การคุมทีมยังน้อย ก็ต้องรอดูว่าซัลตอร์จะคุมทีมออกมาในทิศทางแบบใด โดยการประเดิมสนามอย่างเป็นทางการของเขาจะเป็นเกมกลางสัปดาห์ที่เขาจะต้องต้อนรับการมาเยือนของลิเวอร์พูลที่ก็กำลังหาทางกลับมาอยู่ในทิศทางที่จะแย่งชิงพื้นที่ Top 4 ให้ได้หลังจากนี้ และเมื่อมาดูในเกม UCL ที่จะต้องเปิดบ้านเจอกับแชมป์เก่าอย่างเรอัล มาดริด ก็ต้องมาดูอีกว่า ในนัดแรก เขาและลูกทีมจะทำได้ขนาดไหน เพราะเรอัล มาดริดก็ไม่ใช่ทีมที่จะโค่นลงง่ายๆด้วย แถมลิเวอร์พูลก็ต้องการสามแต้มไม่ต่างกับเชลซีเช่นกัน น่าจะอึดอัดกันพอสมควรในนัดนี้หากเป็นแบบโมเดลโบอาสและดิ มัตเตโอ จะกลายเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งของสโมสรนี้อย่างแน่นอนแต่ถ้าหากไม่เป็นไปตามนั้น ก็ต้องภาวนาให้ทีมสามารถจบอันดับที่พอไปลุ้นเล่นในเกมยุโรปได้ แต่ขั้นต่ำต้องยูโรป้า ลีกเท่านั้นขอเป็นกำลังใจให้กับแฟนบอลเชลซีให้ทีมสามารถผ่านสถานการณ์ที่มืดมนแบบนี้ไปได้ครับขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Facebook Chelsea Football Clubภาพที่ 2 จาก Facebook Chelsea Football Clubภาพที่ 3 จาก Facebook Chelsea Football Clubภาพที่ 4 จาก Facebook Chelsea Football Clubภาพที่ 5 จาก Facebook Chelsea Football Clubภาพปกประกอบบทความ จาก Facebook Chelsea Football Clubอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'