ทุกคนคงมีกีฬาที่ตนเองชอบตั้งแต่เด็ก ๆ และยังมีภาพติดอยู่ในความทรงจำ เป็นช่วงเวลาดี ๆ ช่วงหนึ่งในวัยของเด็กนักเรียน ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่ากีฬาในความทรงจำในวัยเด็กที่ชอบ นั้นก็คือ แชร์บอล บางคนก็รู้จักกันดี บางคนอาจจะเคยเห็น ๆ มาบ้าง การเล่นแชร์บอลนั้น 1. ประกอบไปด้วยผู้เล่น 12 คน ทีมละ 7 คน มีผู้เล่นสำรองทีมละ 3 - 5 คน เวลาการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 20 นาทีพักระหว่างครึ่ง 5 นาที 2. เมื่อเริ่มทำการแข่งขัน ผู้เล่นสามารถจับ ตี ปัด กลิ้ง ส่ง หรือขว้างลูกบอลด้วยมือ แขน ศีรษะ หรือลำตัวบริเวณเหนือสะเอวขึ้นไป เครดิต chanapra.2468 3. ผู้เล่นแต่ละฝ่ายช่วยกันรับส่งลูกบอลให้ผู้เล่นฝ่ายเดียวกันนำลูกบอลผ่านฝ่ายตรงข้ามโยนลงไปในตระกร้า โดยครอบครองลูกบอลด้วยมือข้างเดียวหรือสองมือ สามารถกดลูกบอลให้อยู่บนพื้น หรือโยนลูกบอลขึ้นในอากาศได้ไม่เกิน 3 วินาที 3. ถือลูกบอลและเคลื่อนไหวไปมาได้ด้วยการหมุนตัวโดยมีเท้าหลักอยู่กับที่ สามารถกระโดดรับ - ส่ง ซู้ดลูกลงตระกร้า และใช้ลำตัวบังคู่ต่อสู้ ในขณะที่กำลังครอบครองลูกบอลอยู่ เครดิต chanapra.2468 4. ซู๊ดลงตะกร้าของฝ่ายตนเองที่ยืนรอรับอยู่ข้างหน้า โดยโยนให้เข้าตะกร้าให้มากที่สุด และในทางตรงกันข้ามอีกฝ่ายก็จะต้องป้องกันไม่ให้ลูกบอลส่งข้ามไปเข้าตะกร้าเช่นกัน 5. จะนับคะแนนเมื่อลูกบอลได้ลงตะกร้าจากการซู๊ดลงตระกร้า โดยผู้ถือตะกร้าต้องทรงตัวอยู่บนเก้าอี้อย่างมั่นคง และผู้ตัดสินในสนามได้ให้สัญญาณนกหวีดแล้ว เครดิต chanapra.2468 ประโยชน์ของกีฬาแชร์บอล 1. ได้ร่างกายที่แข็งแรง เพราะเคลื่อนไหวด้วยหลาย ๆ ท่าทาง 2. สร้างทีมเวิร์ก ได้ทำงานกันเป็นทีม 3. สร้างความสามัคคี แลัะน้ำใจนักกีฬา 4. เรียนรู้การยอมรับ แพ้ ชนะ เรียนรู้การยอมรับความคิดผู้อื่น 5. ได้พัฒนาทักษะด้านกีฬา เพราะกีฬาแชร์บอลนำไปต่อยอดกีฬาด้านอื่นได้ เช่น บาสเกตบอล เป็นกีฬาที่ผู้เล่นสนุก กองเชียร์บรรเทิง ปัจจุบันมีการเล่นอย่างแพร่หลายทั้งกีฬาโรงเรียน กีฬาหมู่บ้าน แต่น่าเสียดายที่ในตอนนั้นโรงเรียนของเราต้องหยุดเล่นกีฬาชนิดนี้ เนื่องจากทางโรงเรียนขาดแคลนครูพละ ที่มีความรู้และเข้าใจในเกมกี่ฬาชนิดนี้มาสอน แต่ก็ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีในช่วงหนึ่ง ที่นึกเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้เสมอเลยค่ะ