ผมเชื่อว่าในเกมพรีเมียร์ลีกคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เป็นค่ำคืนที่บ้าคลั่งสุดๆ สำหรับคอฟุตบอล โดยเฉพาะ 2 ทีมที่ลงทำการแข่งขันอย่าง "สิงห์บลู" เชลซีที่เปิดบ้านสแตมฟอร์ด บริดจ์รับการมาเยือนของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่จบลงด้วยผลเสมอและยิงกันไปถึง 8 ลูก มันเป็นเกมอีกเกมที่จะถูกพูดถึงไปอีกนานแสนนาน เพราะมันมีเรื่องราวมากมายให้พูดถึงเหลือเกิน บอกตรงๆ ผมไม่ได้เห็นเกมเสมอและยิงกันเยอะขนาดนี้มานานมากแล้ว ล่าสุดที่ได้ดูก็คงเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเสมอกับอาร์เซนอล 4-4 ที่อันเดร อาร์ชาวินยิงคนเดียว 4 ประตู บอกเลยว่าใครที่ไม่ได้ดูถือว่าพลาดมากๆ และถ้าหากเป็นหนังหนึ่งเรื่องก็เป็นหนังแอคชันที่ตื่นเต้นตลอด 90 นาที เกมนี้ "มันส์" ขนาดนี้ผมก็จึงขอพูด 5 ประเด็นถึงเกมนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆ เกมนี้ จะมีประเด็นอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ1. เรือใบเจอศิษย์ล้างครูในเกมนี้เป็นอีกเกมที่มีนักเตะลงพบกับต้นสังกัดเก่าถึง 3 คน โดย 2 คนเป็นในฝั่งเชลซีที่มีเด็กเก่าจากแมนซิตี้ สองคนนั้นได้แก่ ราฮีม สเตอร์ลิงและโคล พาลเมอร์ ส่วนในฝั่งของแมนซิตี้ก็มีมาเตโอ โควาซิชที่เพิ่งย้ายจากเชลซีในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ประเด็นนี้คือหนึ่งในไฮไลต์ของเกมนี้เลย เพราะต่างคนต่างมีนักเตะที่เพิ่งย้ายข้ามฟากกัน โควาซิชและพาลเมอร์นั้นย้ายในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่าน ส่วนสเตอร์ลิงย้ายมาอยู่กับเชลซีในฤดูกาลที่แล้วซึ่งเหล่าศิษย์เก่านั้นก็ทำอาจารย์เจ็บช้ำน้ำใจ เพราะทั้งราฮีมและพาลเมอร์นั้นล้วนทำประตูใส่ทีมเก่าได้ทั้งคู่เลย โดยเฉพาะกับน้องโคลที่ยิงประตูสุดท้ายของเกมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ที่ผมเน้นโคล พาลเมอร์เป็นพิเศษก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นเด็กปั้น เป็นลูกหม้อของแมนซิตี้เลย เป๊ป กวาร์ดิโอลาก็เป็นคนที่ปลุกปั้นและดึงขึ้นมาจากชุดเยาวชน แถมในเกมนี้พาลเมอร์โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ชนิดที่แฟนเรือใบน่าจะมีแอบเสียดายกันบ้าง ส่วนแฟนเชลซีก็น่าจะแฮปปี้สุดๆ ซึ่งความจริงแล้วเป๊ปก็เตรียมที่จะปั้นพาลเมอร์ในฤดูกาลนี้นี่แหละ เพราะทีมปล่อยตัวริยาด มาห์เรซออกจากทีมไป แต่อย่างที่เรารู้ๆ กันแหละครับว่าทีมของเป๊ปนั้นไม่ได้การันตีตัวจริงตลอด ทุกคนสลับหมุนเวียนกันได้หมด อีกอย่างตัวนักเตะก็อยากย้ายเพื่อโอกาสลงสนาม เป๊ปก็เป็นคนประเภทที่นักเตะอยากย้ายก็จะไม่ขวาง สุดท้ายก็วิน-วินทั้งคู่ส่วนอีก 2 ศิษย์เก่าก็มีประเด็นให้พูดถึงไม่แพ้กัน เริ่มที่เบาๆ อย่างสเตอร์ลิงที่เกมนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ลากเลื้อยสนุกกันเลยทีเดียว สุดท้ายก็มีผลงานหนึ่งประตูมาฝากแฟนๆ แต่ศิษย์ฟากแมนซิตี้อย่างโควาซิชนี่แหละ จบเกมมีคลิปที่จับจังหวะที่เขาเหมือนแอบดีใจที่โคล พาลเมอร์นั้นยิงจุดโทษในช่วงท้ายเกม แต่ผมว่าอาจจะมีเผลอลืมตัวไปบ้างแหละ คงชินกับเสียงเชียร์ในบ้านเชลซี อยู่มานานหลายปี น่าจะเป็นการลืมตัวมากกว่า2. เกมเดียว 2 จุดโทษนี่ก็คืออีกประเด็นที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจุดโทษแรกของเกมที่ทางเรือใบได้ เป็นในจังหวะที่แมนซิตี้เปิดบอลมาจากทางฝั่งซ้าย เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์อยู่ในวงล้อมของผู้เล่นเชลซีอย่างธิอาโก ซิลวาและมาร์ค คูคูเลยา ฮาแลนด์นั้นเข้าไม่ถึงบอลและถูกน้าซิลวาโหม่งตัดหน้าไปแต่ฮาแลนด์และคูคูเลยานั้นลงไปพร้อมกัน ตอนแรกก็ไม่ได้มีประเด็นอะไร แต่สุดท้ายแอนโทนี เทเลอร์ กรรมการที่แฟนเชลซีรักที่สุด (ประชด) ก็เป่าให้เป็นจุดโทษซึ่งภาพช้าก็เห็นว่าทั้งฮาแลนด์และคูคูเลยานั้นต่างคนต่างเหนียวและดึงกันไว้ แต่จังหวะนี้กลายเป็นฮาแลนด์ที่ถูกคูคูเลยาดึงไว้นานไปหน่อย สุดท้ายก็ล้มลงไป จารย์เทเลอร์ก็เป่าเป็นจุดโทษส่วนตัวผมมองว่าจังหวะนี้แล้วแต่ "ดุลยพินิจของกรรมการ" (อีกแล้ว) เพราะมีหลายต่อหลายครั้งที่เกิดจังหวะแบบนี้แต่ก็ไม่ได้จุดโทษ แต่บางเคสเบากว่านี้อีกดันเป็นจุดโทษ ถ้าลองเปรียบเทียบกันแล้วกับเคสที่ราสมุส ฮอยลุนด์ที่รั้งตัวของโรดรีในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บีที่ผ่านมา ถ้าเคสนั้นโดนเป่าเป็นจุดโทษ ผมมองว่าเคสของคูคูเลยาและฮาแลนด์ก็สามารถเป็นจุดโทษได้ ถึงแม้ว่าทั้งคู่ต่างดึงกัน สุดท้ายมันเป็นเหลี่ยมบอลแหละครับ คูคูเลยานั้นเสียเหลี่ยมฮาแลนด์ที่ดึงเจ้าเด็กตัวยักษ์ไว้นานไปหน่อย จังหวะนี้มันแล้วแต่ดุลยพินิจจริงๆส่วนจุดโทษอีกลูกนึงนั้นที่รูเบน ดิอาสทำฟาล์วอาร์มันโด โบรยา ผมว่าจังหวะนี้ไร้ข้อกังหา ชัดเจนมาก แถมเป็นการเข้าบอลที่โฉ่งฉ่างของดิอาสพอสมควร พุ่งเข้ามาทั้งตัว นานๆ ทีจะเป็นดิอาสพลาดขนาดนี้นะ3. ธิอาโก ซิลวา ดาวรุ่งวัย 39 ปีถ้าหากจะหานักเตะที่โดดเด่นซักคนในเกมนี้ ผมว่าเชื่อว่าชื่อของธิอาโก ซิลวาต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน เพราะน้าซิลวาเล่นเหมือนไม่ได้อายุ 39 ปีเลยแม้แต่น้อย เขาสามารถคุมรับได้อยู่หมัด เป็นพี่ (น้า) ใหญ่ในแผงเกมรับ จ่ายบอล 49 ครั้ง สำเร็จ 45 ครั้ง, ดักและเคลียร์บอลอย่างละ 2 ครั้ง, ไม่เสียฟาล์วเลยแม้แต่ครั้งเดียวและมี 1 ประตูและประตูที่น้าซิลวาทำได้ในเกมนี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่ 4 ที่สามารถทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ขณะที่มีอายุ 39 ขวบหรือแก่กว่านั้นต่อจากเท็ดดี เชอริงแฮม, ดีน วินดาสส์และไรอัน กิกส์เรียกได้ว่าน้าซิลวาเล่นแบบลืมแก่ไปเลยและต้องชื่นชมจริงๆ ในการรักษาสภาพร่างกายของตัวเองให้สามารถลงเล่นในระดับสูงขนาดนี้ได้แบบไม่แพ้รุ่นน้องเลย4. รีซ เจมส์ คือ Game Changer ของเชลซีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของเชลซีในเกมนี้กับเกมก่อนๆ คือเกมรุกฝั่งขวาในยามที่มีกัปตันทีมอย่าง "รีซ เจมส์" กับไม่มีนั้นแตกต่างเหลือเกิน เจมส์นั้นคือแบ็คขวาที่ครบเครื่องที่สุดคนนึงของยุคนี้และยุคต่อไปเลย ผมกล้ารับประกันเลย ถ้าหากเขาไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เขาจะก้าวขึ้นมาคือ No.1 ของตำแหน่งนี้เลย ถ้าหากเขาฟิตสมบูรณ์ผมกล้าพูดเลยว่าเขาเก่งกว่าเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์เลยด้วยซ้ำ นี่ขนาดผมเชียร์ลิเวอร์พูลนะ แต่ผมมองว่าเจมส์นั้นครบเครื่องกว่าเทรนท์อีกเจมส์นั้นมีศักยภาพและความพร้อมที่จะขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของแบ็คขวาจริงๆ ร่างกายที่แข็งแกร่ง ความเร็วที่ไม่เป็นรองใคร เกมรุกก็มีทีเด็ดทั้งยิงคมและเปิดบอลแม่น ลูกนิ่งก็มีความแม่นยำ เกมรับก็เหนียวแน่น เฌเรมี โดกูที่ฟอร์มแรงๆ ก่อนหน้านี้ ในเกมนี้รีซ เจมส์ก็สามารถเอาอยู่หมัด ในเกมนี้เจมส์มีสถิติผ่านบอลสำเร็จ 26 ครั้งจากทั้งหมด 35 ครั้งและมี 1 แอสซิสต์สถิติอาจจะดูมีน้อยแต่ถ้าดูรายละเอียดเกมจริงๆ เจมส์นั้นมีความสำคัญกับเชลซีมากๆ เขาเติมรุกได้อย่างดีเยี่ยม เช่นเดียวกับเกมรับที่เขาลงมาช่วยได้อยู่เสมอ แต่เขานั้นก็ไม่ได้เล่นจบเกม เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายของครึ่งหลัง แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเชลซีต้องใช้เจมส์อย่างระมัดระวัง ป้องกันอาการบาดเจ็บที่มักจะตามรบกวนเขาอยู่ตลอด แต่บอกได้เลยว่ารีซ เจมส์นั้นสำคัญกับเชลซีเสมอ5. แมนซิตี้แข็งแกร่งเหลือเกิน2 เกมในลีกล่าสุดของเชลซีนั้นต้องบอกว่าเป็นโจทย์ที่หินสุดๆ ถ้าเทียบกับฟอร์มของพวกเขา พวกเขาต้องไปเยือนท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ในยุคใหม่ที่มีฟอร์มการเล่นที่ยอดยเยี่ยมและต้องกลับมาเปิดบ้านต้อนรับเจ้าของเทรเบิลแชมป์ในฤดูกาลที่แล้วและยังมีฟอร์มที่แรงต่อเนื่องอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี แต่พวกเขาสามารถเก็บมาได้ 4 แต้มจาก 6 แต้ม ผมเชื่อว่านี่คือฟอร์มการเล่นที่เกินคาดของแฟนสิงห์บลู ยิ่งในเกมที่เจอซิตี้ยิ่งเกินคาด สู้กับจ่าฝูงได้อย่างสูสี เกือบยัดเยียดความปราชัยให้แบบลูกทีมของเป๊ปด้วยซ้ำ นอกจากนี้เมาริซิโอ โปเช็ตติโนก็จัดตัวได้ถูกใจแฟนบอล โดยเฉพาะในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ให้คูคูเลยาลงเล่นแทนลีวาย โควิลล์ ให้นักเตะลงเล่นในตำแหน่งที่ถนัดก็ย่อมดีกว่าแต่ขณะที่เชลซีดีขึ้นขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถเอาชนะแมนซิตี้ได้ ขนาดยิงได้ถึง 4 ประตู แต่ลูกทีมของเป๊ปก็ยิงคืนได้ทั้งหมด แถมมียิงขึ้นนำด้วย ทุกวันนี้เราเห็นซิตี้ถล่มยิงคู่แข่งเป็นเรื่องปกติ ยิ่งกับทีมรองบ่อนพวกเขาเคี้ยวเป็นขนมเลย แต่กับทีมใหญ่ด้วยกันถ้าไม่ใช่เกมที่พวกเขาเหนือกว่าชัดเจนก็ยากที่จะยิงได้ขนาดนี้ หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขา "เกือบหลับแต่กลับมาได้" ตลอด เกมไหนที่ดูเหมือนจะพ่ายแล้ว แต่พวกเขาก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ตลอด แมนซิตี้แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ นี่ขนาดเควิน เดอ บรอยน์ยังไม่หายเจ็บกลับมานะ จอห์น สโตนก็ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ลองคิดภาพถ้าหากพวกเขาเต็มสูบสิ พวกเขาจะติดเครื่องขนาดไหนและอย่างที่เราทราบๆ กันดีครับว่าถ้าแมนซิตี้ขึ้นจ่าฝูงเมื่อไหร่ พวกเขาก็มักจะนำแบบรวดเดียวจบ ยากที่จะโดนกระชากคอลงมา และดูแล้วฤดูกาลนี้ก็เป็นอีกฤดูกาลที่ขึ้นแล้วไม่ลงอีกตามเคยตามสไตล์เรือใบสีฟ้าสถิติหลังเกมที่น่าสนใจเป็นครั้งแรกในเกมลีกที่เชลซียิงและเสียประตูมากกว่า 4 ประตูในเกมเดียว นับตั้งแต่มีนาคม 2008 ที่พบกับสเปอร์ ในเกมนั้นก็จบด้วยผลเสมอ 4-4 เช่นเดียวกันกับแมนซิตี้ แต่ของแมนซิตี้ต้องย้อนกลับไปในมกราคม 1961 ในเกมที่พบกับอาร์เซนอล โดยในเกมนั้นจบด้วยผล 4-5ในบรรดา 882 เกมจากทุกรายการที่เป๊ป กวาร์ดิโอลาคุมทีม นี่คือครั้งแรกที่ทีมของเป๊ปยิงและเสียประตูในเกมเดียว 4 ประตูก่อนหน้านี้มีเพียง 4 เกมเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกที่จบลงด้วยผลเสมอ 4-4 โดยเกมแรกเป็นเกมที่เอฟเวอร์ตันเสมอลีดส์ในเดือนตุลาคม 1999 และเกมล่าสุดก่อนเกมนี้ก็คือเกมที่ลิเวอร์พูลเสมอกับอาร์เซนอลในเมษายน 2009 เกมเชลซีและแมนซิตี้เป็นครั้งที่ 5ในฤดูกาลนี้เชลซีชนะเพียงเกมเดียวจาก 7 เกมที่เล่นในสแตมฟอร์ด บริดจ์ (เสมอ 3 แพ้ 3)ถ้านับตามปฏิทินปี 2023 ณ ตอนนี้เชลซีนั้นถูกคู่แข่งยิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 เป็นครั้งที่ 20 แล้ว ทำให้พวกเขาทำสถิติร่วมกับบอร์นมัธและคริสตัล พาเลซในการถูกคู่แข่งขึ้นนำไปก่อน 1-0เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์เพิ่งทำประตูใส่เชลซีได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว และทำให้เขายิงประตูใส่คู่แข่งไปแล้ว 19 จาก 21 ทีม (นับเป็น 90%) และในทุกการแข่งขัน ฮาแลนด์ทำประตูจากจุดโทษไปแล้ว 13 ประตูจากจุดโทษ 15 ครั้งโรดรียิงในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปแล้ว 3 ประตู มากกว่าที่เขายิงได้ในฤดูกาลที่แล้ว (2 ประตู) และ 9 จาก 17 ประตูที่เขายิงได้ในพรีเมียร์ลีกเป็นประตูที่เขายิงให้แมนซิตี้ขึ้นนำคู่แข่งธิอาโก ซิลวากลายเป็นคนที่ 4 ที่สามารถทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ขณะที่มีอายุ 39 ขวบหรือแก่กว่านั้นต่อจากเท็ดดี เชอริงแฮม, ดีน วินดาสส์และไรอัน กิกส์ราฮีม สเตอร์ลิงและโคล พาลเมอร์เป็นอดีตนักเตะแมนซิตี้คนที่ 8 และ 9 ตามลำดับที่สามารถยิงประตูใส่แมนซิตี้ได้หลังจากที่พวกเขาย้ายออกจากทีมไป ต่อจากไนออล ควินน์, สตีฟ โลมัส, แกร์รี ฟลิทครอฟท์, จีโอวานนี, แดเนียล สเตอร์ริจด์, อัลบาโร เนเกรโดและเคเลชี อิเฮียนาโชประตูของโคล พาลเมอร์ในนาทีที่ 94 กับอีก 24 วินาที กลายเป็นประตูจากลูกจุดโทษที่มาช้าที่สุดของเชลซีในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เกมที่พวกเขาพบกับเวสต์บรอมในพฤศจิกายน 2013 (เอเด็น อาซาร์ยิงในนาทีที่ 95 กับอีก 18 วินาที)ขอบคุณข้อมูลจากOpta AnalystOfficial Facebook ของเชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตีและพรีเมียร์ลีกภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ4, ภาพประกอบ 5 และภาพประกอบ 6บทความที่เกี่ยวข้อง"เอเด็น อาซาร์" กับ 5 โมเมนต์สุดประทับใจ5 ดาวรุ่งน่าจับตามองในพรีเมียร์ลีก 2023/2024แมนซิตี้กับสิ่งที่จะต้องเจอใน "พรีเมียร์ลีก 2023/2024" เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !