อาจจะฟังดูแปลกและคงไม่ถูกใจใครมากนัก หลายคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดการล่าสัตว์จึงกลายเป็นเกมกีฬา ทั้งที่มันควรเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งในเมืองพุทธอย่างบ้านเรา เห็นพ้องต้องกันว่าการล่าสัตว์เป็นการทำผิดศีลธรรม แต่บางพื้นที่กลับไม่เป็นเช่นนั้น การล่าสัตว์เป็นกีฬาที่ถูกกฎหมาย เป็นกิจกรรมนันทนาการ โดยเป้าหมายสำคัญของกีฬาล่าสัตว์ คือการล่าหนึ่งตัวเพื่อช่วยเหลือสัตว์อีกหลายร้อยตัว รูปภาพโดย Alan J. Hendry : Unsplash ด้วยการล่าสัตว์เพื่อการกีฬาเป็นมุมมองที่ค่อนข้างขัดแย้งกับสภาพสังคมบ้านเราโดยสิ้นเชิง ขอสารภาพว่าผู้เขียนชั่งใจที่จะเขียนเรื่องนี้อยู่นาน แต่ถือว่าเป็นมิติใหม่ที่น้อยคนอาจจะยังไม่รู้ เพราะหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ถือว่าการล่าสัตว์เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งกลุ่มชนพื้นเมืองและกลุ่มเศรษฐี ต่างใช้เวลาไปกับการล่าสัตว์ด้วยเป้าหมายที่ต่างกัน กลุ่มหนึ่งอาจล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร อีกกลุ่มหนึ่งอาจล่าสัตว์เพื่อนำชิ้นส่วนมาเป็นเครื่องประดับ แต่ท้ายที่สุดการล่าสัตว์ในแถบแอฟริกาก็ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในเกมกีฬาของชาติ รูปภาพโดย Derek Malou : Unsplash ความจริงแล้วกีฬาล่าสัตว์ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่มีมาตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ หากเราสืบค้นหลักฐานเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณที่รุ่งเรืองในอดีต พบว่าอารยธรรมอียิปต์มีเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬาล่าฮิปโปโปเตมัส เพราะมีบันทึกว่าเป็นสัตว์ร้ายที่คร่าชีวิตของฟาโรห์พระองค์หนึ่ง จึงมีการตั้งค่าหัวฮิปโปโปเตมัสเป็ยรางวัลในการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งในยุคที่ชาวยุโรปเดินเรือเพื่อค้นพบดินแดนใหม่ ๆ ก็มีการคิดค้นการล่าฮิปโปโปเตมัสเป็นเกมกีฬา เพราะเห็นว่าเป็นสัตว์ที่ไม่มีประโยชน์ จนภายหลังฮิปโปโปเตมัสมีจำนวนลดลง แล้วทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง หนองน้ำตื้นเขินและเต็มไปด้วยวัชพืช กีฬาล่าฮิปโปโปเตมัสจึงเริ่มยุติลง กลายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในปัจจุบัน กีฬาล่าสัตว์รูปแบบใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานในทวีปแอฟริกา เรียกว่า กีฬาล่าสัตว์เพื่อปกป้องผืนป่า (Trophy Hunting) คำว่า Trophy ไม่ได้หมายถึงถ้วยรางวัล แต่หมายถึงรางวัลที่สัตว์ตัวอื่นจะได้รับ จากการล่าสัตว์ในจำนวนที่กฎหมายกำหนด กีฬาชนิดนี้เกิดขึ้นในพื้นที่เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าทะเลทรายคาลาฮารี ประเทศนามิเบีย นอกจากจะมีสัตว์อาศัยอยู่อย่างชุกชุม ยังมีชาวพื้นเมืองที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก รูปภาพโดย Hans-Jürgen Röttger : Unsplash กีฬาล่าสัตว์เพื่อปกป้องผืนป่านี้จึงเริ่มขึ้น นักกีฬาคือพรานชาวพื้นเมืองที่มีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์ มีเจ้าของรางวัลเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย กติกามีอยู่ว่า ในหนึ่งปีกีฬาล่าสัตว์ในพื้นที่นี้ สามารถเกิดขึ้นได้เพียง 5 ครั้งเท่านั้นตามกำหนดของกฎหมาย แต่ละครั้งสามารถฆ่าสัตว์ได้เพียง 1 ตัว ใช้เวลา 14 วัน และมีเงินรางวัลประมาณ 80,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,400,000 บาท รูปภาพโดย Crissie Kremer : Unsplash ส่วนใหญ่แล้วกีฬาล่าสัตว์มักเป็นการล่าช้าง เพราะเป็นสัตว์ใหญ่และได้เงินรางวัลมหาศาล ที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าการล่าสัตว์สามารถปกป้องผืนป่าได้ เพราะเงินรางวัลเหล่านั้น ส่วนหนึ่งจะถูกจัดสรรให้ชาวพื้นเมืองในจำนวนเท่ากัน และอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นเงินจำนวนมากกว่า จะเป็นเงินบริจาคเพื่อสมทบกองทุนสำหรับโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือชาวพื้นเมือง นอกจากเงินรางวัลที่ได้รับส่วนแบ่งแล้ว เนื้อช้างที่ถูกล่าจะถูกแจกจ่าย กลายเป็นอาหารสำหรับพวกเขาได้อีกหลายสัปดาห์ รูปภาพโดย Jonatan Pie : Unsplash ความจริงแล้วกีฬาล่าสัตว์ประเภทนี้ แน่นอนว่าย่อมมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายที่คัดค้าน แม้กระทั่งองค์กรพิทักษ์สัตว์ป่าอย่าง WWF ยังชี้ให้เห็นผลการวิจัยว่า กีฬาล่าสัตว์เป็นผลดีต่อการควบคุมปริมาณสัตว์ป่า หากกระทำในเขตที่มีการอนุญาต และตราบใดที่กีฬาล่าสัตว์นั้น สามารถทำประโยชน์ให้มนุษย์และสัตว์ตัวอื่น ๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพียงความรู้ที่ผู้เขียนนำมาบอกเล่าเพื่อการศึกษาเพียงเท่านั้น เพราะในบ้านเราการล่าสัตว์เป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่แล้ว และอยากให้ทุกคนร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ให้อยู่คู่ผืนป่าประเทศไทยไปอีกยาวนาน รูปภาพหน้าปกโดย Frabizio Frigeni : Unsplash