กลายเป็นข่าวที่มาแย่งซีนของผลการจับสลากของทั้งยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และยูโรป้า ลีกไปทันที สำหรับข่าวการประกาศขาย "ลิเวอร์พูล" ของ Fenway Sports Group หรือ FSG ที่นำโดยจอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เจ้าของชาวอเมริกัน โดยผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวนี้ก็คือ เดวิด ออร์นสตีน จาก The Athletic ซึ่งถือว่าเป็น Tier 1 ของคนวงในเรื่องของฟุตบอลเลยทีเดียว โดยในบทความนี้ผมจะมาวิเคราะห์ว่า FSG นั้นจะขายลิเวอร์พูลจริงหรอ หรือเป็นเพียงการปั่นราคาลิเวอร์พูลเท่านั้น มาเริ่มกันเลยครับสำหรับทางออร์นสตีนได้ลงไว้ใน The Athletic โดยบอกว่าเป็นแถลงการณ์ของ FSG มีเนื้อหาใจบอกว่าในช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีม และข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนเจ้าของทีมในพรีเมียร์ลีกอย่างมากมาย และเราก็ถูกถามถึงความเป็นเจ้าของลิเวอร์พูลของเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ปอย่างเลี่ยงไม่ได้FSG นั้นได้รับความสนใจจากบุคคลที่ 3 ที่ต้องการมาเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในลิเวอร์พูล โดย FSG นั้นได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ภายใต้ข้อเสนอและเงื่อนไขที่ถูกต้องแล้วว่า เราจะพิจารณาผู้ถือหุ้นรายใหม่ถ้ามันเป็นประโยชน์สูงสุดกับลิเวอร์พูลFSG ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในเรื่องของความสำเร็จของลิเวอร์พูล ทั้งในและนอกสนามสรุปใจความของแถลงการณ์ว่าประมาณว่า ที่ผ่านมาทีมในพรีเมียร์ อังกฤษถูกเทคโอเวอร์มากมาย เช่นเดียวกับข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนเจ้าของทีมที่เยอะเหมือนกันและ FSG ก็โดนถามเรื่องนี้ด้วย ซึ่งก็มีบุคคลที่ 3 ที่อยากจะเข้ามาเป็น "ผู้ถือหุ้น" ซึ่ง FSG ก็เคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเรามีเงื่อนไขในการคัดผู้ถือหุ้น เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทีมลิเวอร์พูล จากเนื้อหาในแถลงการณ์ จะมีจุดสังเกตได้อยู่จุดนึง คือ ในแถลงการณ์จะใช้คำว่า "shareholder" หรือว่า "ผู้ถือหุ้น" ไม่ได้มีคำว่า "Takeover" หรือ "Acquisition" ที่แปลว่าการเข้าซื้อกิจการ ที่ผมเน้นคำว่า "ผู้ถือหุ้น" ก็เพราะว่ามีความเป็นไปได้สูงว่า FSG ออกแถลงการณ์นี้เพียงเพื่อหาคนที่จะมา "ช่วยลงทุน" มากกว่าจะขายทีมทั้งหมดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แบบที่ไมค์ แอชลีย์ขายนิวคาสเซิลให้กับกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเมื่อช่วงปีที่แล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ FSG ขายหุ้น เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน 2021 FSG ก็ได้ทำการขายหุ้น 10% ให้กับกลุ่มทุน RedBird ในมูลค่า 533 ล้านปอนด์ เพื่อนำเงินมาเยียวยาจากพิษโควิด 19 ดังนั้นอย่างที่ผมบอกไปว่านี่อาจจะเป็นเพียงการหาคนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกัน เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการบริหารต่างๆแต่ แต่ แต่!! ถ้าเราดูดีๆ ในแถลงการณ์ก็ "ไม่ได้ปฏิเสธ" นะเกี่ยวกับขายทีมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะฉนั้นก็มีสิทธิเป็นไปได้ว่าทาง FSG นั้นก็พร้อมขายลิเวอร์พูลแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนกัน ถ้าหากเกิดคุยกันถูกคอ เจอราคาที่ลงตัว และเจ้าของใหม่พร้อมรับและผ่านเงื่อนไขของ FSG ที่ตั้งไว้ได้ ถึงตอนนั้นลิเวอร์พูลก็อาจจะเดินทางมาถึงยุคผลัดเปลี่ยนเจ้าของอีกครั้งก็ได้เพิ่มเติมสำหรับข้อมูลในมูลาค่าการซื้อขายลิเวอร์พูล FSG หรือ ในชื่อเก่า NESV ที่นำโดยจอห์น ดับเบิลยู เฮนรีเข้ามาเทคโอเวอร์ลิเวอร์พูลจากสองปลิงมะกันอย่าง ทอม ฮิกส์และจอร์จ ยิลเลตต์ในปี 2010 ด้วยมูลค่า ณ ตอนนั้น 300 ล้านปอนด์ และหลังเวลาผ่านไปยาวนานถึง 12 ปี ในตอนนี้มูลค่าของลิเวอร์พูลในการบริหารงานของ FSG พุ่งมาอยู่ที่ประมาณ 4.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,900 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินบาทแบบตัวเลขกลมๆ จะอยู่ 170,000,000,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท) จากการประเมินของ Forbes ในปี 2022 โดยเป็นทีมที่มูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก เป็นรองเพียงเรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตามลำดับและในส่วนของความสำเร็จการคว้าแชม์ในยุคของ FSG จนถึง ณ ตอนนี้มีคร่าวๆ ดังนี้พรีเมียร์ลีก 1 สมัย (2019/2020)ลีกคัพ 2 สมัย (2011/2012 และ 2021/2022)เอฟเอ คัพ 1 สมัย (2021/2022)ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย (2018/2019)ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย (2019/2020)แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย (2019/2020)และนอกจากการนำพาลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์แล้ว FSG ยังได้ทำการต่อเติมขยายความจุที่นั่งสนามแอนฟิลด์ทั้งในฝั่ง Main Stand และที่กำลังก่อสร้างก็คือฝั่ง Anfield Road รวมไปถึงการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ (AXA Training Centre) แทนที่ Melwood สนามซ้อมเก่าที่เปิดใช้งานมาอย่างยาวนานงานนี้เราก็ต้องรอดูกันว่าลิเวอร์พูลจะได้ FSG เป็นเจ้าของเหมือนเดิม หรือได้ผู้ถือหุ้นเข้ามาเพิ่ม หรือออออได้เจ้าของใหม่ที่แบบใหม่จริงๆ แฟนลิเวอร์พูลอย่างผมอยากได้แบบเสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช อดีตเจ้าของเชลซีมากกกกกก แต่คงหาเจ้าของแบบเสี่ยหมีนั้นไม่ได้อีกแล้วในโลกฟุตบอลที่เข้ามาซื้อและลงทุนเพื่อทีมจริงๆ ไม่ได้หวังผลประโยชน์และกำไรจากการลงทุนเลย หรือไม่ก็อยากได้กลุ่มทุนจากตะวันออกกลางแบบแมนเชสเตอร์ ซิตี้หรือเปเอสเชที่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ไม่ได้มาลงทุนแบบเดี๋ยวด๋าวแล้วก็จากไป ลงทุนให้เห็นว่าลงทุนจริงๆ และอยากจะพอ เพราะเข็ดหลาบกับการมีเจ้าของเป็นคนอเมริกันแล้ว พอแล้วจริงๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า เพราะพวกเขาคือนักธุรกิจ และเดี๋ยวนี้ฟุตบอลก็คือธุรกิจอย่างนึงไปแล้ว ดังนั้นเขาจะเข้ามาหวังทำกำไรก็ไม่แปลกขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Twitter ของลิเวอร์พูล (ภาพปก, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3 และภาพประกอบ 4)Official Instagram ของลิเวอร์พูล (ภาพประกอบ 5 และภาพประกอบ 6)Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์