นานๆ ครั้งจะมีสักแมตช์ให้สาวก "เรด เดวิลส์" รู้สึกชื่นใจกันบ้าง หลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-2 ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดตกค้าง ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด คืนวันพุธที่ 15 พฤษภาคมขอย้อนความถึงบิ๊กแมตช์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 พ.ค.) ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายคาบ้านแก่ อาร์เซนอล 0-1 หากมองตามสถิติหลังเกมจะเห็นว่า รูปเกม ทีมของ เอริก เทน ฮาก ครองบอล และสร้างโอกาสยิงประตูมากกว่า แต่นั่นคือภาพลวงตาอาร์เซนอล ของ มิเกล อาร์เตตา กุนซือชาวสเปน แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่า ต้องการเล่นเพื่อ 3 คะแนน พอขึ้นนำ 1-0 ด้วยประตูของ เลอันโดร ทรอสซาร์ กองหน้าเบลเยียม ตั้งแต่นาที 20 จึงเลือกตั้งรับแน่นๆ คอยหาจังหวะโต้กลับ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลมากกว่า และแดนหลังดันขึ้นสูง คล้ายๆ กับว่าพยายามบุกเพื่อเอาประตูคืนแท้จริงแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีวิธีการเจาะแนวรับ "เดอะ กันเนอร์ส" เลย และพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวของ อเลฮันโดร การ์นาโช กับ อาหมัด ดิอัลโล เวลา 2 ตัวรุกด้านข้างได้บอล มักจะเลี้ยงฝ่าไปเอง ซึ่งแฟนๆ ต้องเข้าใจด้วยว่า มันไม่มีเพื่อนร่วมทีมคนไหนอยู่ใกล้ๆ พวกเขาเลย เพื่อมาคอยต่อบอลทำชิ่ง เพื่อดึงฝ่ายตรงข้ามออกจากตำแหน่งดังนั้น อาร์เซนอล จึงกล้าท้าทายให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลบุกเข้าใส่ เพราะรู้ว่าบอลเท้าต่อเท้าของ ยูไนเต็ด ขาดความแม่นยำ เดี๋ยวจะมีจังหวะสำหรับ ทีมเยือน โต้กลับแบบเจ็บๆ ตรงกันข้ามถ้า อาร์เซนอล เลือกบุกเพื่อยิงประตูเพิ่ม ผลลัพธ์อาจกลายเป็นถูกตีเสมอ และพวกเขาจะอยู่ภายใต้ความกดดัน เมื่อเวลาเหลือน้อยลงพอถึงวันต้อนรับ นิวคาสเซิลฯ กลางสัปดาห์ ก่อนเกมตามตารางคะแนนจะเห็นว่า ต่างฝ่ายต่างต้องการชัยชนะ เพื่อชิงโควตาฟุตบอลสโมสรยุโรป ดังนั้นรูปเกมจึงควรจะแลกกันแบบ คุณที-ผมที ประหนึ่งว่าสาดน้ำใส่กัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเปียกมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ มันต้องตัวเปียกด้วยกันทั้งคู่นี่คือทรงฟุตบอลอันแสนโปรดปรานสำหรับพลพรรค "ผีแดง" ยิ่งนัก เวลาแนวรับคู่ต่อสู้ดันขึ้นสูง การ์นาโช กับ อาหมัด จะมีพื้นที่ลากเลื้อย หรือใช้ความเร็วสร้างความปั่นป่วน และอาจถึงได้ประตู ผลการแข่งขันจึงเป็นอย่างที่ทราบ อาหมัด ฟอร์มโดดเด่น ยิง 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ และการได้ บรูโน เฟร์นันเดส มิดฟิลด์กัปตันทีม รับหน้าที่ออกบอล ประสิทธิภาพจึงสูงขึ้นเบื้องหลังของชัยชนะที่แฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ลืมเลือนกันไป คือ วิธีการเล่นของทีมยังเป็นเกมรุกแบบไปตายเอาข้างหน้าหรือวัดดวง ตั้งแต่เริ่มต้นจนเกือบจบฤดูกาล ไม่มีการเล่นเป็นกลุ่ม ให้บอลแล้ววิ่งหาที่ว่าง ฟูลแบ็กเติมเกมรุกแล้วเปิดบอล กองหน้าขยับหาช่อง หรือ ลงมาเล่นกับเพื่อน เพื่อเปิดพื้นที่แก่ตัวสอด และเพรสซิงคู่ต่อสู้แบบเข้มๆบางครั้งผลการแข่งขัน แมนฯ ยู จะดีหรือไม่ นอกเหนือว่านักเตะจะเอาตัวและหัวใจอันห้าวหาญลงสนามแล้ว ยังมีปัจจัยวิธีการเล่นของคู่ต่อสู้มาเกี่ยวข้อง พอเจอทีมด้อยกว่า ขึงได้แต่ทำไม่ได้ก็จะเสียการครองบอลแล้วถูกโต้กลับจนเสียประตู หรือ อาจโดนทีเด็ดลูกตั้งเตะ พอเจอทีมที่ต้องการบุกเพื่อเอาชนะ ถ้าไม่เกิดความผิดพลาดส่วนบุคคลแบบหมูๆ ถ้าไม่โดนยับก็สูสี หรือเซอร์ไพรส์ถึงชนะแบบพลิกล็อกทรงฟุตบอล แมนฯ ยู จึงเป็นแบบ 3 วันดี 4 วันป่วย สุดท้ายมันต้องย้อนกลับไปที่ เทน ฮาก ว่าจะหมดฤดูกาลอยู่แล้ว หรือคุมทีมมา 2 ปีแล้ว วิธีการเล่่นและทีมเวิร์กยังไม่มีเลย แล้วแต่ละพวกคุณซักซ้อมอะไรกัน นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวว่า ถ้า เทรนเนอร์ชาวดัตช์ ยังได้คุมทีมต่อ เราจะยังเห็น ยูไนเต็ด เป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือถ้ามี 11 ตัวจริงดีสุดอยู่ในมือ ผลลัพธ์จะออกมาดีอย่างที่คุณอ้างหรือเปล่าตามเกมเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เชื่อเหลือเกินว่า กลยุทธ์ใช้ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ บรูโน เฟร์นันเดส เป็น False-9 (กองหน้าตัวปลอม) น่าจะเป็นการซ้อมใหญ่สำหรับแผนรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี ศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ และอาจทดลองใช้อีกครั้งในนัดปิดฤดูกาล เยือน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ซึ่งเล่นบอลเท้าต่อเท้าดีเหมือน แมนฯ ซิตีพิจารณาหลักวิทยาศาสตร์ ฟุตบอลของ ยูไนเต็ด ยึดติดกับตัวบุคคล เช่น ถ้ามี บรูโน เฟร์นันเดส ขับเคลื่อนเกมตรงกลาง เกมรุกจะสร้างสรรค์โอกาสได้ และมีประสิทธิภาพ และ การ์นาโช กับ ดิอัลโล ลากเลื้อยได้ ก็จะดูวูบวาบยิ่งขึ้น ดังนั้นตลอด 90 หรือ 120 นาที สาวก "เรด เดวิลส์" ต้องมานั่งลุ้นว่า จะได้เห็นอะไรดีๆ จากนักเตะเหล่านี้แบบคาดไม่ถึงหรือเปล่าภาพปก instagram Amad Dialloภาพที่ 1 instagram Manchester Unitedภาพที่ 2 instagram Manchester Unitedภาพที่ 3 instagram Manchester Unitedภาพที่ 4 instagram Manchester United ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !