สตีฟ เดวีส์ : แฟนบอลเวสต์แฮมที่ได้ลงแข่งจริงเพราะปากแจ๋ว | Main Stand

"ถ้าแกทำได้อย่างที่พูดก็ลงมา" แฮร์รี เรดแนปป์ บอกกับ สตีฟ เดวีส์
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น สตีฟ เดวีส์ คือหนึ่งในกลุ่มแฟนบอลฮาร์ดคอร์ที่ตะโกนด่านักเตะของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่ข้างสนามด้วยความหงุดหงิด หลังทีมรักทำผลงานไม่ได้ดั่งใจ
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำให้กองเชียร์ทั้งสนามต้องอึ้ง เมื่อ เดวีส์ มาพร้อมกับยูนิฟอร์มของเวสต์แฮม และถูก แฮร์รี เรดแนปป์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมของขุนค้อนในตอนนั้น เปลี่ยนตัวลงไปเล่นในการแข่งขันจริง
และนี่คือเรื่องราวของแฟนบอลที่ได้ลงสนามให้ทีมรักเพราะความปากแจ๋ว ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
ความฝันวัยเด็ก
การได้ลงเล่นให้กับสโมสที่เราเชียร์ เป็นความฝันวัยเด็กของแฟนบอลเกือบทุกคน เช่นเดียวกับ สตีฟ เดวีส์ ที่แม้ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาในย่านชนชั้นแรงงานของเมืองรัชเดน ทางตอนกลางของอังกฤษ แต่เขาก็ใฝ่ฝันที่จะได้เล่นให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงอย่างลอนดอน ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ
จุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปในปี 1975 เมื่อ เดวีส์ ในวัยเด็กได้ชมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ที่ เวสต์แฮม เป็นฝ่ายเอาชนะ ฟูแล่ม ไปได้ 2-0 จากการเหมาคนเดียวของ อลัน เทย์เลอร์ และมันก็ทำให้เขาตกหลุมรักทีมสีม่วงแดงนี้เข้าอย่างจัง
Photo : odioeternoalfutbolmoderno.es
"เด็กคนอื่นที่โรงเรียนบอกว่าผมควรเชียร์ทีมท้องถิ่น แต่ผมเพิ่งรู้ว่าสำหรับผมมันคือเวสต์แฮม ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงจริง ๆ" เดวีส์ กล่าวกับ The Guardian
"ผมสวมเสื้อทีมนี้ด้วยความภาคภูมิใจ และเดินทางไปดูเกมบ่อยที่สุดเท่าผมจะทำได้"
อย่างไรก็ดีระยะทางระหว่างบ้านของเขากับลอนดอนนั้นห่างกันถึง 182 ไมล์ (ราว 290) กิโลเมตร ทำให้ เดวีส์ ในวัยเด็ก ต้องซึมซับผลงานของทีมรักผ่านนิตยสารฟุตบอลเป็นส่วนใหญ่ โดยมีโปสเตอร์ของนักเตะขุนค้อนติดอยู่เต็มห้อง
"เทรเวอร์ บรุคกิง คือฮีโรของผม ผมมีรูปของบรุคกิงเป็นร้อยรูป" เดวีส์ กล่าวถึงตำนานเวสต์แฮม ที่ลงเล่นให้ทีมไปถึง 528 นัด ในช่วงปี 1966-1984
เมื่อ เดวีส์ เติบโตขึ้น เขาก็มีโอกาสค้าแข้งเหมือนกับฮีโรของเขา แม้จะเป็นทีมนอกลีกก็ตาม เขาเริ่มต้นด้วยการอยู่กับทีมในซันเดย์ลีกของเขตมิดแลนด์ ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับ ฟิชเชอร์มีด ทีมผับสุดแกร่งแห่งเมืองมิลตัน คียนส์
"เด็กทุกคนมีความฝันอยากจะเล่นให้กับทีมรัก และทุกครั้งที่ผมลงไปวิ่งในสนาม ผมพยายามคิดว่าผมกำลังเล่นให้เวสต์แฮม" เดวีส์ ย้อนความหลัง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็พบว่าความจริงกับความฝันมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แฟนเดนตาย
"ตอนวัยรุ่นเวลาลงสนาม ผมสมมุติว่าตัวเองเป็น บิลลี บอนด์ ผมชอบกองหลังเก่ง ๆ อย่าง เรย์ สจวร์ต เขาเป็นคนสกอต ที่ยิงจุดโทษได้เก่งมาก ยิงแบบเข้ามุมทุกครั้ง ไม่มีใครรับได้" เดวีส์ กล่าวกับ The Guardian
"ผมเคยลองเลียนแบบ เคนนี แซนซอม แต่พูดตามตรงผมไม่เคยทำได้ดีพอเลย"
Photo : lahorabarba.wordpress.com
เดวีส์ ก็ไม่ต่างกับเด็กหลายคนที่เคยฝันว่าจะเป็นนักเตะอาชีพ ที่เมื่อโตขึ้นก็พบว่าตัวเองเต็มไปด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง และการเตะฟุตบอลเลี้ยงชีพเป็นสิ่งอยู่ไกลเกินกว่าจะคว้ามาได้
"ผมเริ่มไปดูเวสต์แฮมที่สนามตอนผมอายุ 15 ปี ผมไปดูเกมทุกสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งเกมเยือน พวกเขาเคยมีช่วงเวลาที่รุ่งเรือง" เดวีส์ ย้อนความหลัง
บวกกับในช่วงเวลานั้นอังกฤษเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อการล่มสลายของสหภาพแรงงานในช่วงทศวรรษที่ 1980s ได้ทำให้มีผู้คนตกงานถึง 1.8 ล้านคน จนก่อให้เกิดเหตุเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นมาระบายอารมณ์ในสนามฟุตบอลในฐานะฮูลิแกน
เดวีส์ ก็ได้ก้าวเข้ามาสู่โลกนั้นด้วยความตื่นเต้น เขามีชีวิตอยู่กับกลิ่นผงซักฟอกและเบียร์อุ่น ๆ ในตู้รถไฟ ที่ทำให้เขาแปรเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มช่างฝันกลายมาเป็นขาประจำที่คอยตะโกนอยู่บนอัฒจันทร์ และตอนอายุ 20 ความปรารถนาที่จะได้เป็นนักเตะอาชีพของเขาก็หมดไป
"ผมต้องติดอยู่ที่เชฟฟิลด์และไม่ได้กลับบ้าน นอนที่สถานีรถไฟ โคตรบัดซบแต่ก็สนุกดี เวสต์แฮมมีเสียงเชียร์ที่เยี่ยมยอดเวลาไปเล่นเป็นทีมเยือน พวกเราเป็นที่รู้จักดีในเรื่องนี้" เขาย้อนความหลัง
"ผมเองก็ยังคงเล่นฟุตบอลในซันเดย์ลีกอยู่บ้างตอนที่เวสต์แฮมไม่มีเกมเยือน มันทำให้ผมมีเวลากับการดื่มช่วงเย็นมากขึ้น"
"อย่างที่รู้ หันมาแล้วชนแก้วกัน อะไรประมาณนั้น"
ไม่นานที่สิงสถิตของ เดวีส์ ก็เปลี่ยนจากสนามฟุตบอลในซันเดย์ลีก มาเป็นผับที่อวลไปด้วยควันบุหรี่ในย่านลอนดอนตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้าน Black Lion และ Boleyn Tavern ที่สามารถพบกับ เดวีส์ ได้ทุกคืนวันเสาร์
ส่วนชีวิตตอนกลางวัน เขาทำงานควบกะ ขับรถส่งของตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
และทำให้เขากลายเป็นคนหนึ่งที่ช่ำชองเส้นทางทั่วทั้งอังกฤษ
"ผมจำพัสดุชิ้นหนึ่งได้ดี ผมรับมาจากกราฟิกดีไซเนอร์ที่มิลตัน คียนส์ ผมพาไปส่งที่เคมบริดจ์เพื่อตรวจปรูฟ หลังจากนั้นพวกเขาก็ให้ผมไปส่งที่บริสตอล" เดวีส์ กล่าว
"ผมไปถึงบริสตอลตอน 5 ทุ่มครึ่ง และพวกเขาก็บอกผมว่า 'คุณช่วยเอาสิ่งนี้ไปส่งที่แมนเชสเตอร์หน่อย แล้วเอากลับมาที่นี่ตอน 9 โมง' ผมแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน"
"ปรากฏว่าผมกำลังส่งแบบแปลนสนามของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันเป็นอัฒจันทร์ใหม่ของพวกเขาที่ชื่อคิปแพกซ์"
ชีวิตในตอนนั้นของ เดวีส์ ดำเนินไปตามอัตภาพ ทำงานในวันปกติ แล้วไปตะโกนเชียร์เวสต์แฮมในช่วงสุดสัปดาห์ หรืออาจจะเตะบอลในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์บ้างเป็นบางครั้ง
มองอย่างผิวเผินมันก็เป็นชีวิตธรรมดาของแฟนบอลทั่วไป แต่ในหน้าร้อนปี 1994 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
กองเชียร์ปากจัด
มันเป็นวันที่ เดวีส์ ไม่ได้ตั้งตัว เมื่อ ชังค์ เพื่อนสนิทของเขาโทรมาชวนไปดูเกมพรีซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาลของเวสต์แฮม ในปี 1994 ที่มีคิวจะไปเยือน อ็อกซ์ฟอร์ด ซิตี้
ฤดูกาลดังกล่าวคือซีซั่นที่ 2 ของเวสต์แฮมบนเวทีพรีเมียร์ลีก ลีกใหม่ล่าสุดของอังกฤษที่เพิ่งรีแบรนด์มาจากดิวิชั่น 1 และฤดูกาลก่อนพวกเขาก็ทำผลงานได้น่าพอใจ จบด้วยอันดับที่ 13 ของตารางจาก 22 ทีม ทั้งที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ส่วน เอฟเอคัพ ก็ไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
สำหรับ เดวีส์ มันเป็นคำชวนที่น่าสนใจ เพราะการเป็นแฟนเดนตายไม่ได้หมายความว่าเขาจะตามทีมไปชมการแข่งขันแค่ในเกมอย่างเป็นทางการ แต่ในนัดกระชับมิตรบางครั้งเขาก็ไม่พลาด หากตอนนั้นไม่ติดภารกิจอะไร
เดวีส์, ชังค์ (ที่มีชื่อจริงว่า สตีฟ เหมือนกัน) และ บาซซา รวมถึงภรรยาของพวกเขา จึงนัดกันว่าจะขับรถไปดูทีมรักที่คอร์ต ฟาร์ม ลีก สนามกลางทุ่งที่เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งห่างจากลอนดอนไปทางตะวันตกราว 56 ไมล์ (ราว 90 กิโลเมตร)
สำหรับ อ็อกซ์ฟอร์ด ซิตี้ ในเวลานั้นพวกเขาเป็นเพียงทีมนอกลีก และต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของ อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ทว่าเนื่องจาก เวสต์แฮม เพิ่งทุ่มเงิน 1 ล้านปอนด์ คว้าตัว โจอี บีแชมป์ นักเตะของ อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด มาร่วมทีม ทำให้ทีมจากลอนดอนเดินทางมาเตะนัดกระชับมิตรที่นี่ ด้วยเป้าหมายที่จะให้นักเตะป้ายแดงของพวกเขาได้เปิดตัวต่อหน้าพ่อแม่พี่น้องในบ้านเกิด
เมื่อวันแข่งจริง เดวีส์ ชังค์ และ บาซซา ก็มาถึงสนามอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนเริ่มแข่งไม่นานพวกเขาไปจับจองที่ยืนริมรั้วฝั่งแฟนเวสต์แฮม และได้เจอกับ แฮร์รี เรดแนปป์ ที่ตอนนั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของขุนค้อนมาไม่นานก่อนหน้านั้น
ทว่าเมื่อเริ่มเขี่ยลูกเริ่มเล่น แข้งเวสต์แฮมหลายคนกลับทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจ จนทำให้ เดวีส์ อยู่นิ่งไปไหว ออกมาตะโกนด่าผู้เล่นอย่างสาดเสียเทเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลี แชปแมน กองหน้าร่างโย่งของทีม
"ลี แชปแมน ได้เล่นในแดนหน้า เขาได้ดวลกับคนที่ตัวเล็กกว่าของอ็อกซ์ฟอร์ดในเขตโทษ ลี สูงกว่าเขา แต่กลับหล่นตุ๊บลงมา" เดวีส์ ย้อนความหลัง
"ถ้าคุณได้เห็นนักเตะบางคนในทีมของคุณทำอะไรโง่ ๆ คุณจะไม่ปล่อยพวกเขาให้เหงาอย่างน้อย 2-3 นาทีแน่นอน"
ยิ่งเวลาผ่านไป เดวีส์ ก็ยิ่งหงุดหงิด เขาจึงไล่ตะโกนด่านักเตะจากข้างสนามอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และคนที่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแชปแมน
"เร็วหน่อยเห้ย ไอ้โง่ แชปแมน แกมันไร้ประโยชน์ ลุกขึ้นโว้ย" คือถ้อยคำที่ เดวีส์ ตะโกนใส่กองหน้าของเขา
แม้ในตอนนั้นการด่านักเตะของทีมตัวเองหรือทีมคู่แข่งในสนามจะเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่รู้สึกเหนื่อยก็คือ เรดแนปป์ ที่ยืนอยู่ใกล้เขา จนสุดท้าย เรดแนปป์ ก็ทนความรำคาญไม่ไหวจึงเข้าไปหา เดวีส์ แล้วพูดว่า "ถ้าแกทำได้อย่างที่พูดก็ลงมา"
"ชายคนนั้นไม่ปล่อยให้ผมอยู่เงียบ ๆ เลย เขาพูดตลอด พูดแบบไม่หยุด" เรดแนปป์ กล่าวกับ yahoo.com
แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำประชด เขาหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ
แฟนบอลที่ได้ลงแข่งจริง
"มีชายคนหนึ่งที่ข้างสนาม เขามีรอยสักของเวสต์แฮมที่แขนและคอ แถมยังเจาะหู หลังจากนั้นไม่ถึง 2 นาที เขาก็ทำให้ผมสะดุ้ง" เรดแนปป์ ย้อนความหลังในรายการ A League of Their Own
ชายคนนั้นก็คือ เดวีส์ ที่ตะโกนด่าแบบไม่รู้สึกจักเหน็ดเหนื่อย จนสุดท้าย เรดแนปป์ ก็เข้ามาบอกกับเขาว่า ถ้าทำได้อย่างที่พูดให้ลงมาเล่นเอง เดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนตัวลงไปเอง
"ครึ่งหลังผมเปลี่ยนตัวสำรองไป 5 คน และเราก็เหลือนักเตะ 11 คนพอดี ผมใช้นักเตะไปหมดแล้ว" เรดแนปป์ อธิบายที่มาของเหตุการณ์ดังกล่าว
"หลังจากนั้นก็มีคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ผมจึงบอกกับผู้ชายคนนี้ท่ามกลางคนดูว่า 'เฮ้ย แกทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า'"
Photo : Steve Bacon | www.thesun.co.uk
เดวีส์ ตอบด้วยการกระโดดข้ามรั้วเดินตาม เรดแนปป์ เข้าไปในห้องแต่งตัว และมันก็ทำให้เขาเกือบหยุดหายใจ เมื่อได้เจอกับเหล่านักเตะที่เขาตามเชียร์มาตลอดหลายสิบปีในระยะประชิด
เรดแนปป์ จัดแจงถามเบอร์รองเท้าและให้ผู้จัดการชุดแข่งไปหายูนิฟอร์มมาให้นักเตะคนใหม่ของเขา ก่อนจะเปลี่ยนตัวเขาลงไปเล่นแทน ลี แชปแมน นักเตะที่ เดวีส์ ตามด่าใน 45 นาทีแรกอย่างที่ลั่นวาจาไว้
"ผมแทบไม่เชื่อ ในห้องแต่งตัว นักเตะกำลังนั่งอยู่และกำลังพักในช่วงพักครึ่ง" เดวีส์ กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
"หลังจากนั้นแฮร์รีก็พูดว่า 'ลี เดี๋ยวแกออกแล้วเปลี่ยน สตีฟ ลง"
"อัลวิน มาร์ติน นั่งอยู่ข้างผม พอเรายืนขึ้นเขาก็ตบบ่าผมเหมือนช่วยปลุกใจ ผมเดินผ่านอุโมงค์และยังคิดว่า แฮร์รี คงล้อผมเล่น ผมไม่คิดว่าจะได้ลงเล่นจริง ๆ หรือคิดว่าอาจจะได้เล่นแค่ 1-2 นาทีเพื่อความฮา"
แต่เมื่อ เรดแนปป์ สัญญาแล้ว คำไหนก็คือคำนั้น
จากซันเดย์ลีกสู่พรีเมียร์ลีก
ทันทีที่ เดวีส์ โผล่ออกมาจากห้องแต่งตัว เขาก็เรียกเสียงฮือฮาไปทั้งสนาม เมื่อได้ลงไปยืนเคียงข้างกับนักเตะเวสต์แฮมบนผืนหญ้า เนื่องจากบางคนไม่รู้ว่านักเตะใหม่คนนี้เป็นใคร เช่นเดียวกับโฆษกสนามที่ต้องส่งคนมาถามชื่อ
Photo : Steve Bacon | www.thesun.co.uk
และเมื่อเกมเริ่มขึ้น เดวีส์ ก็รู้ตัวได้ทันทีว่าเขาต้องเผชิญกับอะไร เนื่องจากฟุตบอลอาชีพมันห่างชั้นจากเกมที่เขาเคยเล่นมาก มันทั้งเร็วและหนัก แถมกองหลังยังตามประกบติดจนกระดิกตัวแทบไม่ได้
"มันเป็นฟุตบอลที่เร็วมาก นี่เป็นการก้าวข้ามจากซันเดย์ลีก พูดอย่างนั้นได้เลย อ็อกซ์ฟอร์ดเล่นฟุตบอลวันเสาร์ ส่วนผมเล่นฟุตบอลวันอาทิตย์ ฟุตบอลของผับ" เดวีส์ อธิบายกับ The Guardian
"ผมได้สัมผัสบอลน้อยมาก รวมถึงลูกส่งของ อัลวิน มาร์ติน ผมจำได้ว่าเขาเรียกชื่อผมด้วยสำเนียงสเกาซ์ ผมตกใจหมด 'สตีวี!' เขาตะโกนแล้วส่งบอลมาที่เท้าของผม มันเร็วจนผมเกือบล้ม"
จริงอยู่ที่ เดวีส์ จะรู้ว่าความสามารถของผู้เล่นคนอื่นมันเหนือกว่าเขามาก และยากเกินกว่าเขาจะรับมือ แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ แม้ว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจะซัดเบียร์ไป 3 ขวด พายหนึ่งชิ้น และบุหรี่อีก 2-3 มวนก็ตาม
"ผมยิงไม่ตรงกรอบเลยเพราะโดนประกบตลอด มันไม่เหมือนฟุตบอลในสวน กองหลังไม่เคยปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว" เดวีส์ กล่าว
"ผมพยายามสงบสติอารมณ์ หลังจากห้านาทีแรกผ่านไปขาผมก็สั่น ผมกำลังเล่นให้เวสต์แฮม หลังจากนั้นมันก็เป็นแค่การเล่นต่อไป ผมวิ่งไปด้วยอะดรีนาลีน และผมก็กังวลมากด้วย ผมเล่นแบบปลอดภัย จ่ายบอลสองสามครั้งให้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ชื่อ มาร์ติน"
Photo : Steve Bacon | www.thesun.co.uk
อย่างไรก็ดีในนาทีที่ 71 สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อปีกของเวสต์แฮมได้บอลที่ริมเส้น ก่อนจะเปิดให้ เดวีส์ สลัดหนีตัวประกบเข้าไปดวลกับ โคลิน ฟลีต ผู้รักษาประตูของอ็อกซ์ฟอร์ดในกรอบเขตโทษ
"เราเปิดเกมบุก บอลถูกจ่ายไปด้านกว้าง ผมมั่นใจว่า แมตตี้ โฮม อยู่ทางปีก และเราก็ดันขึ้นไป มีกองหลังสองคนอยู่ตรงหน้าผม ผมแค่วิ่งไปข้างหน้า นั่นคือสิ่งที่ผมคิด" พนักงานส่งของกล่าว
ตอนนี้เหลือเพียงผู้รักษาประตูคู่แข่งและตาข่ายเท่านั้น เดวีส์ ก้มหน้าลงแล้วเตะบอลออกไปอย่างเต็มแรง แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่บอลจะพุ่งเรียดผ่านมือผู้รักษาประตูอ็อกซ์ฟอร์ด เสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม
"ผมแค่เตะมันออกไป ผมเตะมันเหมือนกับไม่มีอะไรอีกแล้ว มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ ก็คืออัดไปเต็มแรงนั่นแหละ"
เขาฉลองประตูดังกล่าวด้วยการม้วนตัวและกางแขนออก ขณะที่ ชังค์ และ บาซซา แทบเสียสติ เมื่อเพื่อนของเขาสามารถประเดิมประตูให้แก่เวสต์แฮมได้ทันทีตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม และเป็นโมเมนต์ที่เขาจะจดจำไปชั่วชีวิต
"มันเหมือนกับเวลาหยุดนิ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม" เดวีส์ อธิบาย
Photo : Andrew Styczynski - The Sun
ท้ายที่สุดเวสต์แฮมเป็นฝ่ายเอาชนะไปอย่างไม่ยากเย็น ด้วยสกอร์ 4-0 ในวันนั้น แต่น่าเสียดายที่ เดวีส์ พลาดโอกาสได้เสื้อหมายเลข 3 ที่เขาใส่กลับมาเป็นที่ระลึก เนื่องจากเวสต์แฮมทำเสื้อใหม่ที่จะใช้ในเกมพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์หน้ากับ นิวคาสเซิล ไม่ทัน
ก่อนที่อีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เขาจะกลับมาสู่โลกความเป็นจริง กลับมาเป็นคนส่งของตามเดิม
ตำนานคนส่งของแห่งมิลตัน คีย์นส
"ผมหวังว่าเขาจะเล่นได้ดี ผมไม่ได้พยายามทำให้เขาเป็นตัวตลก ผมคิดว่าเขาทำได้ ผมเห็นว่าเขารักเวสต์แฮม เขาจะไม่มีทางลืมมันไปชั่วชีวิต เขาลงมา วิ่งไปทั่ว รักมันและทำประตู เขาเล่นให้เวสต์แฮม" เรดแนปป์ บอกเหตุผลที่ส่งเดวีส์ลงสนามกับ The Guardian
ผ่านมาแล้วเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่เกมนัดดังกล่าว ที่แต่ละคนต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง สำหรับ เรดแนปป์ เขาเติบโตอย่างมากในหน้าที่การงาน ทั้งการเลื่อนชั้นขึ้นไปเป็นกุนซือใหญ่ของ เวสต์แฮม และพาทีมไปเล่นสโมสรยุโรป พา พอร์ทสมัธ คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ หรือ พา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปแชมเปี้ยนส์ลีก
Photo : blogs.20minutos.es
ส่วน เดวีส์ เขายังเป็นคนเดิมและไม่ได้เซ็นสัญญากับทีมในลีกอาชีพทีมไหน สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเขามีธุรกิจบริษัทขนส่งเป็นของตัวเอง แม้จะเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่แต่มันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ
"ผมมีธุรกิจเล็ก ๆ ผมคิดว่าผมทำเต็มที่แล้ว ผมมีคนขับสามคน ทุกคนได้เงินเดือนพอสมควร" เดวีส์ กล่าว
เขายังคงเป็นแฟนเดนตายของ เวสต์แฮม เหมือนเดิม คอยตามไปเชียร์ทีมทุกครั้งที่มีโอกาส และแน่นอนว่าเขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ในหน้าร้อน 1994 เหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้เป็นที่รู้จักในฐานะ "ตำนานคนส่งของจากมิลตัน คียนส์"
"ประตูที่ผมยิงเข้า มันไม่ได้เป็นประตู" เดวีส์ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะพูดถึงประตูในเกมนัดนั้น
"ผมล้ำหน้าไปสองหลา ผมวิ่งไปหากรรมการแล้วบอกว่า 'ไอ้เวรเอ้ย มึงทำลายความฝันกู'"
แหล่งอ้างอิง
https://uk.sports.yahoo.com/news/32-moment-harry-redknapp-made-gobby-fan-play-west-ham-101138675.html
https://www.theguardian.com/football/blog/2013/sep/05/harry-redknapp-played-fan-west-ham
https://www.sen.com.au/news/2020/07/24/can-you-play-as-good-as-you-talk-the-day-a-west-ham-fan-proved-redknapp/
https://www.npr.org/2015/09/04/437303844/the-legend-of-steve-davies
https://www.thesun.co.uk/tvandshowbiz/7811838/harry-redknapp-forced-west-ham-fan-play-match/
https://medium.com/whatahowler/the-half-time-hero-50213de1164e
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จนวันสุดท้าย : มาเรีย เปตรี หญิงผู้อุทิศเวลา 70 ปีกับการเชียร์อาร์เซน่อล | Main Stand
- มาเรีย เปตริ คุณยายอาร์เซนอล ผู้ตามเชียร์ทีมในทุกระดับของสโมสร มานานกว่า 70 ปี เสียชีวิตลงแล้ว
-------------------------------------------------
ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่
อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก
หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก