กติกาวอลเลย์บอล ล่าสุด มีอะไรบ้าง และประวัติวอลเลย์บอล
วอลเลย์บอล เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก สำหรับผู้สนใจ มาอัปเดต กติกาวอลเลย์บอล ล่าสุด มีอะไรบ้าง ที่นักกีฬาวอลเลย์บอลควรรู้ และประวัติวอลเลย์บอลว่ามีความเป็นมาที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
ประวัติวอลเลย์บอล มีความเป็นมาอย่างไร
วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1895 โดยนายวิลเลียม จี. มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เขาได้ดัดแปลงกติกามาจากกีฬาเทนนิส เพื่อสร้างกีฬาที่เหมาะสมสำหรับการออกกำลังกายในร่ม
ในช่วงแรกของการเล่นวอลเลย์บอล มีการทดลองใช้ลูกบอลหลายประเภท เริ่มจากการใช้ยางในของลูกบาสเกตบอล แต่พบว่าน้ำหนักมากและทิศทางไม่แน่นอน จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ลูกบาสเกตบอลทั้งลูก แต่ก็ยังใหญ่และหนักเกินไป ทำให้ผู้เล่นบาดเจ็บ สุดท้ายได้ออกแบบลูกบอลใหม่ที่ทำจากหนังแกะ ขนาด 25-27 นิ้ว น้ำหนัก 8-12 ออนซ์ เพื่อให้เหมาะสมกับการเล่นและลดการบาดเจ็บของผู้เล่น
ในปี ค.ศ. 1896 นายวิลเลียมได้นำกีฬานี้ไปสาธิตในการประชุมพลศึกษาที่ Springfield College ซึ่งได้รับความสนใจและเริ่มแพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ปัจจุบันวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีการปรับปรุงกติกาและรูปแบบการเล่นให้เหมาะสมกับยุคสมัย รวมถึงการจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติที่มีผู้ชมมากมาย
กฎกติกาของวอลเลย์บอล ล่าสุด ตามมาตรฐานสากล
วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยการผสมผสานระหว่างทักษะส่วนบุคคลและการทำงานเป็นทีม กติกาการเล่นถูกกำหนดโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) เพื่อความยุติธรรมและความสนุกสนานของเกม มาทำความเข้าใจกติกาสำคัญที่ทุกคนควรทราบกัน
1. สนามและอุปกรณ์
สนามแข่งขัน
- สนามวอลเลย์บอลมีขนาดมาตรฐาน 18 x 9 เมตร
- แบ่งครึ่งด้วยตาข่ายกลางสนาม
- รอบสนามต้องมีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 3 เมตรสำหรับการเล่น
- พื้นสนามต้องเรียบและได้ระดับ ไม่มีสิ่งกีดขวางที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
ตาข่าย
ตาข่ายวอลเลย์บอลมีความสูงแตกต่างกันตามประเภทการแข่งขัน:
- ทีมชาย: 2.43 เมตร
- ทีมหญิง: 2.24 เมตร
- ทีมเยาวชน: มีความสูงแตกต่างกันตามช่วงอายุ
ลูกวอลเลย์บอล
- เส้นรอบวง: 65-67 เซนติเมตร
- น้ำหนัก: 260-280 กรัม
- วัสดุ: หนังหรือหนังเทียมที่มีความยืดหยุ่น
- ความดันลมภายใน: 0.30-0.325 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
2. ทีมและผู้เล่น
องค์ประกอบของทีม
- ผู้เล่นในสนาม 6 คน
- ผู้เล่นสำรองสูงสุด 6 คน
- ตัวรับอิสระ (Libero) 1-2 คน ใส่เสื้อสีแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่น
ตำแหน่งผู้เล่น
1. ผู้เล่นแนวหน้า (Front Row)
- ตำแหน่ง 4: ตบหัวเสา
- ตำแหน่ง 3: ตบกลาง
- ตำแหน่ง 2: ตบข้าง
2. ผู้เล่นแนวหลัง (Back Row)
- ตำแหน่ง 5: รับหลังซ้าย
- ตำแหน่ง 6: รับหลังกลาง
- ตำแหน่ง 1: รับหลังขวา
คลิกอ่านเพิ่มเติม
3. การเริ่มเกมและการเสิร์ฟ
การเริ่มเกม
- ทีมที่ชนะการเสี่ยงเหรียญเลือกว่าจะเสิร์ฟหรือรับก่อน
- ผู้เล่นต้องยืนในตำแหน่งที่ถูกต้องก่อนการเสิร์ฟ
- ต้องรอสัญญาณนกหวีดจากผู้ตัดสินก่อนเสิร์ฟ
กติกาการเสิร์ฟ
- ผู้เสิร์ฟต้องยืนในพื้นที่เสิร์ฟที่กำหนด
- มีเวลา 8 วินาทีในการเสิร์ฟหลังจากผู้ตัดสินให้สัญญาณ
- ห้ามเหยียบหรือล้ำเส้นสนามขณะเสิร์ฟ
- ลูกต้องข้ามตาข่ายภายในเขตเสาอากาศ
4. การเล่นลูก
กติกาทั่วไป
- แต่ละทีมมีสิทธิ์สัมผัสลูกได้ไม่เกิน 3 ครั้งก่อนส่งกลับ (ไม่นับการบล็อก)
- ผู้เล่นคนเดียวกันห้ามสัมผัสลูกติดต่อกัน ยกเว้นการบล็อก
- สามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายในการเล่นลูก แต่ห้ามจับหรือหนีบลูก
การเล่นที่ตาข่าย
- ผู้เล่นสามารถสัมผัสตาข่ายได้โดยไม่รบกวนการเล่น
- การบล็อกสามารถยื่นมือข้ามตาข่ายได้หลังจากฝ่ายตรงข้ามตบ
- ห้ามเหยียบเส้นกลางสนาม
5. การทำคะแนนและการหมุนตำแหน่ง
ระบบคะแนน Rally Point
- ทุกการเล่นที่จบลงจะมีการนับคะแนน
- ต้องชนะให้ได้ 25 คะแนน และนำคู่แข่ง 2 คะแนนขึ้นไป
- เซตตัดสิน (เซตที่ 5) เล่นถึง 15 คะแนน
- แข่งขันแบบ 3 ใน 5 เซต
การหมุนตำแหน่ง
- ทีมที่ได้สิทธิ์เสิร์ฟต้องหมุนตำแหน่งตามเข็มนาฬิกา
- การหมุนช่วยให้ผู้เล่นได้สลับบทบาททั้งรุกและรับ
- ตัวรับอิสระ (Libero) ไม่ต้องหมุนตำแหน่ง แต่เล่นได้เฉพาะแนวหลัง
6. การเปลี่ยนตัวและการขอเวลานอก
การเปลี่ยนตัว
- แต่ละทีมมีสิทธิ์เปลี่ยนตัว 6 ครั้งต่อเซต
- ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนออกสามารถกลับเข้ามาได้ 1 ครั้ง
- Libero สามารถเปลี่ยนเข้า-ออกได้ไม่จำกัด แต่ต้องเว้น 1 จังหวะเล่น
การขอเวลานอก
- แต่ละทีมขอเวลานอกได้ 2 ครั้งต่อเซต
- เวลานอกครั้งละ 30 วินาที
- ต้องขอในจังหวะที่ลูกตาย
7. ผู้ตัดสินและการควบคุมเกม
คณะผู้ตัดสิน
- ผู้ตัดสินที่ 1: ควบคุมการแข่งขันทั้งหมด
- ผู้ตัดสินที่ 2: ดูแลการเล่นที่ตาข่าย การเปลี่ยนตัว
- ผู้กำกับเส้น: ตัดสินลูกออก-เข้า และการเสิร์ฟ
- ผู้บันทึก: จดบันทึกคะแนนและการเปลี่ยนตัว
อำนาจการตัดสิน
- การตัดสินของผู้ตัดสินถือเป็นที่สิ้นสุด
- ใช้สัญญาณมือมาตรฐานในการสื่อสาร
- สามารถลงโทษทีมที่ประพฤติผิดกติกาหรือมารยาท
การฟาวล์ในวอลเลย์บอล
- การฟาวล์เป็นการกระทำผิดกติกา ซึ่งทำให้ทีมฝ่ายตรงข้ามได้คะแนน ตัวอย่างการฟาวล์ที่พบบ่อยในวอลเลย์บอล ได้แก่
การสัมผัสตาข่าย
- ผู้เล่นคนใดก็ตามที่สัมผัสตาข่ายระหว่างเล่นบอลถือเป็นการฟาวล์
การข้ามเส้นกลาง
- ส่วนของร่างกายผู้เล่น (ยกเว้นมือหรือเท้า) ล้ำเข้าไปในแดนของฝ่ายตรงข้ามขณะเล่นบอล
การจับบอล (Held Ball)
- การจับบอล การโยน หรือบอลติดมือ (บอลไม่กระเด้งออกจากการตีทันที)
การเสิร์ฟผิดกติกา
- เสิร์ฟเกินเวลาที่กำหนด
- เสิร์ฟผิดตำแหน่ง หรือเท้าเหยียบเส้นสนามขณะเสิร์ฟ
การตีลูกเกิน 3 ครั้ง
- แต่ละทีมสามารถสัมผัสบอลได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้นก่อนส่งข้ามตาข่าย
การเล่นผิดตำแหน่ง (Rotation Fault)
- ผู้เล่นยืนผิดตำแหน่งหรือหมุนเวียนผิดลำดับ
การรบกวนฝ่ายตรงข้าม
- เช่น ขัดขวางการตีบอล การบังวิสัยทัศน์ของคู่แข่งระหว่างการเสิร์ฟ
ลูกออกนอกสนาม
- บอลกระทบพื้นนอกเส้นสนาม หรือลูกบอลกระทบวัตถุภายนอก เช่น เพดาน
บทความที่เกี่ยวข้อง
-------------------------------------------------