หลายคนอาจคุ้นเคยและพบเห็นการเล่น “ชักกะเย่อ” ตามงานแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เช่น การแข่งขันกีฬาสีในโรงเรียน การแข่งขันกีฬากระชับความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร หรือในการแข่งขันกีฬาชุมชน ดังนั้น ในมุมมองของคนทั่วไปต่อการเล่นชักกะเย่อนั้นอาจเป็นเพียงการละเล่นเพื่อความสนุกสนานเฮฮา แต่ความเป็นจริงแล้วชักกะเย่อจัดเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่มีการจัดการแข่งขันกันอย่างจริงจังในระดับประเทศ ไปจนถึงระดับโลกเลยทีเดียว ภาพประกอบจาก pixabay.com “ชักกะเย่อ” หรือที่ปรากฏการเขียนว่า “ชักเย่อ” (ภาษาอังกฤษ คือ tug-of-war) เป็นกีฬาที่ประกอบด้วยผู้เล่น 2 ฝ่ายจำนวนเท่า ๆ กัน สำหรับการแข่งขันโดยทั่วไป จำนวนคนที่ใช้ในการแข่งขึ้นอยู่กับกติกาในการแข่งครั้งนั้น ๆ ว่าจะให้ใช้ผู้เล่นฝ่ายละกี่คน ซึ่งจำนวนผู้เล่นจะขึ้นอยู่กับความยาวของเชือกด้วย หากเชือกมีความยาวมากก็จะสามารถใช้ผู้เล่นได้มาก โดยมีอุปกรณ์สำคัญคือเชือกเส้นใหญ่ ซึ่งเชือกที่ใช้มักจะเป็นเชือกป่านมะนิลา เนื่องจากมีความแข็งแรง ไม่ขาดง่าย ให้ความนุ่มไม่บาดมือระหว่างเล่น ความยาวของเชือกจะมีตั้งแต่ 15 ถึง 40 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 20 มิลลิเมตรขึ้นไปเพื่อให้ผู้เล่นสามารถกำรอบเชือกได้พอดี ภาพประกอบจาก rawpixel.com กติกาการเล่นชักกะเย่อ จะให้ผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายจับเชือกคนละด้าน โดยห่างจากตรงกึ่งกลางเชือกที่มีการทำสัญลักษณ์เอาไว้ประมาณ 2 เมตร (กึ่งกลางเชือกจะอยู่ตรงพอดีกับเส้นแบ่งเขตแดน) เมื่อกรรมการให้สัญญาณ ผู้เล่นก็จะต้องพยายามดึงเชือกให้เข้ามาอยู่ในฝั่งของตน ฝ่ายใดที่สามารถดึงเชือกจากฝ่ายตรงข้ามเข้ามาอยู่ในเขตแดนของตนได้สำเร็จก็จะถือว่าเป็นฝ่ายชนะ ภาพประกอบจาก pixabay.com แต่หากเป็นการแข่งขันกีฬาชักกะเย่ออย่างเป็นทางการ จะมีการกำหนดรายละเอียดอย่างชัดเจนตามข้อกำหนดของสหพันธ์กีฬาชักกะเย่อสากล โดยจำนวนผู้เล่นจะแบ่งเป็นฝ่ายละ 2, 4 และ 8 คน แบ่งทีมออกเป็น 4 รุ่น ได้แก่รุ่นจูเนียร์ (15-18 ปี) รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี (อายุมากกว่า 18 ปี ถึง 23 ปี) รุ่นซีเนียร์ (ผู้ชายอายุครบ 18 ปี และผู้หญิงอายุครบ 16 ปีนับแต่ต้นปีที่มีการแข่งขัน) และรุ่นมาสเตอร์ (อายุครบ 30 ปีขึ้นไป) และจะมีการแบ่งรุ่นออกเป็นรุ่นย่อยลงไปตามน้ำหนักของผู้แข่งอีกด้วย สำหรับขนาดและความยาวเชือก รวมถึงการแต่งกายของผู้เล่น รวมไปถึงในรายละเอียดของกติกาการแข่งขันก็จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของสหพันธ์ทุกประการ ภาพประกอบจาก rawpixel.com ปัจจุบัน การแข่งขันชักกะเย่อในประเทศไทยถือเป็นกีฬาที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีการจัดตั้งสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย (Tug of war Thailand Association) มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ซึ่งจะเป็นผู้ควบคุมและสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาชักกะเย่อสากลชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย และจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะมีการคัดเลือกตัวแทนนักกีฬาตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับภาค เพื่อเข้าสู่การแข่งขันในระดับประเทศ และกีฬาชักกะเย่อไม่ได้หยุดอยู่ที่ระดับประเทศเท่านั้น เพราะเมื่อเดือนกันยายนปี 2562 ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันชักกะเย่อชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ 14 (14th Asian Tug of War Indoor Championships) ซึ่งมีตัวแทนนักกีฬาจากหลายประเทศมาร่วมแข่งขันกันอย่างมากมาย ซึ่งความก้าวไกลของวงการชักกะเย่อไทยก็ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ ในปี 2563 ประเทศไทยยังมีแผนเสนอเป็นเจ้าภาพจัดงานชักเย่อชิงแชมป์โลกอีกด้วย ขอบคุณข้อมูลประกอบการเขียนบทความจากสมาคมกีฬาชักกะเย่อ แห่งประเทศไทย http://www.twta-thailand.com/