ต้องเรียกได้ว่าเป็นผลงานระดับเอกอุสำหรับพลพรรคปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านอัด จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 3-0 ในฟอร์มที่เรียกได้ว่าสุดยอด แม้จะมีจังหวะที่จวนเจียนจะเสียประตูอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้นายทวารอย่าง ดาวิด เด เกอา ช่วยปัดป้องเอาไว้ได้ชนิดที่ว่าหลายคนบอกว่า เด เกอา คือตัวบัคของพรีเมียร์ลีกสถิติสำคัญครองบอล แมนยู 57 % - เลสเตอร์ 43 %โอกาสยิงประตู แมนยู ยิง 26 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง ได้ 3 ประตู - เลสเตอร์ ยิง 19 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง ไม่มีประตูใบเหลือง แมนยู 0 ใบ เลสเตอร์ 2 ใบ ( วูท ฟาส นาทีที่ 45+2 , น็อมปาลิส เมนดี้ นาทีที่ 48)รูปเกมโดยรวมเริ่นต้นเกมในช่วงครึ่งแรก กลายเป็นว่าเลสเตอร์ ซิตี้ บุกได้น้ำได้เนื้อมากกว่า เกมเพรสซิ่งสูงของเหล่าจิ้งจอกสยามก็ทำเอาผู้เล่นแมนยู ครองบอลกันไม่ถนัดจนเกือบเสียประตูถึง 2 ครั้ง แต่ก็เป็น เด เกอา ที่โชว์ซุปเปอร์เซฟได้ทั้ง 2 ครั้ง ในชนิดที่ว่าแทบไม่มีใครเชื่อว่า เด เกอา จะเซฟได้ เพราะมันมหัศจรรย์เหลือจะเชื่อจุดเด่นของแมนยูภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ก็คือลูกโจมตีไว แมนยูมาได้ประตูขึ้นนำจาก มาร์คัส แรซฟอร์ด ที่แอสซิสต์โดย บรูโน่ เฟอร์นันด์เดส ที่ดีดไซส์ก้อยส่งทะลุช่องมาให้แรซฟอร์ด หลุดเข้าไปแล้วยิงด้วยความมั่นใจในครึ่งหลัง แมนยูมาได้อีก 2 ประตูรวด จากมาร์คัส แรซฟอร์ด ที่หลุดกับดักเช็คล้ำหน้าเข้าไปยิงลอดขาผู้รักษาประตูเข้าไป และอีกลูกมาจากตัวสำรองอย่าง เจดอน ซานโช่ จากการประสานงานกับบรูโน่ เฟอร์นันด์เดส อย่างลงตัว ทำให้เกมขาดตั้งแต่นาทีที่ 60 ไม่มีใครคิดว่าเลสเตอร์จะกลับมาได้ แม้กระทั่งพวกเขาเองที่เล่นอย่างถอดใจรอให้หมดเวลา เพราะหลังจากนั้นแมนยูก็แพ็คเกมรับกันอย่างแข็งแกร่ง การจัดตัวผู้เล่นของ เอริค เทน ฮาก ในนัดนี้ มีการโรเตชั่นเล็กๆ โดยส่ง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ลงมายืนเป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับ ลิซานโด มาร์ติเนซ และทั้งคู่ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะในรายของมาร์ติเนซนั้น แสดงให้ถึงเซนส์การอ่านเกมที่เด็ดขาด จิ้มบอล แย่งบอลจากเท้าคู่แข่งได้โดยที่ไม่เสียเหลี่ยมในส่วนของแบคขวานั้น ก็ให้โอกาส ดาโล่ต์ ลงมาประจำการ และเกือบมีรายชื่อเป็นผู้ทำประตูได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่จังหวะจบสกอร์นั้น ดาโล่ต์ตัดสินใจได้ไม่ดีพอการแก้เกมของ เทน ฮาก นั้น ได้นับการยอมรับอีกครั้งในเกมนี้ เพราะแม้ว่าจะได้ประตูขึ้นนำ แต่เมื่อเห็นว่ารูปกมของทีมดูตื้อๆ การบุกทำได้ไม่ไหลลื่น จึงส่ง เจดอน ซานโช่ ลงมาแทน การ์นาโช่ที่เล่นไม่ค่อยออกในฐานะตัวจริง การลงมาของ ซานโช่ ทำให้เกมของแมนยูไหลลื่นอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าความมั่นใจของเขาจะกลับมาแล้วจริงๆ เพราะการครองบอลไว้กับตัว การพาบอลกระชากลากหลบ ซานโช่มีความมั่นใจที่จะกล้าเล่นมากขึ้น และทำได้ดีเสียด้วยจนเมื่อทีมนำห่างแล้ว เทน ฮาก ก็แก้เกมอีกครั้ง คราวนี้เป็นการแก้เกมเพื่อรักษาความฟิตของนักเตะตัวหลัก เพราะคิวฟาดแข้งของทีมช่วงนี้ถี่เหลือเกิน กลางสัปดาห์ก็จะต้องเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตัดสินชะตากับ บาร์เซโลน่า ในศึกยูโรป้าลีก เทน ฮาก ทยอยเปลี่ยนผู้เล่นสำคัญอย่าง มาร์คัส แรซฟอร์ด , ลุค ชอว์ ออก และให้โอกาส แอนโทนี่ อีลังก้า , อารอน วาน บิส-ซาก้า ลงสนาม และยังให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง คอปบี้ ไมนู ลงมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งดูทรงแล้ว เทน ฮาก น่าจะชื่นชอบเจ้าหนูดาวรุ่งวัย 17 ปี คนนี้มาก ซึ่งดูจากการเล่นแล้วต้องบอกว่ามีอนาคตแน่นอน เพราะจังหวะการเล่นนั้นดูนิ่งเกินไว เอาตัวรอดได้จากชัยชนะในนัดนี้ ทำให้แมนยูมี 49 แต้ม ห่างจากรองจ่าฝูงแมน ซิตี้ 3 แต้ม และห่างจ่าฝูงอาเซน่อล 5 แต้ม แต่ถึงอย่างนั้น เอริค เทน ฮาก ก็ให้สัมภาษณ์เพียงว่า ทีมของเขานั้นมองไปแค่การก้าวไปทีละนัด ซึ่งจิตวิทยาของ เทน ฮาก ที่พูดแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้สร้างความกดดันของผู้เล่นมากเกินไป แต่ในใจลึกๆ DevilBOYz เชื่อว่า เขามีเป้าหมายมากกว่านั้นต้องมารอดูกันว่า แมนยูในยุคของ เทน ฮาก ในฤดูกาลนี้ จะดีพอที่จะคว้าแชมป์มาครองสักถ้วยไหม และถ้วยแรกที่กำลังจะได้ชิงชัย ก็คือรายการคาราบาวคัพ ที่ขุนพลปีศาจแดงมีนัดตัดสินชะตากับนิวคาสเซิล ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ นี้ แฟนๆปีศาจแดงก็คงต้องรอเอาใจช่วยกันต่อไป เครดิตรูป Manchester Unitedปก 1 / ปก 2 / รูป 1 / รูป 2 / รูป 3 / รูป 4 / รูป 5Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์