พร้อมแค่ไหน? เช็คความพร้อมทัพหงส์ ก่อนเยือนเชลซี! มองผ่านเกม ลิเวอร์พูล พบ ดาร์มสตัดท์ว่ากันกว่า 11 คนแรกของลิเวอร์พูลที่เล่นกับดาร์มสตัดท์ น่าจะเป็น 11 ตัวจริงในกาารเยือนสแตมฟอร์ดบริดจ์ของเชลซี ในเกมบิ๊กแมตช์คู่แรกของฤดูกาล 2023-2024 จากการเล่นของ 11 คนแรกในเกมนี้ ทำได้ดีแค่ไหน ส่วนไหนดี ส่วนไหนที่ต้องปรับปรุงจากเกมนี้ พร้อมหรือยังสำหรับเกมพรีเมียร์ลีก หรือต้องรีบเสริมให้ทันก่อนเกมเปิดฤดูกาล เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังผ่านเกมกับดาร์มสตัดท์เกมนี้ก่อนอื่นเรามาพูดถึง 11 ตัวจริงของทั้งสองทีมกันก่อน โดยฝั่งของลิเวอร์พูล มีพลิกโผตรงตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับเบอร์ 6 ที่ก่อนหน้านี้ใช้เป็น เคอร์ติส โจนสฺ์ ออกสตาร์ท แต่ก่อนทีมแพทย์เช็กอาการแล้วว่ามีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้คล็อปป์ไม่อยากเสี่ยง เลยส่งเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ออกสตาร์ทในตำแหน่งนี้แทน ซึ่งตามคุณสมบัติของเขาสามารถเล่นได้สารพัดประโยชน์อยู่แล้ว คือเล่นได้ในทุกตำแหน่งของกองกลาง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง เบอร์ 10, เบอร์ 8, หรือจะเป็นเบอร์ 6 ที่เล่นได้ ถึงแม้เจ้าตัวจะถนัดการเล่นเกมรุกมากกว่าก็ตาม ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ผู้รักษาประตู), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิก โซบอสซ์ไล, โคดี้ กัคโป หลุยส์ ดิอาซ, ดิเอโก้ โชต้า, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ดาร์มสตัดท์ (3-4-2-1): มาร์เซล ชูเฮน - คริสตอฟ คลาเรอร์, เคลเมนส์ รีเดิล, คริสตอฟ ซิมเมอร์มันน์ - เอมีร์ คาริช, ฟาเบียน นือร์นเบอร์เกอร์, มาร์วิน เมห์เล็ม, ฟาเบียน ฮอลลันด์ - มาธีอัส ฮอนซัค, เฟรเซอร์ ฮอร์นบี้ - เบรย์ดอน มานูหลังจากเริ่มเกมได้เพียง 5 นาที ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากการเปิดลูกเตะมุมของโซบอสซ์ไล เปิดเขาไปตรงจุดนัดพบกับหลุยส์ ดิอาซ โหม่งเช็ดไปถึง ฟานไดจ์ค พยายามเล่นบอลจนบอลกระดอนไปถึงซาล่าห์ได้ยิงจ่อๆ ไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ออกนำ 1-0 ใช้เวลาเพียงสามนาที ลิเวอร์พูลบวกประตูที่สอง ในนาทีที่ 8 จากความขยันของซาล่าห์ที่ไปเพรสแดนบนกดดันกองหลังของดาร์มสตัดท์ จนแย่งบอลได้ก่อนจ่ายบอลให้โชต้าที่อยู่โล่งๆ ก่อนแปเล่นทางเข้าไปอย่างง่ายดาย เป็นประตูที่ได้จากการเพรสซิ่งแดนบน ที่ทุกคนในแนวรุกช่วยกันไล่บอลอย่างเป็นระบบ จนเป็นที่มาของประตูที่สอง แต่หลังจากนำ 2 - 0 ได้แค่ 2นาที ลิเวอร์พูลก็มาเสียประตูตีไข่แตก จากการเล่น High line ที่กองหลังดันขึ้นสูงแล้วมีพื้นที่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้ใช้ความเร็วในการโจมตี เป็นจังหวะที่เทรนท์พยายามเช็กล้ำหน้า แต่เช็กพลาด จนมาธีอัส ฮอนซัคผู้เล่นของดาร์มสตัดท์หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านมือ อลิสซอนเข้าไป เป็นประตูไข่แตกไล่มา 1-2 จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นั้นเริ่มครึ่งหลังมา นาทีที่ 59 ลิเวอร์พูลก็มาบวกประตูที่ 3 ได้ จากการเปิดลูกเตะมุมของ โซบอสซ์ไลให้กับหลุยส์ ดิอาซ ยิงลูกยากดีดเข้าไปแบบเหนือชั้น สกอร์ขยับมาเป็น 3-1 ซึ่งหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็มีโอกาสบวกเพิ่มได้มากกนั้น จากดาร์วิน นูนเญซที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง แต่ไม่คมพอ จนถึงจบเกมคล็อปป์ถึงกับออกมาบ่นว่าควรชนะได้มากกว่านี้ สุดท้ายจบเกมไปด้วยสกอร์นั้นหลังเกมนี้บอกอะไรได้บ้าง ? เกมรุกยังเป็นทีเด็ด ยิงไม่ต่ำกว่า 3 ประตู ในเกมอุ่นเครื่อง จากทุกเกมผ่านมา 3 ประสานในแดนหน้า ทั้ง ซาล่าห์, โชต้า, และดิอาซ ประสานงานกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการไล่เพรสในแดนหน้าอย่างเป็นระบบ จนเป็นที่มาของประตูที่ 2 นอกจากนี้การได้โซบอสซ์ไลมายังช่วยเพิ่มมิติในการเล่นลูกได้ตั้งเตะได้หลากหลายมากขึ้นการขาดหายมิดฟิลด์ตัวรับพันธุ์แท้ยังส่งผลในการตัดจังหวะอันตรายของคู่แข่ง นอกจากลูกที่เสียประตูแล้ว ยังจะมีจังหวะอื่นที่ฝั่งดาร์มสตัดท์สร้างจังหวะอันตรายไปคุกคามแนวรับของลิเวอร์พูล ซึ่งถ้าเป็นมิดฟิลด์ตัวรับแท้ๆ อาจจะตัดฟาวล์ จะโทษอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เด่นในเรื่องนี้ เขาเล่นได้ดีในหลายจังหวะ จนคล็อปป์ออกมาชื่นชมว่าทำได้ดี เล่นได้ แต่ต้องเล่นคอมแพ็คมากกว่านี้ คือทั้งทีมต้องมีส่วนช่วยในการเล่นเกมรับที่เป็นระบบมากกว่านี้ ไม่ใช่การปล่อยให้เขาเล่นอย่างโดดเดี่ยว กองกลางอีก 2 คน ที่เล่นตำแหน่งเบอร์ 8 ควรมีส่วนกับเกมรับมากกว่านี้ เพราะอย่าลืมว่า ตอนที่ซาดิโอมาเน่อยู่ มาเน่เป็นปีกธรรมชาติ แต่มีส่วนร่วมกับเกมรับมาก การเสียประตูส่วนใหญ่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากการเล่น high line ซึ่งตัวคล็อปป์ก็ยอมรับเองว่ามันคือราคาที่ต้องจ่ายก่อนตลาดปิด ยังไงต้องเสริม 2-3 คน มิดฟิลด์ตัวรับ 1-2 คน กองหลัง 1 คน ซึ่งเชื่อว่าทีมงานหลังบ้านกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ทันก่อนตลาดปิดสรุปความพร้อมก่อนเจอเชลซี ถ้าวัดจาก 11 ผู้เล่นเกมล่าสุด คงต้องบอกว่าไม่ค่อยพร้อม เพราะจากเวลาที่เหลืออยู่คงยากมากที่จะได้ใครทันลงเล่นเกมนี้ กว่าจะลงทะเบียน แต่เชลซีเองก็ประสบปัญหาผู้เล่นในแดนกลางเอ็นคุนคูอดช่วยทีมจากปัญหาอาการบาดเจ็บไป 3-4 เดือน ด้วยทั้ง 2 ทีมเป็นทีมใหญ่ทั้งคู่ ความได้เปรียบเสียเปรียบอาจจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ น่าจะเป็นเกมที่สนุกเกมนึงเลยทีเดียวเครดิตภาพ :ภาพปก : ภาพที่ 1 / Facebook: Liverpool FCภาพประกอบ : ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4 / Facebook: Liverpool FCอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'