หงส์แดงหักด่านซิตี้ทะยานเข้าชิง จบลงไปแล้วสำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้พบกับลิเวอร์พูล ถือเป็นเกมคุณภาพห้าดาวจบลงด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูลเหนือแมนเชสเตอร์ซิตี้ 3-2 ส่งให้ลิเวอร์พูลทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012 ก่อนเริ่มเกมนี้ แมนเชสเตอร์ซิตี้ของเป๊ปกวาร์ดิโอลา ก็ต้องพบกับเรื่องปวดหัว เมื่อเควินเดอบรอยน์และไคล์วอร์คเกอร์ ได้รับบาดเจ็บ จากการแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง ที่พบกับ แอตเลติโก้มาดริด ส่งผลให้เกมนี้ทั้งคู่พลาดโอกาสลงสนามพบกับลิเวอร์พูล โดยเควินเดอบรอยน์มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง ส่วนรูบินดีอาส ปราการหลังจอมแกร่งที่หายเจ็บกลับมาก็มีชื่อเพียง ในม้านั่งสำรองเท่านั้นทางด้านลิเวอร์พูลของเจอร์เกนคลอปป์ ก็ได้ผ่านการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สองเช่นเดียวกัน โดยเป็นการพบกับเบนฟิก้าจากโปรตุเกสที่สนามแอนฟิลด์ เกมนี้เจอร์เกนคลอปป์โรเตชั่นนักเตะหลายตำแหน่งเนื่องจากลิเวอร์พูลกุมความได้เปรียบด้วยสกอร์ 3-1 จึงทำให้สามารถพักตัวจริงเพื่อเก็บไว้รอเจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ในเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศ โดยท้ายเกมได้ส่งนักเตะตัวหลักหลายคนลงไปยืดเส้นยืดสายรวมถึงโมฮาเหม็ดซาลาห์และซาดิโอมาเน่ ถึงแม้จะจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ลิเวอร์พูล ผ่านเบนฟิก้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกต่อไปได้ การแข่งขันเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศนัดนี้เป็นไปตามคาดแมนซิตี้ขาดตัวหลักอย่างเควินเดอบรอยน์และไคลวอร์คเกอร์ เป๊ปกวาร์ดิโอล่ายังส่งแซกสตีเฟนลงเฝ้าเสา แทนเอเดอสันนายประตูมือหนึ่ง ส่วนลิเวอร์พูลของเจอร์เก้นคล็อปป์จัดเต็มส่งสามผสานอย่างโมฮาเหม็ดซาลาห์ ซาดิโอมาเน่และ ลุยซ์ ดิอาซลงล่าตาข่าย โดยมีอิบราฮิมาโคนาเต้ลงแทนจอร์เอลมาติป จับคู่กับเวอร์จิลฟานไดปราการหลังสุดแกร่ง เกมนี้เริ่มต้นได้เพียง เก้านาทีเท่านั้น ก็เกิดประตูแรก อิบราฮิมาโคนาเต้โหม่งประตูได้จากการเตะมุมของแอนดรูว์โรเบิร์ตสัน ส่งให้ลิเวอร์พูลนำหนึ่งประตูต่อศูนย์ นี่ถือเป็นการทำประตู 3 นัดติดของเจ้าตัวโดยมาจากลูกโหม่งทั้งหมด 3 ลูกเกิดขึ้นจากเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมที่พบกับเบนฟิก้านัดละลูกและเกมนี้อีกหนึ่งลูก หลังจากนั้นอีกไม่นานเพียงแค่นาทีที่ 17 ลิเวอร์พูลก็ไหลไปเป็นสองประตูต่อศูนย์จากซาดิโอมาเน่โดยเกิดจากความผิดพลาดของสตีเฟ่นนายประตูแมนซิตี้ ที่พยายามต่อบอลที่หน้าประตูแต่พลาดทำให้ซาดิโอมาเน่ วิ่งบีบเข้าไปแล้วสไลด์บอลเข้าประตู หลังจากนั้นเกมส่วนใหญ่ก็สู้กันที่กลางสนาม เป็นการบีบพื้นที่กัน ระหว่างมิดฟิลด์ของทั้งสองทีม เกมดำเนินไปอย่างเข้มข้น แต่สุดท้ายเป็นลิเวอร์พูล ที่นำห่างออกไปถึงสามประตูต่อศูนย์ ในนาทีที่ 45โดยเป็นการประสานงานกันระหว่างติอาโก้ อัลคันทาร่าชิ่งบอลหนึ่งสองกับเทรนด์ ก่อนจะตักบอลออกไปทางขวาหน้าเขตโทษ ให้ซาดิโอมาเน่วอลเลย์แบบไม่ต้องจับบอลติดไซด์ก้อยเสียบเสาแรกอย่างสวยงาม จบครึ่งแรกด้วยสกอร์แมนเชสเตอร์ซิตี้ 0 ลิเวอร์พูลสาม 3 เกมส์ครึ่งหลังยังไม่มีการเปลี่ยนตัวนักเตะทั้งสองทีมยังใช้ชุดเดิมลงแข่งขันต่อ โดยเริ่มมาเพียงแค่สองนาที แมนซิตี้ก็ตีไข่แตกได้โดยแจ็คกีลลิส เป็นบอลที่ขึ้นมาทางกราบขวา กาเบรียลเฆซุสใช้ความสามารถเฉพาะตัว โยกหลบกองหลังของลิเวอร์พูล ก่อนจะจ่ายบอลให้กับแจ็คกีลลิส ยิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสวยงาม หลังจากนั้นก็มีการเข้าบอลกันหนักขึ้นเรื่อยๆ นาบีเกตาเฟอร์นานดินโญ่และซาดิโอมาเน่ได้รับใบเหลืองไปคนละใบในช่วงนั้น ผู้จัดการทีมทั้งสองทีมจึงได้เริ่มมีการแก้เกมเปลี่ยนตัวผู้เล่น เจเก้นคอปส่งจอร์แดนเฮนเดอร์สันลงมาแทนนาบีเกตา โชต้าแทนซาดิโอมาเน่ โรแบร์โต้ฟีร์มิโน่แทนหลุยส์ดิอาซ และเคอร์ติสโจนส์ลงมาแทนติอาโก้อัลคันตาร่า ส่วนเป๊ปกวาร์ดิโอล่านั้นเปลี่ยนเพียงแค่ตัวเดียวโดยส่งริยาดมาห์เรซลงมาแทนกาเบรียลเฆซุส เกมทำท่าว่าจะจบด้วยสกอร์หนึ่งประตูต่อสาม แต่แล้วมาห์เรซ ก็โชว์ความสามารถ แตะหนีแอนดรูว์โรเบิร์ตสันไปสุดเส้น ก่อนจะได้ดวลกับอลิสซอนเบคเกอร์ โดยยิงไปติดเซฟแล้วบอลแฉลบมาเข้าทางของ เบร์นาโด้ซิลวาที่เติมเข้ามายิงซ้ำเข้าไป ไล่มาเป็นสองประตูต่อสามในนาทีที่ 91 ท้ายเกมแมนซิตี้โหมอย่างหนักโดยอยู่ในช่วงทดเวลาสี่นาที มีโอกาสเสียวจากจังหวะการยิงของราฮีมสเตอร์ลิ่งและจังหวะวอลเล่ย์ในกรอบเขตโทษของเฟอร์นันดินโญ แต่ก็ได้แค่เสียว จบเกมลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตี้ 3-2 ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เป็นเกมที่หลายคนให้ความสงสัยว่า ทำไมเป๊ปกวาร์ดิโอลาไม่ยอมส่งเควินเดอบรอยน์ลงมาแก้เกมซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะยังมีเกมให้เล่นอีกมาก จริงอยู่ว่าเกมนี้เป็นเกมที่สำคัญ แต่ถ้าเควินเดอบรอยน์เจ็บหนักไปมากกว่านี้อาจจะส่งผลในระยะยาวจึงทำให้ เป๊ปกวาร์ดิโอลาไม่ส่งเดอบรอยน์ลงสนาม จบเกมนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้เหลือลุ้นแชมป์เพียงสองรายการคือ พรีเมียร์ลีกอังกฤษและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ส่วนลิเวอร์พูลนั้นยังอยู่ในเส้นทางคว้าสี่แชมป์ โดยได้แชมป์แรกไปแล้วจากการคว้าแชมป์คาราบาวคัพ และตอนนี้ก็ได้ทะลุเข้าชิง เอฟเอคัพ ส่วนพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกก็อยู่ในเส้นทางที่สดใส 2 แชมป์ของซิตี้ หรือ 4แชมป์ของลิเวอร์พูล ล้วนมีกันและกันเป็นขวากหนามอยู่ ไม่ว่าท้ายฤดูกาลจะจบลงแบบไหน ใครจะเป็นแชมป์ ใครจะอกหักไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือเมื่อ 2 ทีมนี้ลงแข่งจะยังเป็นเกมที่สนุกมากอย่างแน่นอน #เมื่อคุณรักฟุตบอล คุณจะไม่มีวันเลิกรักได้#ทอนาโดเล่าเรื่อง ไฮไลท์การแข่งขันhttps://www.youtube.com/watch?v=G2fPuNYkmyo ขอบคุณภาพจาก facebook : EmiratesFACup / LiverpoolFCภาพปก : EmiratesFACupภาพที่ 1 : EmiratesFACupภาพที่ 2 : EmiratesFACup ภาพที่ 3 : ThailandLiverpoolFCไฮไลท์การแข่งขัน youtubeเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !