วันนี้ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมยุโรป ด้วยการเดินทางไปเยือน กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ที่ประเทศสกอตแลนด์ แม้ว่าจะโดนยิงนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 17 แต่ก็ได้ประตูตีเสมอจาก โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ นาทีที่ 24 จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1 ก่อนที่ครึ่งหลังจะเป็นฝั่งลิเวอร์พูล เดินเกมรุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว และมาได้เพิ่มอีก 6 ประตูจาก โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ นาทีที่ 55, ดาร์วิน นูเญซ นาทีที่ 66, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 75,80,81 และปิดท้ายด้วย ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ นาทีที่ 87 จบเกมบุกมาชนะอย่างสวยงาม 1-7 เพิ่มโอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไปมากขึ้นไปอีกหลังเกมวันนี้ NPK Footballstyle จะมาวิเคราะห์ถึง 5 ประเด็นน่าสนใจ ของลิเวอร์พูล ที่ช่วยให้ทีมโชว์ฟอร์มได้ดีมากขึ้น1. โกนาเต้ ช่วยเกมรับได้มากแม้ว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลจะโดนยิงประตูก่อนอีกแล้ว แต่จุดเริ่มต้นมาจากการเสียบอลในแดนกลาง ทำให้เกมรับถอยลงมากันไม่ทัน จริงอยู่ว่าเกมรับในวันนี้ ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่หลายจุด แต่ที่น่าสนใจคือ การกลับมาลงสนามอีกครั้งของ อิบราฮิมา โกนาเต้ ช่วยให้เกมรับดูแข็งแกร่ง และดุดันมากขึ้น เป็นกองหลังที่เข้าถึงบอลได้เร็ว คอยช่วยซ้อนแบ็คขวาที่เป็นจุดอ่อนของทีม ช่วยลดความอันตรายไปได้เยอะ นอกจากนี้ยังมีจังหวะสกัดสำคัญหลายครั้ง ที่ช่วยให้ทีมไม่เสียประตู เป็นอีกเกมที่เล่นได้ดีและช่วยทีมไว้ได้เยอะมาก2. เฟอร์มิโน่ คนเดิมกลับมาแล้วโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ยังคงโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงต่อเนื่อง เป็นคนโหม่งประตูตีเสมอในครึ่งแรก ทำให้ทีมกลับมาได้ไวขึ้น และก็เป็นคนยิงประตูขึ้นนำในครึ่งหลัง พร้อมทั้งจ่ายให้ดาร์วิน ยิงประตูที่ 3 ให้กับทีม สรุปแล้วเกมนี้ใช้เวลาลงเล่น 70 นาที ยิงไป 2 ประตู 1 แอตซิสต์ ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวของทีมในตอนนี้ หลังจากยิงไปแล้ว 8 ประตู รวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ กลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้เลย3. ดาร์วิน นูเญซ ยิงต่อเนื่องดาร์วิน นูเญซ ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน ทำให้จังหวะการเล่นเริ่มลงตัว การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมดีมากขึ้น เกมนี้แม้ว่าในครึ่งแรกจะได้บอลค่อนข้างน้อย และโดนกองหลังประกบติดจนโชว์ฟอร์มไม่ออก แต่เริ่มครึ่งหลังก็ทำได้ดีมากขึ้น ขยับหาพื้นที่ว่างจนเริ่มมีโอกาสได้ยิงหลายครั้ง สุดท้ายก็มาสำเร็จในนาทีที่ 66 ยิงประตูที่ 3 ให้กับทีม และเป็นการยิงประตูได้ 2 เกมติดต่อกัน น่าจะช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้อีกเยอะ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกไปพักบ้าง4. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น่ากลัวมากโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกมนี้ได้พักเป็นเพียงตัวสำรอง และถูกส่งลงมาในนาทีที่ 68 โดยยืนเป็นศูนย์หน้าแทน ดาร์วิน นูเญซ และก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ยิงประตูให้ทีมได้ในนาทีที่ 75, 80, 81 ช่วยให้ทีมนำห่าง 1-6 และยังเป็นการยิงแฮตทริกได้ในเวลาเพียง 6 นาทีเท่านั้นเอง จากโอกาสยิง 4 ครั้งเปลี่ยนเป็น 3 ประตู ทุกประตูมาจากการยิงอย่างเด็ดขาด ภายในกรอบเขตโทษ แสดงให้เห็นว่า ซาลาห์ มีความอันตรายมากเมื่ออยู่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง และสามารถยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง5. สองดาวรุ่งของทีม ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ สองนักเตะดาวรุ่งของทีม ได้รับโอกาสออกสตาร์ทตัวจริงพร้อมกัน และก็ได้ลงเล่นครบทั้ง 90 นาทีเต็ม ผลงานโดยรวมทำได้ค่อนข้างดี ขยันช่วยไล่บอล พยายามช่วยทำเกมพาบอลไปข้างหน้า แต่บางครั้งก็ยังขาดความแน่นอน และความละเอียดในการเล่นไปบ้าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ มีทักษะและการครองบอลที่ดี มีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลที่น่าสนใจ สามารถเป็นจอมทัพของทีมในอนาคตได้ ส่วนฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ในครึ่งหลังกล้าเล่นกล้าเลี้ยงมากขึ้น สร้างความอันตรายทางฝั่งขวาได้มาก มีจังหวะได้เลี้ยงตัดเข้ามายิงหลายครั้ง จนสุดท้ายก็สามารถทำประตูแรกในบอลยุโรปให้กับตัวเองได้ เป็น 2 นักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพดีพอ จะพัฒนามาเป็นตัวหลักของทีมในอนาคตได้เลยหลังจากเกมนี้ลิเวอร์พูล ต้องกลับไปเปิดบ้านทำศึกใหญ่รับมือกับ แมนซิตี้ ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง เชื่อว่าชัยชนะในเกมนี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะลิเวอร์พูลได้มาก นักเตะหลายคนเริ่มกลับมาเล่นได้ดีใกล้เคียงกับฟอร์มเดิม น่าจะทำให้เกมสุดสัปดาห์นี้สู้กันได้อย่างสนุก และมีโอกาสเก็บ 3 คะแนนในบ้านได้เลยเหมือนกันถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Liverpool FCภาพ1 Liverpool FCภาพ2 Liverpool FCภาพ3 Liverpool FCภาพ4 Liverpool FCภาพ5 Liverpool FC ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !