เกมนี้ถือเป็นหนึ่งในแมตช์สำคัญที่ ซาบี อลอนโซ่ โค้ชหนุ่มไฟแรงของเรอัล มาดริด ได้แสดงวิสัยทัศน์และแทคติกใหม่ที่ชัดเจน ในช่วงเวลาที่ทีมต้องการรีเซ็ตแนวทางเพื่อกลับมาเป็นเบอร์ต้น ๆ ของยุโรป การเจอกับซัลซ์บวร์ก ทีมจากลีกออสเตรียที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นเกมเพรสซิ่งและเกมรุกเร็ว จึงเป็นบททดสอบชั้นดีสำหรับแผนการของอลอนโซ่ วิเคราะห์แทคติกหลังเกมที่ เรอัลมาดริด เอาชนะ อาร์บี ซัลซ์บวร์ก ระบบการเล่น: 3-5-2 แบบไดนามิกของ เรอัลมาดริด อลอนโซ่เลือกใช้แผนการเล่น 3-5-2 ที่เน้นความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบระหว่างเกม ทั้งการเน้นเกมรับที่เหนียวแน่นและเปลี่ยนไปสู่เกมรุกที่รวดเร็วได้ทันที แนวรับสามคน: Tchouameni, Rüdiger และ Huijsen รับผิดชอบการป้องกันอย่างเป็นระบบ โดยมีการสลับตำแหน่งเพื่อรับมือกับการเจาะช่องจากซัลซ์บวร์ก กองกลางห้าคน: เน้นการครองบอลและสร้างจังหวะขึ้นเกม โดยมี Bellingham คุมจังหวะเกมและเชื่อมต่อกับ Vinícius Jr. และ Valverde ที่ทำหน้าที่ริมเส้น และ Gonzalo García ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า 2. การเน้นเกมเพรสซิ่งสูง (High Press) เรอัล มาดริดใช้แทคติกเพรสซิ่งกดดันคู่แข่งตั้งแต่แดนหลัง ทำให้ซัลซ์บวร์กเสียพื้นที่และเสียจังหวะในการต่อบอลตั้งแต่ต้นเกม การเพรสซิ่งนี้ทำให้มาดริดสามารถตัดบอลและเปิดเกมโต้กลับได้เร็วทันที ผู้เล่นอย่าง Vinícius Jr. และ Valverde มีบทบาทสำคัญในการดันขึ้นสูงและปิดทางส่งบอลของซัลซ์บวร์ก 3. การเล่นโต้กลับที่มีประสิทธิภาพ เมื่อได้บอล เรอัล มาดริดเล่นเร็วและตรงเป้าหมาย ใช้จังหวะโต้กลับจากความผิดพลาดของคู่แข่งอย่างชาญฉลาด ประตูแรกของ Vinícius Jr. เป็นตัวอย่างชัดเจนของการสวนกลับที่รวดเร็วและมีการตัดสินใจที่เยือกเย็น การส่งบอลและเคลื่อนที่ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นในแนวรุก ทำให้สร้างโอกาสยิงได้หลายครั้ง 4. การจัดการเกมครึ่งหลังด้วยการเปลี่ยนตัว อลอนโซ่เลือกใช้ตัวสำรองอย่าง Rodrygo, Modrić และ Jacobo Ramón ในช่วงครึ่งหลัง เพื่อรักษาความสดและควบคุมจังหวะเกม การเปลี่ยนตัวที่ชาญฉลาดทำให้ทีมยังคงกดดันคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่องและไม่เปิดโอกาสให้ซัลซ์บวร์กกลับมาเล่นง่าย ๆ เกมรุกยังคงต่อเนื่องและได้ประตูปิดท้ายจาก Gonzalo García ในช่วงท้ายเกม วิเคราะห์ผู้เล่นเด่น Vinícius Jr. มีความเร็วและความสามารถในการเลี้ยงบอลทะลุทะลวง ทำประตูแรกและแอสซิสต์ให้ Valverde ด้วยจังหวะ heel pass ที่ยอดเยี่ยม ความสามารถในการตัดสินใจและสร้างความแตกต่างในเกมรุกทำให้เขาเป็นตัวชูโรงของเกมนี้ Jude Bellingham ทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่คอยเชื่อมเกมและคุมจังหวะ ช่วยสร้างสมดุลในแดนกลางทั้งเกมรับและเกมรุก มีบทบาทสำคัญในการตั้งเกมเพรสและการจัดการบอลในช่วงเปลี่ยนเกม Gonzalo García เป็นกองหน้าที่คอยเคลื่อนที่เปิดพื้นที่ และฉวยโอกาสยิงประตูปิดเกมได้ ความเยือกเย็นในการจบสกอร์และการอ่านเกมช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ บทสรุปและผลกระทบ ชัยชนะครั้งนี้เป็นการตอกย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงแทคติกของอลอนโซ่เริ่มได้ผล เรอัล มาดริดมีการเล่นที่สมดุลระหว่างเกมรับและเกมรุก รวมถึงการใช้ประโยชน์จากจังหวะสวนกลับที่รวดเร็วและแม่นยำ ระบบ 3-5-2 ที่ยืดหยุ่นช่วยให้ทีมคุมเกมได้ดีทั้งในครึ่งแรกและครึ่งหลัง การเพรสซิ่งที่ต่อเนื่องสร้างความกดดันและทำให้คู่แข่งเล่นยาก การจัดการตัวผู้เล่นในครึ่งหลังทำให้ทีมรักษาความสดและความแข็งแกร่งจนจบเกม ชัยชนะนี้ช่วยให้เรอัล มาดริดจบอันดับหนึ่งของกลุ่ม H และสร้างความมั่นใจก่อนจะพบกับยูเวนตุสในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของรายการ รูปหน้าปก : รูปที่1 รูปภาพที่1 : จากเฟสบุ๊ค FIFA Club World Cup รูปภาพที่2 : จากเฟสบุ๊ค Real Madrid C.F. รูปภาพที่3 : จากเฟสบุ๊ค Real Madrid C.F. รูปภาพที่4 : จากเฟสบุ๊ค Real Madrid C.F. ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !