3 คะแนนสุดล้ำค่าสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ในมือของอาร์เซนอล เมื่อไอ้ปืนใหญ่เปิดบ้านเอาชนะบอร์นมัธไปได้แบบนิ่มๆ 3-0 โดยได้ประตูในช่วงครึ่งแรกจากจุดโทษของบูกาโย่ ซาก้า และได้เพิ่มอีก 2 ประตูในครึ่งหลัง จาก เลอันโดร ทรอสซาร์ และดีแคลน ไรซ์ในช่วงท้ายเกมส่งผลให้อาร์เซนอลตอนนี้ยังคงอยู่ตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป มี 83 คะแนน นำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 1 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 นัด ยังมีโอกาสพลิกล็อคได้จนถึงนัดสุดท้ายเกมนี้ในช่วงครึ่งแรก อาร์เซนอลเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถูกเกมรับของบอร์นมัธหยุดยั้งได้หลายจังหวะอย่างมาก แถมยังต้องชมมาร์ค เทรเวอร์ส ที่สามารถป้องกันลูกยิงของทางฝั่งแนวรุกของอาร์เซนอลได้หลายครั้ง แต่แล้วเกมรับของบอร์นมัธที่แข็งแรงมาตั้งแต่ต้นก็พลาดท่าจนได้ เมื่อจังหวะที่ไค ฮาแวตซ์สอดเข้ามาแตะบอลและพยายามจะหาจังหวะยิงประตู เทรเวอร์สเข้ามาสกัด แต่ขาของเขาไปสะกิดทำลายจังหวะของฮาแวตซ์ ผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษ แต่ทีนี้ห้อง VAR ก็ทำการเช็คเพื่อคอนเฟิร์มการตัดสินของกรรมการในสนาม และผู้ตัดสินก็ชี้ไปที่จุดโทษตามเดิม บูกาโย่ ซาก้ารับหน้าที่สังหารจุดโทษ และไม่พลาด เป็นประตูขึ้นนำให้อาร์เซนอลกุมความได้เปรียบในเกมนี้ไปก่อนเมื่อเริ่มครึ่งหลัง เป็นทางบอร์นมัธที่เริ่มมีลูกล่อลูกชนและจังหวะที่ลุ้นทำประตูมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของอาร์เซนอลได้ แม้ช่วงประมาณ 15-20 นาที จะสู้กันได้อย่างสูสี เจ้าบ้านก็เริ่มอยู่ภายใต้ความกดดันมากขึ้น จนกระทั่งมีจังหวะยิงจากการขึ้นเกมบุกของมาร์ติน โอเดการ์ดที่บอลเหมือนจะเสียจังหวะไปแล้ว แต่ก็เป็นดีแคลน ไรซ์ที่วิ่งเข้ามาเก็บบอลได้ และตวัดบอลไปให้เลอันโดร ทรอสซาร์ได้บรรจงยิงเสียบเข้าประตูเป็นที่เรียบร้อย อาร์เซนอลออกนำ 2-0แต่อาร์เซนอลก็เกือบจะเสียโมเมนตัมในเกมนี้ให้กับบอร์นมัธไปแล้ว เมื่อมีจังหวะที่บอร์นมัธเปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ โดมินิค โซลันกี้เบียดแย่งบอลกับโทมิยาสุ แล้วบอลกระฉอกไปทาง ดาบิด ราย่า ได้ชกบอลออกไป แต่สุดท้ายบอลก็ไปถึงไรอัน คริสตี้ได้ตะบันยิงเต็มข้อ บอลไปชนคานกระดอนมาถึงอองตวน เซเมนโย่ได้จังหวะวอลเล่ย์ใส่เต็มข้อ บอลไปแฉลบราย่า เข้าประตูไป แต่มีสัญญาณจากห้อง VAR แจ้งว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งภาพก็ชี้ไปที่โซลันกี้เอาแขนไปทำลายจังหวะราย่าตอนกระโดดชกบอลจริงๆ แม้จังหวะนี้โซลันกี้มีการยกมืออ้างว่าไม่ได้เจตนา แต่สุดท้ายผู้ตัดสินในสนามก็แจ้งริบประตูคืน ทำให้เกมนี้ยังคงเป็นอาร์เซนอลที่กุมความได้เปรียบอยู่และเกมก็ทำท่าจะจบตั้งแต่ก่อนทดเวลา เมื่อมาร์ติน โอเดการ์ดบรรจงเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษของบอร์นมัธ ในขณะที่ผู้เล่นทั้งสองฝั่งพยายามขึ้นโหม่งแย่งบอลกัน บอลก็กระฉอกไปทางกาเบรียลได้วอลเล่ย์สวยๆเข้าประตูไปอย่างสวยงามแล้ว แต่ VAR แจ้งผู้ตัดสินในสนามว่า มีจังหวะล้ำหน้าเกิดขึ้น โดยภาพ VAR จับไปที่ไค ฮาแวตซ์ยืนเหลื่อมอยู่ สุดท้ายก็ยังไม่ได้ประตูเพิ่มจนกระทั่งช่วงทดเวลา อาร์เซนอลก็มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะ ในจังหวะที่มาร์ติน โอเดการ์ดได้บอลจากโทมัส ปาร์เตย์ และปาดบอลไปทางกาเบรียล เฆซุสวิ่งสอดเข้าไปเกือบถีงกรอบเขตโทษ และตวัดบอลต่อให้ดีแคลน ไรซ์กระชากหนีตัวประกบแล้วยิงสวนเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกมด้วยการเป็นจ่าฝูงไปอีก 1 สัปดาห์ภาพรวมของเกมนี้ถือว่าเป็นฝั่งอาร์เซนอลที่ครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จก็จริงแต่บอร์นมัธก็รับมือกับเกมรุกที่หลากหลายของเจ้าบ้านได้ดีเช่นกัน เพียงแต่อาร์เซนอลสามารถฉกฉวยโอกาสสร้างโมเมนตัมในเกมได้ แต่ก็ต้องชื่นชมอันโดนี่ อิราโอล่าที่สามารถพลิกโฉมบอร์นมัธจากทีมที่ต้องลุ้นหนีตายมาเป็นทีมที่สามารถลุ้นทำอันดับไปพื้นที่ยุโรปได้ แต่ก็ต้องให้เวลาอิราโอล่าได้สร้างทีมที่เขาต้องการไปก่อน ส่วนทางฝั่งเจ้าบ้าน มิเกล อาร์เตต้าก็สามารถพัฒนาทีมจากที่ลุ้นแค่ Top 4 หรือ Top 6 มาเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้เต็มตัวแล้วในฤดูกาลนี้ส่วนฤดูกาลนี้จะจบลงอย่างไร เหลืออีก 2 สัปดาห์ให้ลุ้นกันครับส่วนตอนนี้ที่รู้กันแล้ว ก็คือ ดาบิด ราย่า ได้รับรางวัลถุงมือทองคำประจำฤดูกาล 2023/2024 อย่างเป็นทางการแล้วครับ แต่จะเก็บสถิติคลีนชีตได้เท่าใดนั้น รอหลังจบฤดูกาลนี้ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1,2,3,4,5,6 และภาพปกบทความ จาก Facebook Arsenal