นับตั้งแต่ เอริค เทน ฮาก ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อต้นฤดูกาล พร้อมด้วยนโยบายล้างวัฒนธรรมเก่าๆของทีมออกไปหลายๆอย่าง ทั้งการสร้างระเบียบวินัยร่วมกันของนักเตะ รูปแบบการฝึกซ้อมที่แตกต่าง การเป็นผู้จัดการทีมมาดเฮี้ยบของ เทน ฮากตั้งแต่ตอนเริ่มต้น ก็ทำให้หลายคนคิดว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น เต็มไปด้วยนักเตะระดับสตาร์อีโก้สูง รวมไปถึงมีเจ้าของสโมสรอย่างตระกูลเกลเซอร์ ที่ไม่ชอบผู้จัดการทีมหัวแข็ง และยิ่งในช่วงเปิดฤดูกาล ทีมของเทน ฮาก นั้นพ่ายแพ้ยับเยินต่อคู่แข่งอย่างไร้ทางสู้ ตกไปอยู่บ๊วยของตารางพรีเมียร์ลีก ในตอนนั้นผู้คนต่างคิดไปในทิศทางเดียวกันว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คงไม่มีวันฟื้นกลับมาได้อีกแล้ว แต่นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ อย่างที่เราก็ทราบกันดีว่า เอริค เทน ฮาก ได้ค่อยๆปรับเปลี่ยนทีมคนป่วย เล่นบอลไร้รูปทรง ให้กลับมาเป็นทีมที่เล่นมีระบบ จนทำคะแนนให้ขึ้นมาอยู่หัวตาราง ทำให้แฟนบอลมีความหวังลึกว่าๆในปีนี้น่าจะมีดีพอลุ้นแชมป์นักเตะคนหนึ่งที่ผมจะกล่าวถึงในวันนี้ คือ ลุค ชอว์ นักเตะที่ถูกวิเคราะห์ว่าน่าจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้วนับตั้งแต่เปลี่ยนผู้จัดการทีมคนใหม่ พร้อมทั้งการมาของ ไตเรลล์ มาลาเซีย แบคซ้ายคนใหม่ที่เอริค เทน ฮาก ไปซื้อตัวมาจากลีกฮอลแลนด์ ทุกคนก็คิดว่าอนาคตของลุค ชอว์ มันน่าจะจบลงแล้ว และคาดว่าในตลาดการซื้อขายนักเตะช่วงมกราคม ชอว์อาจจะต้องไป แต่นั่นเป็นความคิดเห็นก่อนที่จะถึงบอลโลกเพราะว่าชอว์นั้นถูก แกเร็ธ เซาธ์เกตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเรียกตัวไปเพื่อลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเรียกนักเตะที่ไม่ได้ลงเล่นในสโมสรไปแข่งฟุตบอลโลก แต่โอกาสในครั้งนี้ ลุค ชอว์ ทำให้ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไป เพราะเขาระเบิดฟอร์มให้กับทีมชาติอังกฤษอย่างไฉไล แม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ฟอร์มที่เขาแสดงออกมาในบอลโลก ก็ทำให้รู้ว่าทำไม แกเร็ธ เซาธ์เกตถึงมั่นใจเรียกไปติดทีม และให้ตำแหน่งแบคซ้ายตัวจริงตลอดทัวร์นาเม้นต์จากนักเตะดาวรุ่งสู่แบคซ้ายฟอร์มตกลุค ชอว์นั้น ย้ายมาที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปี 2014 ตั้งแต่อายุ 19 ปี ในราคาค่าตัวถึง 30 ล้านปอนด์ ที่ถือว่ามหาศาลมากในยุคนั้นสำหรับเด็กวัยนี้ และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีช่วงที่ฟอร์มดีบ้าง ไม่ดีบ้าง และได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักแข้งไปนานถึง 6 เดือน ใครๆต่างก็กังวลว่า เขาจะกลับมาได้ไหม แต่ด้วยความใจสู้ ชอว์รักษาอาการเจ็บจนหายและกลับมาลงสนามได้ในที่สุดแต่ถึงอย่างนั้น ในยุคผู้จัดการทีม 3 คน คือ โชเซ่ มูรินโญ่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และผู้จัดการทีมชั่วคราวอย่างราล์ฟ รังนิก ฟอร์มของชอว์ก็ลุ่มๆดอนๆ หลายต่อหลายครั้งก็ถูกแฟนบอลบ่นว่าเล่นแย่ และอยากให้ขายเขาออกจากทีม จนมาถึงในยุคของผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน เขาก็กลายเป็นตัวสำรองจนถึงช่วงฟุตบอลโลกอย่างที่เราทราบว่าชอว์เล่นบอลโลกได้สุดยอดมาก ทำให้เมื่อกลับมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็กลับมาทวงตำแหน่งแบคซ้ายตัวจริงคืนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเล่นที่แน่นอนมากขึ้น จังหวะดักบอลทำได้ดีขึ้น จังหวะเติมเกมบุกก็ทำได้ไฉไลไม่น้อย ทำให้ตำแหน่งแบคซ้ายตัวจริงกลายเป็นของเขา และเมื่อทีมประสบปัญหาขาดตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค เพราะ ราฟาเอล วาราน และ ลิซานโด มาร์ติเนซ กรำศึกหนักในฟุตบอลโลกจนถึงนัดชิงชนะเลิศทำให้ร่างกายยังไม่ฟื้นคืนสภาพ ประกอบกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ สองเซ็นเตอร์แบ็คทีเหลืออยู่ก็มีอาการบาดเจ็บ ชอว์ก็เลยต้องรับบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คขัดตาทัพ โดยเขานั้นเอ่ยปากอาสากับ เทน ฮาก ด้วยตัวเองเพื่อช่วยเหลือทีม และกลับกลายเป็นว่าเขาเล่นได้ดีมากๆ ดีจนชนิดที่ว่า เอริค เทน ฮาก ตัดสินใจส่งเขาลงเล่นในตำแหน่งนี้อีกครั้งในศึกดาร์บี้แมชต์ เมืองแมนเชสเตอร์ ระหว่างปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก็ไม่มีใครคาดคิดว่า เทน ฮาก จะส่งเขาลงมาเล่นเซ็นเตอร์แบ็ค เพราะในตอนนั้น ลิซานโด มาร์ติเนซ ก็ฟิตพอที่จะลงสนามนอกจากการตัดสินใจของเทน ฮาก ที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนก็ต้องประหลาดใจไม่น้อย ก็คือ ชอว์ทำหน้าที่ในเกมดีได้ในชนิดที่ต้องเรียกว่า เพอร์เฟกต์ เพราะนอกจากจะปัดป้องการโจมตีของคู่แข่งแล้ว เขายังจัดการ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าตัวอันตรายของทีมคู่แข่งจนหมดพิษสงตลอดทั้งเกม ทั้งๆที่ตำแหน่งจริงๆของชอว์คือแบคซ้าย และทีมที่เจอก็คือโคตรทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำได้ดีหมดจดราวกับเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คมาทั้งอาชีพวิเคราะห์เหตุผลว่าทำไม ลุค ชอว์ จึงกลับมาฟอร์มดีในฤดูกาลนี้ฟอร์มการเล่นของชอว์ น่าจะอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในการค้าแข้งให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งผมเองก็วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ ลุค ชอว์ กลับมามีฟอร์มการเล่นที่ดี น่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้ทักษะความสามารถ ชอว์นั้นเป็นนักเตะที่มีเบสิกฟุตบอลอยู่ในระดับสูงคนหนึ่ง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ชอว์ มีสเตปลีลาราวกับแข้งพรสวรรค์เทคนิคสูง แต่ชอว์ มีทักษะทางด้านฟุตบอลที่ดี สิ่งที่ผมสังเกตเห็นมาตลอด คือเขามีการสัมผัสบอลแรกหรือ First touch ที่ยอดเยี่ยม สามารถจับบอลที่เพื่อนส่งมาได้ดี จับแล้วเล่นต่อเนื่องได้โดยที่ไม่ต้องแต่งบอลให้มากจังหวะ การครองบอลอยู่กับเท้าก็ทำได้ดี ไม่เงอะงะทำบอลพันแข้งพันขาจนเสียจังหวะ การที่นักฟุตบอลมีเบสิกที่ดี ก็จะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งลูกฟุตบอลและการเคลื่อนไหวของตัวเองได้อย่างเนียนตา ส่งผลกับรูปเกมของทีมโดยรวมมีกายภาพที่ยอดเยี่ยม ในจุดนี้ขออ้างอิงมาจากคำสัมภาษณ์ของ โชเซ่ มูรินโญ่ในตอนที่ยังคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ มูรินโญ่เคยกล่าวว่า "ชอว์เป็นนักเตะที่เขาต้องคอยตะโกนสั่งให้ทำนู่นทำนี่อยู่เสมอ ถ้าเขารู้จักใช้ความสามารถด้านกายภาพให้มากกว่านี้ เขาจะเป็นนักเตะที่ดี" คำสัมภาษณ์นี้อาจจะดูเหมือนเป็นการตำหนิชอว์อยู่กลายๆ แต่ก็มีแง่มุมที่มูรินโญ่ยอมรับว่า ชอว์นั้นเป็นนักเตะที่มีกายภาพที่ดี ในจอทีวีเราอาจจะเห็นเขารูปร่างท้วม แฟนบอลหลายคนล้อว่าตูดใหญ่ แต่ชอว์นั้นมีความสูงถึง 185 เซนติเมตร ทำให้เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะชนกับแนวรุกคู่แข่งได้ แม้จะดูท้วม แต่เขาก็มีความคล่องตัวสูง การทรงตัวดี ทำให้ไม่ค่อยเสียท่าเมื่อต้องคอยไล่ตามประกบคู่แข่ง ชนิดที่ว่าจะพลิกไปไหนเขาก็กลับตัวไปตามได้ทัน นั่นจึงทำให้เขาเล่นเกมรับได้โดยที่ไม่โดนคู่แข่งกระชากหลบง่ายๆแบบกองหลังอีกคนของทีมที่หัวโตๆ หากจะถามว่าจุดอ่อนของชอว์มีไหม ก็ต้องตอบว่ามี เขาเป็นนักเตะที่มีจุดอ่อนในเรื่องการโหม่ง แต่สำหรับฤดูกาลนี้ลูกโหม่งของชอว์ดูพัฒนาขึ้นกว่าในอดีต นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าการอ่านเกมที่ดีขึ้น ทำให้ไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบเพื่อแย่งโหม่งได้มากขึ้นวิสัยทัศน์การอ่านเกม หรือ Vision การอ่านเกมนั้นนับเป็นเรื่องสำคัญในการเล่นฟุตบอล นักเตะที่เล่นมานานก็จะมีประสบการณ์ในการอ่านเกมคู่แข่งที่ดีขึ้น ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า ควรที่จะพาตัวเองไปอยู่ในจุดไหนจึงจะได้เปรียบ โดยเฉพาะการเล่นเป็นกองหลัง การอ่านเกมทั้งการเลี้ยงบอล การเคลื่อนไหว รวมถึงการเปิดบอลของคู่แข่ง จะทำให้ทีมได้เปรียบเป็นอย่างมาก ซึ่งชอว์ก็มีความสามารถในการอ่านเกมที่ดีจิตใจที่แข็งแกร่ง เราทราบกันดีว่า ลุค ชอว์ เคยประสบปัญหาทั้งอาการบาดเจ็บหนัก และปัญหาสภาพจิตใจในช่วงที่ฟอร์มตกจนถูกดรอปเป็นตัวสำรอง แต่เขานั้นไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยปริปากบ่น สิ่งที่เขาทำคือการฝึกซ้อมและพยายามหาจุดบกพร่องของตัวเองเพื่อนำไปแก้ไข เอริค เทน ฮาก เคยให้สัมภาษณ์ว่า ชอว์นั้นบอกกับเขาว่าเข้าใจที่ผู้จัดการทีมไม่ให้เขาลงสนาม เพราะเขายอมรับว่าการเล่นของเขามันยังไม่ดีพอ และสุดท้าย ชอว์ก็มุ่งมั่นและพยายามจนได้รับโอกาสอีกครั้ง และครั้งนี้เขาคว้ามันเอาไว้จนกลายเป็นขุนพลที่ เทน ฮาก ไว้วางใจถึงขนาดเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ทั้งๆที่ ลิซานโด มาร์ติเนซ และพี่แตงโม แฮร์รี่ แมกไกว ก็ฟิตพอที่จะลง นั่นคงเป็นคำตอบว่าชอว์คือคีย์แมนที่เทน ฮาก ไว้วางใจ เป็นลำดับแรกด้วยสภาพทีมที่แฟนบอลไม่เคยคิดฝันว่าทีมรักจะกลับมาได้ในเร็ววัน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่เคยถูกล้อเลียนว่าเป็นรีสอร์ทแอนด์สปา ให้คู่แข่งมาพักผ่อนและนำแต้มกลับไป จนวันที่ทีมได้มีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ต้องเรียกว่าไม่เคยฝันว่าจะดีขึ้นได้เร็วขนาดนี้ เครดิตใหญ่ๆคงต้องยกให้ เอริค เทน ฮาก ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสรครั้งใหญ่ รวมถึงรีดศักยภาพของลูกทีมแต่ละคนให้กลับมาเปล่งปลั่ง เพื่อนำพาทีมกลับเข้าสู่เส้นทางความสำเร็จอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องใช้เวลาในการปรับจูนให้ปีศาจแดงตนนี้ให้ตื่นจากหลับใหลอีกช่วงระยะเวลาหนึ่งและนี่คือการวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ลุค ชอว์ ระเบิดฟอร์มจนเกิดใหม่ได้อีกครั้ง ทั้งหมดนี้มาจากทรรศนะของผมเองล้วนๆ ผิดถูกประการใด ขออภัยมา ณ ทีนี้ สวัสดีครับเครดิตรูปภาพปก 1 / 2 twitter official Manchester United / ภาพ 1 / ภาพ 2 / ภาพ 3 / ภาพ 4 / ภาพ 5Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์