คุณผู้อ่านครับด้วยความที่สถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้น ค่อนข้างจะแบเบอร์แล้ว ครั้นผมจะเขียนบทความคุยหลังเกมอยู่ก็คงจะไม่เหลือความน่าสนใจใด ๆ ขาดแค่ 2 เกมหรือ 6 แต้ม หงส์แดงตะแคงฟ้าก็จะคว้าแชมป์ในปีนี้ไปครอง ส่วนทีมที่จะต้องตกชั้นก็คงจะหนีไม่พ้น เซาท์แธมตัน , เลสเตอร์ซิตี้ , และอิปสวิสทาวน์ สิ่งที่ผมจะสื่อคือในเรื่องของผลงานทีมเราคงไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง แต่ในพาร์ทของนักเตะรายบุคคลนี่สิ ที่ยังมีเหลี่ยมมุมให้เราได้วิเคราะห์วิจารณ์กันอยู่ ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! บทความนี้ผมขอพูดถึงเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวสำคัญอย่าง เวอร์จิล ฟานไดจ์ เพราะด้วยความที่เขามีผลงานในการเล่นที่สม่ำเสมอมาตลอด เป็นตัวหลักของลิเวอร์พูลชนิดที่จะขาดเสียไม่ได้ แม้ในแม็ทซ์ล่าสุด (13/4/2025) เขาจะเป็นผู้โขกประตูชัยในช่วงท้ายเกมจนได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แต่ถ้าคุณผู้อ่านเป็นแฟนหงส์แล้วล่ะก็ คุณก็น่าจะพอเห็นใช่ไหมครับว่า ฟอร์มการเล่นในระยะหลังของแกชักจะแปลก ๆ เริ่มมีลูกผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ช็อตสกัดที่เคยเด็ดขาดก็กลายเป็นไม่เด็ดขาด จากที่เคยไล่เตะไล่ตั้นท์ชาวบ้านได้อย่างแม่นยำ หลัง ๆ ก็เริ่มหวดวืด รวมไปถึงการใช้สปีดวิ่งตามพวกกองหน้าเร็ว ๆ ที่มักจะปล่อยจอยทิ้งภาระให้มือประตูซะอย่างงั้น สาเหตุที่ฟอร์มของเขาดร็อปลงคืออะไร มาครับเรามาลองวิเคราะห์กันดู 1. อายุเยอะขึ้นร่างกายไม่เหมือนเดิม จะเทพมาจากไหนก็พ่ายแพ้ให้แก่สังขารครับ เรื่องนี้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ เพราะอายุอานามกองหลังรายนี้ก็ปาเข้าไป 33 ปีเข้าไปแล้ว (เกิดวันที่ 8 ก.ค. 1991) เรื่องสปีดต้นในการออกตัวจึงไม่ต้องพูดถึง จังหวะการพลิกตัว ความคล่องแคล่วใด ๆ ก็ล้วนต้องลดทอนลงไปเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยขวบวัยนี้เขาน่าจะผ่านช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งมาแล้ว และสิ่งที่ยังเหลือติดตัวอยู่ก็คงจะเป็นลูกประสบการณ์กับการอ่านเกมและยืนตำแหน่ง แม้ความเร็วจะดร็อปลงไปหลายส่วน แต่ถ้าเป็นลูกกลางอากาศกับการกะจังหวะเข้าปะทะในช็อตสำคัญล่ะก็ ตรงจุดนี้ฟานไดจ์ยังทำหน้าที่ได้ดีครับ 2. คู่แข่งแข็งแกร่งขึ้น ข้อนี้ล่ะครับคือมนต์เสน่ห์ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เพราะถ้าเราไปเทียบกับลีกอื่น ๆ ในยุโรป บรรดาทีมเล็กทีมน้อยจะห่างชั้นกับทีมใหญ่ค่อนข้างเยอะ กล่าวคือถ้าบอลเยอรมันก็หนีไม่พ้นบาร์เยิร์น บอลสเปนก็มาดริดบาร์ซ่า บอลฝรั่งเศสก็ต้อง PSG ฯลฯ ซึ่งบอลอังกฤษก็ไม่ต่างกันหรอกครับ เพราะแมนซิตี้ก็ผูกขาดแชมป์มาถึง 4 ปีติดเหมือนกัน แต่ถ้าเราไปดูในรายละเอียดเกมแต่ละแม็ทซ์เนี่ยะ คุณผู้อ่านจะพบว่าบรรดาทีมกลาง ๆ หรือทีมท้ายตารางของพรีเมียร์ลีกนั้น ไม่ใช่ว่าจะกินพวกเขาได้ง่าย ๆ ผลการแข่งพร้อมจะพลิกเป็นเสมอหรือแพ้ได้ตลอดเวลา ไม่มีขนมกรุบในบอลพรีเมียร์ลีกอีกต่อไป นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้ เวอร์จิล ฟานไดจ์ ต้องเจอกับความยากลำบากมากขึ้น คุณเห็น อิซัค ของนิวคาสเซิลไหม , เห็น ดีแล็ป ของอิปสวิสทาวน์ไหม , เอ็มเบอโม่ ของเบรนท์ฟอร์ด , หรือแม้แต่ทีมท้ายตารางอย่างเซาท์แธมตันก็ยังมีเจ้าหนู ไทเลอร์ ดิบริ่ง นี่ยังไม่นับพวกซุปตาร์จากทีมบิ๊ก 6 อีกนะ โอ้โห! คู่แข่งระดับพระกาฬทั้งนั้น เสริมทัพทีมีแต่ตัวโหด ๆ การจะยืนระยะเป็นกองหลังภูผาน้ำแข็งไปได้ตลอด จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 3. แดนกลางลิเวอร์พูลเริ่มหมดแรง คราวนี้วกกลับมาดูที่ระบบการเล่นของลิเวอร์พูลกันบ้าง คือด้วยสไตล์การทำทีมของ อาร์เนอ สล็อต นั้น เราก็ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงทีมเลย เคยใช้ผู้เล่นยังไงก็จะใช้อยู่แบบนั้นถ้าไม่บาดเจ็บ โดยเฉพาะตำแหน่งแผงมิดฟิลด์ตรงกลางสนาม แม็คอริสเตอร์ กับ กวาเวนเบิร์ค คือสองนักเตะที่แทบจะลงเล่นอยู่ตลอด แรก ๆ ช่วงต้นฤดูกาลก็ดูดีอยู่หรอกครับ แต่พอมาถึงช่วงท้ายซีซั่น นี่ขนาดทัพหงส์แดงตกรอบบอลถ้วยไปหมดแล้ว เตะพรีเมียร์ลีกอย่างเดียวแถมได้พักเต็ม ๆ ทั้งสัปดาห์ แดนกลางของพวกเขายังยืนระยะกันไม่ไหว ตลอดระยะเวลา 3- 4 นัดหลัง ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่เล่นดีแค่ครึ่งเดียว มิหนำซ้ำพอโดนคู่แข่งใช้พละกำลังเข้าห้ามหั่นพวกเขาจะออกลูกเป๋ทันที และเมื่อแดนกลางทำงานเต็มศักยภาพไม่ได้ ภาระจึงมาตกอยู่ที่กองหลังกับเซ็นเตอร์ เวอร์จิล ฟานไดจ์ ที่ไม่มีกองกลางมาช่วยชะลอผลก็ออกมาอย่างที่เห็นล่ะครับ "พวกนายทำให้เราดูแย่!" เกิดเป็นภาพของการวิ่งตามตูดคู่แข่งบ้าง โดนคู่แข่งกระดกบอลหลบง่าย ๆ บ้าง แล้วก็เลยเถิดไปจนถึงขั้นเสียประตู! 4. เพื่อนร่วมทีมที่เล่นกองหลังนัดกันฟอร์มตก คุณผู้อ่านลองนึกภาพจังหวะการเล่นผิดพลาดของ แอนดร์ โรเบิร์ตสัน ในปีนี้ดูสิครับ ผมนับคร่าว ๆ ได้ 4 - 5 ครั้งเห็นจะได้ ทั้งทำทีมเสียจุดโทษ เข้าบอลโฉ่งฉ่าง เปิดบอลผ่านหน้าปากประตูตัวเองแล้วโดนตัด คือความดีก็มากโขแต่จังหวะโชว์โง่ก็โจ่งแจ้งเหลือเกิน ในขณะที่แบ็คขวาฝั่งตรงข้ามนั้น ดีอย่างที่ปีนี้ เทรนด์ อาโนลน์ เหมือนจะถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานเป็นพัก ๆ ลงบ้างไม่ลงบ้าง จังหวะเล่นผิดพลาดเลยไม่ค่อยมีให้เห็น แต่ทว่าคนที่ลงมาเล่นแทนอย่าง ควอนซ่า หรือ แบลดลีย์ ก็ใช่ว่าจะไว้วางใจในเกมรับได้สักเท่าไหร่ ในฐานะพี่ใหญ่ เวอร์จิล ฟานไดจ์ จึงต้องแบกในจุดนี้ค่อนข้างเยอะ เขาต้องทำหน้าที่หลายอย่างเกินไป ต้องแบกทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็โรยรา พอฟอร์มเพื่อนดร็อปก็เลยลากเอาฟอร์มตัวเองให้ดำดิ่งลงไปด้วย ช่วง 3 - 4 นัดที่ผ่านมาก็เลยออกอาการอย่างที่เห็น สรุปสุดท้าย ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมา ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สัญญาฉบับใหม่ของเจ้าตัวยังไม่ได้รับการอนุมัติ บางทีทีมผู้บริหารอาจจะต้องคิดเยอะหน่อย เพราะจะต้องบวกค่าเหนื่อยที่สูงถึง 220,000 ปอนด์/สัปดาห์ ให้มากขึ้นไปอีก เขาอาจจะบาดเจ็บบ่อยขึ้น อาจจะฟอร์มดร็อปไปมากกว่านี้ และอายุการใช้งานก็น้อยลงเต็มที ไม่รู้สิครับ! ผมว่าบางทีทีมแมวมองหงส์แดงอาจจะต้องเริ่มมองหาเซ็นเตอร์ดาวรุ่งเอาไว้บ้าง ซื้อมาเตรียมไว้ก่อนก็น่าจะดี เพราะเท่าที่มีถ้าไม่นับ โคนาเต้ ที่ดีอยู่แล้ว ควอนซ่า ก็ยังลูกผีลูกคน ถ้าขยายสัญญาให้ ฟานไดจ์ อีกสัก 2 ปี แล้วให้เขาคอยประครองน้อง ๆ ไปพลาง ๆ ถ้าบทสรุปออกมาแบบนี้ผมว่าน่าจะเวิร์คครับ เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool FC ภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 1 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 2 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 4 จาก FB : Liverpool FC ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !