รีเซต
อากิระ นิชิโนะ : เป้าหมายแรกของผมคือ การพาทีมชาติไทยกลับไปเป็นทีมอันดับ 1 ของอาเซียน

อากิระ นิชิโนะ : เป้าหมายแรกของผมคือ การพาทีมชาติไทยกลับไปเป็นทีมอันดับ 1 ของอาเซียน

อากิระ นิชิโนะ : เป้าหมายแรกของผมคือ การพาทีมชาติไทยกลับไปเป็นทีมอันดับ 1 ของอาเซียน
kentnitipong
24 กรกฎาคม 2562 ( 15:01 )
533
6

สมาคมฯ ประชุมร่วมกับ อากิระ นิชิโนะ เตรียมพร้อมรับมือศึกลูกหนัง 3 รายการใหญ่ ด้านแม่ทัพซามูไรใหม่ถอดด้ามยัน เป้าหมายแรกคือ การพาทีมชาติไทยกลับไปเป็นทีมอันดับ 1 ของอาเซียน ให้ได้

ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศฯ ได้มีการประชุมเพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2, ฟุตบอลซีเกมส์ 2019 และฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 รอบสุดท้าย

โดยการประชุมประกอบด้วย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พร้อมด้วย มร. การ์เลส โรมาโกชา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคสมาคมฯ , มร.อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลชาติไทย ชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี, มร. เบนจามิน ตัน ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการฝ่ายใบอนุญาตสโมสร, รศ.ดร. วิชิต คำนึงสุขเกษม ประธานกรรมการคณะกรรมการพัฒนาและบริหารฟุตบอลทีมชาติไทย และตัวแทนสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย ร่วมหารือ

ภายหลังจากการประชุม พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า “อากิระ นิชิโนะ ยอมที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายและก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จตามความจริง แต่โค้ชย่อมรู้ดีว่าตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร ทั้งเรื่องนักเตะ เรื่องเวลาและการเก็บตัว ซึ่งมันไม่ใช่เพียงปัญหาในประเทศไทย แต่มันเกิดขึ้นกับทั่วโลก”

“ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของโค้ชที่จะต้องนำประสบการณ์มาแก้ไขปัญหา แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่การทำหน้าที่โค้ชแต่ละชุดจะประสบความสำเร็จได้ คือความร่วมมือจากภายในองค์กรของเราเอง เราต้องช่วยเหลือเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกด้าน มีความเป็นกันเองสร้างความอบอุ่นให้กัน   และกัน เป็นข้อมูลที่ดีให้กับ อากิระ นิชิโนะ นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ”

“เราจึงจะมีการจัดประชุมหารือร่วมกันแบบนี้ทุกเดือนระหว่างสมาคมฯ โค้ชและสตาฟฟ์ทีมชาติทุกชุด เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน นอกจากนี้เรายังมี การ์เลส โรมาโกซา นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคสมาคมฯ ที่จะมีหน้าที่หลักในเรื่องของการวางแผนรวบรวมข้อมูล หรือเรียกได้ว่าเป็นคลังสมองให้กับโค้ชและทีมงาน ทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในส่วนนี้ หากต้องการอะไรก็ให้บอกเขา เขาจะหามาให้ เขามีประสบการณ์ เขามีเครือข่ายที่มากกว่าเรา ต่อจากนี้คนที่ทำงานให้สมาคมฯ ทุกคนต้องเป็นทีมเดียวกัน”

ด้าน มร.อากิระ นิชิโนะ กล่าวว่า “ผมมีความยินดีที่สมาคมฯ ไว้วางใจให้รับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลชาติไทย ชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผมเองมีประสบการณ์คุมทีมชาติญี่ปุ่น ชุดโอลิมปิก ผ่านประสบการณ์ในฟุตบอลเจลีก 16 ปี และคุมทีมชาติญี่ปุ่น ไปแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซียมาแล้ว ผมมีประสบการณ์มากมายในญี่ปุ่น แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางมาทำงานนอกประเทศ ซึ่งถือเป็นงานที่ยาก และท้าทายสำหรับผม”

“ผมมาทำงานคนเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือผมต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ให้ช่วยสนับสนุนการทำงานทุกอย่างให้เป็นไปอย่างราบรื่น”

“ผมมาทำงานที่นี่ส่วนหนึ่งเพราะเห็นความตั้งใจจริง ของท่านนายกสมาคมฯ ที่ต้องการพัฒนาฟุตบอลไทยให้ก้าวไปข้างหน้า เป้าหมายแรกของผมคือพาทีมชาติไทยกลับไปเป็นทีมอันดับ 1 ของอาเซียน นี่คือก้าวแรก จากการที่ผมเดินทางไปชมการฝึกซ้อมของแต่ละสโมสร และเห็นการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ผมคิดว่าทีมชาติไทยสามารถก้าวไปถึงระดับโลกได้ในอนาคต ซึ่งผมจะพยายามผลักดันให้ทีมชาติไทยก้าวไปถึงจุดนั้นให้ได้”

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดแรก ทีมชาติไทย จะลงสนามพบกับทีมชาติเวียดนาม ในวันที่ 5 กันยายน 2562 ส่วนสนามและเวลาแข่งขันจะมีการแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี ช่อง 32

ส่วนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะลงป้องกันแชมป์ฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะแข่งขันเกมแรกวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งการจับสลากแบ่งสายและโปรแกรมแข่งขันจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ขณะที่ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 รอบสุดท้าย ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในระหว่างวันที่ 8-20 มกราคม ศกหน้า เพื่อคัดเอา 3 ทีมเข้าไปแข่งขันโอลิมปิกส์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้ 4 สนามแข่งขันประกอบด้วย สนามราชมังคลากีฬาสถาน, สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต, สนามสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ และสนามติณสูลานนท์

 

ยอดนิยมในตอนนี้

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี