TRUE FEATURES : อดีต ปัจจุบัน อนาคต "โจ้" ญาณพล นักโบว์ลิ่งดีกรีแชมป์เวิลด์ทัวร์
TRUE FEATURES : จากเด็กชายที่เกือบจะหันไปเอาดีในเส้นทางลูกหนัง ความพ่ายแพ้ในรายการสำคัญจนเกือบจะทำให้เจ้าตัวตัดสินใจวางมือจากกีฬาที่เขารักที่สุดอย่างโบว์ลิ่ง แต่ทว่าความมุ่งมั่น บวกกับเลือดนักสู้ในตัว ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะกลับมาพิชิตเป้าหมายอีกครั้ง กระทั่งคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ พร้อมกับกวาดความสำเร็จเป็นว่าเล่นจนก้าวขึ้นมาเป็นนักทอยแก่นหมายเลขหนึ่งของไทยในปัจจุบัน กระทั่งผงาดคว้าแชมป์เวิล์ดโบว์ลิ่งไปครอง พร้อมทั้งเขียนประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์รายการนี้… “โจ้” ญาณพล ลาภอาภารัตน์
…สายตาอันมุ่งมั่น บวกกับการทำสมาธิเพื่อทำให้ตัวเอง “ว่างเปล่า” มากที่สุด “พี่โจ้” บรรจงปั่นลูกโบว์ลิ่งโค้งออกจนแทบจะติดขอบเลน ก่อนที่จะวกกลับมากระทบพินทั้งหมดจนกลายเป็นสไตรค์ที่สะอาดตา
“ผมเล่นโบว์ลิ่งมาตั้งแต่ 7 ขวบครับ ถ้านับจนถึงวันนี้ก็ร่วม 27 ปีเข้าไปแล้วกับความผูกพันในกีฬาชนิดนี้” พี่โจ้ เปิดฉากการสนทนากับเราด้วยอิริยาบถแบบสบายๆ
“จริงๆ แล้วตอนเด็กๆ ผมเองก็เล่นกีฬา และเป็นนักกีฬาหลายๆ อย่าง ทั้งฟุตบอล-บาสเกตบอล แต่สุดท้ายที่ตัดสินใจเลือกโบว์ลิ่งเนื่องจากมองว่ามันเป็นกีฬาที่ท้าทายมากกว่ากีฬาชนิดอื่น ผมคิดว่ามันเป็นเหมือนกับการต่อสู้กับตัวเอง บวกกับด้วยความที่ทางบ้านนั้นให้การสนับสนุน เนื่องจากคุณพ่อผมเองก็เป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งด้วย ก็เลยตัดสินใจเล่นโบว์ลิ่งมาตั้งแต่ตอนนั้น”
“ช่วงอายุประมาณ 14-15 ปี ผมได้มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของกีฬาแห่งชาติที่ จ.ระยอง ในฐานะนักโบว์ลิ่งของ จ.ราชบุรี ซึ่งรายการนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับความสำเร็จ แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ แต่เหรียญทองแดงกีฬาแห่งชาติมันก็มีค่ามากพอที่จะทำให้ผมกล้าที่จะฝัน และก้าวไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น”
การคว้าเหรียญทองแดงในศึกกีฬาแห่งชาติในครั้งนั้น คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ด.ช ญาณพล ในวัย 14 ปี ตัดสินใจที่จะหันมาเอาดีทางด้านการทอยแก่น ด้วยการฝึกซ้อม ความตั้งใจบวกกับความมุ่งมั่น และจริงจัง ในที่สุดประตูสู่การเป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งทีมชาติไทยของ “โจ้” ก็เปิดกว้างขึ้น
“จริงๆ แล้วทางสมาคมฯ เองก็มีการเปิดคัดตัวนักกีฬาทีมชาติทุกๆ ปีอยู่แล้วครับ โดยไม่มีเงื่อนไข หรือข้อจำกัดอะไรมากมาย ตัวผมเองก็เลยตัดสินใจลองไปคัดตัวดู ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นปี 1999 (พ.ศ 2542)”
แม้จะต้องเผชิญกับคู่แข่งระดับเขี้ยวลากดินจากทั่วประเทศ แต่ด้วยพลังของความมุ่งมั่น บวกกับฝีมือการทอยแก่นที่เก่งเกินตัว ในที่สุด ญาณพล ก็สามารถฝ่าด่านอรหันต์ พร้อมกับก้าวมาติดธงทีมชาติไทยด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น
“ใช่ครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นสมาคมฯ ประกาศว่าจะเอานักกีฬา 6 คน ผมนี่ติดอันดับสุดท้ายเลย (ฮา) ก็ดีใจครับ ได้เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับพี่ๆ ทีมชาติ ประจวบเหมาะกับปีนั้นมีรายการใหญ่อย่างศึกชิงแชมป์โลกที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) ผมเองก็ได้ไปแข่งกับเค้าเลย (หัวเราะ) “
วันเวลาผ่านไป จากนักโบว์ลิ่งดาวรุ่งจรัสแสงดวงใหม่ “โจ้” ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทีมในการไล่ล่าความสำเร็จทั้งในเวทีระดับภูมิภาค ทวีป ไปจนถึงระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อของ “โจ้” ญาณพล นั้นก้าวขึ้นมาเป็นที่จดจำ และอยู่ในใจของแฟนกีฬาชาวไทยนั่นก็คือ การผงาดคว้าเหรียญทองโบว์ลิ่งในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ 2014 ที่ อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ นั่นเอง
“แรงบันดาลใจของผมมันเริ่มมาจากตอนที่ประเทศไทยเราเป็นเจ้าภาพ เอเชี่ยนเกมส์ ในปี 1998 ผมได้มีโอกาสไปดูพี่ๆ นักโบว์ลิ่งทีมชาติไทยแข่งขันกันที่ เดอะ มอลล์ บางกะปิ แล้วพี่ๆ เค้าได้เหรียญทองประเภททีมสามคน ซึ่งตอนนั้นผมเองก็เริ่มเล่นโบว์ลิ่งแล้ว ก็เลยอยากจะมีโมเม้นต์แบบนั้นบ้าง”
“คือผมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น ความยิ่งใหญ่ของการได้ขึ้นไปยืนบนโพเดียม ได้ร้องเพลงชาติไทย ทั้งหมดนี้ได้สร้างแรงจูงใจให้กับตัวผมเอง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมยังเป็นแค่กองเชียร์อยู่เลยด้วยซ้ำ (หัวเราะ) มันเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งเป้าหมายในการคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ให้ได้”
“เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ถือเป็นความฝันของนักกีฬาโบว์ลิ่งทุกคน เพราะว่าโบว์ลิ่งเป็นกีฬาที่ไม่มีอยู่ในโอลิมปิก เกมส์ เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่นักกีฬาทุกคนเองต่างตั้งเป้า ผมเองก็เช่นกัน”
แต่ใช่ว่าความสำเร็จของ “โจ้” ในเอเชียนเกมส์นั้นจะเกิดขึ้นในทันที เพราะกว่าที่เจ้าตัวจะสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น ก็ต้องรอไปจนถึงการลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียเป็นครั้งที่ 4 ของตัวเอง นั่นคือ “อินชอน เกมส์” ซึ่ง ญาณพล บอกกับเราว่า เค้าเองเกือบที่จะถอดใจ และประกาศเลิกเล่นโบว์ลิ่งไปแล้วด้วยซ้ำ
“กับ 12 ปีในเอเชียนเกมส์ เรียกได้ว่าผมทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจกับรายการนี้แบบสุดๆ มันเหมือนกับเรายังไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกำแพงของตัวเองได้ ช็อตที่ผมรู้สึกท้อ รู้สึกผิดหวังกับตัวเองมากที่สุดเลยก็ว่าได้นั่นคือ เอเชียนเกมส์ 2010 ที่กว่างโจว ประเภทมาสเตอร์ ผมจะเข้าไปชิงเหรียญทองแดงแล้ว ขอแค่เก็บสแปร์ แต่ผลปรากฎว่ามันออก split ช็อตนั้นเป็นช็อตที่ผิดหวังที่สุด และเป็นช็อตที่เกือบเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมมีคะแนนนำมาตลอด เอาง่ายๆ คือมีเหรียญติดมือแน่ๆ”
“ผมยังคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองไปถึงเหรียญทองแน่ๆ แต่พอมาพลาดเอง สมาธิแกว่งเองมันก็เหมือนกับช็อคไปเลย บวกกับทัวร์นาเม้นต์นั้นทางทีมเองก็เตรียมตัวกันดี มีการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย พอทุกอย่างมันเข้าล็อคหมด แต่สุดท้ายเรากลับมาตกมาตาย มันก็เหมือนกับโลกสลายไปเลย”
“ผมตัดสินใจหยุดเล่นโบว์ลิ่งไปราวๆ 7 เดือนได้ คือผมบอกกับตัวเองเลยว่าคงไม่เอาแล้ว มันเฟลสุดๆ แต่ก็ต้องขอบคุณสมาคมฯ ขอบคุณครอบครัวที่เข้ามาจุดไฟในตัวผมอีกครั้งจนทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ที่บุกมาหาผมถึงบ้านที่ จ.นครปฐม เลย”
แต่ความผิดหวังใน เอเชี่ยนเกมส์ ที่ประเทศจีน ได้กลายเป็นภูมิต้านทานที่ทำให้ “โจ้” กลับมายืนหยัดบนเลนโบว์ลิ่งอีกครั้ง และในที่สุดผลของการทำงานหนักก็เป็นผล เพราะ ญาณพล สามารถกลับมาคว้าแชมป์เอเชียได้อย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางคู่แข่งระดับหินทั้งในโซนเอเชีย บวกกับสองยักษ์จากโอเชียเนียอย่าง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
“การคว้าแชมป์เอเชียถือเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญกับตัวผมเองมากๆ เพราะถือเป็นการต่อสู่กับคู่แข่งจากโซนเอเชีย-โอเชียเนีย อย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเราก็สามารถทำได้ มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมกลับไปไล่ล่าความสำเร็จใน เอเชี่ยนเกมส์ อีกครั้ง”
โบว์ลิ่ง คือกีฬาที่เต็มไปด้วยสมาธิ ฉะนั้นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับ ญาณพล นั้นก็คงจะหนีไม่พ้น “ตัวเอง” ซึ่ง “โจ้” มองว่า นี่คือคู่ปรับตัวฉกาจที่น่ากลัวที่สุดแล้วสำหรับชีวิตการเป็นนักทอยแก่นทีมชาติ
“นักก็ฬาโบว์ลิ่งก็เหมือนคนทั่วไปครับ ทุกคนมีอารมณ์ และความรู้สึก ฉะนั้นที่เวลาเราเล่นโบว์ลิ่ง ตอนเราซ้อมเราจะเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ และเป็นธรรมชาติ แต่พอเวลาเราแข่งขันมันจะมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนกับตอนที่เราซ้อม อย่างเช่นเสียงเชียร์ คะแนนของคู่ต่อสู้ที่สไตรค์มากดดันเรา หรือแม้แต่จังหวะรวนของเราเอง เราก็จะเร่งเกมจนควบคุมสติไม่ได้ ฉะนั้นทุกอย่างมันอยู่ที่การควบคุมตัวเราเองทั้งนั้น”
“ผมว่าความกดดันมันเป็นสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น เพราะถ้ามองกันตามตรง เลนโบว์ลิ่งที่เราไปแข่งก็เหมือนเดิม ลูกโบว์ลิ่งเหมือนเดิม คนโยนก็เป็นคนเดิม แต่ที่เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนเดิมนั่นเป็นเพราะว่าสถานการณ์ และปัจจัยรอบข้างมันบังคับให้คุณนั้นเปลี่ยนไปทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรเลย เหมือนเส้นผมบังภูเขาหนะครับ การจัดการกับสมาธิของตัวเองเลยเป็นเรื่องที่น่าท้าทายที่สุดสำหรับผม”
นอกเหนือจากการจัดการกับตัวเองภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันให้ได้แล้ว “ความรับผิดชอบ” ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ “โจ้” มองว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของการเป็นนักโบว์ลิ่งที่ดี ตลอดจนจะเป็นบันไดที่พาดผ่านให้นักกีฬาคนนั้นๆ ได้ปีนป่ายสู่ความสำเร็จได้ เหมือนกับที่เจ้าตัวได้ก้าวไปถึงยังจุดนั้น
“คุณสมบัติของการเป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งที่ดีก็คงไม่ต่างไปจากนักกีฬาประเภทอื่นๆ ครับ คือผมมองว่าทุกคนก็มีครอบครัว มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ กีฬาเองก็คือเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการจะเป็นนักกีฬาที่ดีนั้น คุณจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนปกติ ต้องมีระเบียบวินัยกับตนเอง วันนี้คุณใส่ใจเรื่องโภชนาการแล้วรึยัง คุณให้ความสำคัญกับเวทเทรนนิ่ง การสร้าง และฟื้นฟูกล้ามเนื้อมากน้อยแค่ไหน ยังมีเรื่องของการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ระเบียบวินัยที่เป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ โดยส่วนตัวก็ยังเชื่อว่า “ความรับผิดชอบ” มันเป็นหัวใจหลักของกีฬาทุกชนิดเลยครับ”
อีกหนึ่งสิ่งที่เชื่อว่าแฟนๆ ที่กำลังติดตามเรื่องราวของ “โจ้” อยู่ถึงบรรทัดนี้อยากจะรู้นั่นก็คือ ความรู้สึก ณ วินาทีที่กำลังถือลูกโบว์ลิ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่กดดันว่า “โจ้” นั้นมีการจัดการกับความรู้สึกของตนเองอย่างไร…
“พยายามไม่คิด แต่มันก็ยาก หายใจลึกๆ ตั้งสมาธิ เล็งไปที่ไลน์ นึกถึงภาพกับจังหวะ ความรู้สึกตอนเราฝึกซ้อม เพราะอย่างที่บอกคือ ตอนเราฝึกซ้อมมันเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น และนำมาใช้ในสถานการณ์ตรงนั้นให้ได้มากที่สุด ซึ่งผมไม่สามารถบอกได้ว่าผมทำได้ทุกครั้ง แต่มันก็เป็นบางครั้งที่เราสามารถทำได้”
“โบว์ลิ่ง เป็นกีฬาที่เป็นจังหวะ เป็นช่วงๆ จะใช้คำว่าฟอร์มการเล่นนั้นมองเป็นวันต่อวันเลยก็ได้ วันไหนเราเคลื่อนไหวไม่ดี ไม่เป็นธรรมชาติ เราไม่สามารถจัดการตัวเองได้อย่างถูกต้อง สิ่งที่เราวางแผนมาก็อาจจะผิดไปหมดเลยก็ได้ ฉะนั้นการจัดการกับตัวเองทั้งสภาพร่างกาย และจิตใจถือว่าสำคัญมากๆ”
แน่นอนว่ากว่าที่ “โจ้” ญาณพล จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักโบว์ลิ่งระดับแถวหน้าของโลกในวันนี้ได้นั้นย่อมต้องผ่านทั้งแรงกดดัน แรงเสียดทาน และปัจจัยรอบข้างต่างๆ มากมาย ซึ่ง “กำลังใจ” จากครอบครัวเท่านั้น คือเหตุผลหลักที่ทำให้ยอดนักทอยแก่นรายนี้สามารถฝ่าฟันปัญหาต่างๆ มาได้จนถึงทุกวันนี้
“ผมไม่สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้เลยหากปราศจากการสนับสนุน และแรงผลักดันที่ดีจากครอบครัว ทั้งจากคุณพ่อเองที่ก็เป็นนักกีฬาโบว์ลิ่งอยู่แล้ว ท่านเปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมรู้จักกับโบว์ลิ่งจริงๆ”
“โบว์ลิ่ง เปรียบเสมือนของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณพ่อท่านมอบให้กับผม ท่านคอยอยู่เคียงข้างผมทั้งในวันที่ผมโยนดี และโยนแย่ ในวันที่ผมชนะผมก็มีคุณพ่อ-คุณแม่ ในวันที่ผมแพ้ ผมก็ยังมีท่านทั้งสองที่คอยเดินเคียงข้าง และให้กำลังใจอยู่เสมอ”
นอกเหนือจากความมุ่งมั่น และทุ่มเทของนักกีฬาโบว์ลิ่งที่เราได้เห็นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เรารู้สึกได้เห็น ได้สัมผัสด้วยหัวใจ จนกลายเป็นความประทับใจนั่นก็คือ เสื้อของ “โจ้” ญาณพล ที่มีคำว่า “นักกีฬาของพระราชา” สกรีนติดอยู่…
“แต่ละครั้งที่ผมลงแข่งไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ผมจะรู้สึกภูมิใจอยู่เสมอว่าเราคือตัวแทนของคนไทยทั้งชาติ พวกเราทุกคนล้วนแต่ทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และชื่นชมในพระปรีชาสามารถของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในด้านกีฬาดั่งเช่นคำว่า กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ ดังนั้นเราทุกคนล้วนแต่ภูมิใจที่ได้ลงเล่นในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยครับ เพราะนี่คือที่สุดของเกียรติยศในการได้รับใช้ชาติครับ”
และแล้วผลจากการทำงานหนักของเจ้าตัวก็มาเป็นผลอีกครั้ง หลัง “โจ้” ค่อยๆ เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองขึ้นมาในรายการ “เวิลด์ โบว์ลิ่ง ทัวร์ ไทยแลนด์ 2017” โบว์ลิ่งอาชีพ ระดับโลกศึกใหญ่แห่งปี ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 4.2 ล้านบาท ซึ่งนักกีฬามืออาชีพจากทั่วโลก อันดับ 1-10 ลงประชันแข่งขันชิงชัยกันอย่างคึกคัก
โดยในรอบรองชนะเลิศ “โจ้” ที่ลงเล่นในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ระเบิดฟอร์มฮอตด้วยการทำคะแนนมาเป็นอันดับ 1 จากนักกีฬาทั้งหมด 20 คน ทำได้ 1,392 คะแนน เข้าไปยืนรอในรอบชิงชนะเลิศ โดยมีมือทอยแก่นระดับท็อปอย่าง คริส บาร์เนส (สหรัฐอเมริกา), ฌอน รัช (สหรัฐอเมริกา), เจสเปอร์ สเวนสัน (สวีเดน) และทอมมี่ โจนส์ (สหรัฐอเมริกา) ยืนเป็นกระดูกชิ้นโตคอยขวางความสำเร็จของเจ้าตัวในรอบไฟน่อล
และแม้ว่าในรอบชิงชนะเลิศนั้นจะเต็มไปด้วยคู่แข่งระดับโลก แต่ทว่านั้นไม่ใช่ปัญหาของ “โจ้” แต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ “โจ้” ย้ำกับเรามาโดยตลอดว่าคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น “ตัวของเขาเอง” ทั้งสิ้น ทำให้เกมในไฟน่อลแมตช์นั้นถือเป็นการวัดกันที่สมาธิล้วนๆ
เกมในรอบชิงชนะเลิศ “โจ้” สู้กับ เจสเปอร์ สเวนสัน จากสวีเดน ได้อย่างสนุก และค่อนข้างสูสีก่อนที่ ญาณพล จะอาศัยความนิ่งเบียดเอาชนะไป 212-209 คะแนน คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างสุดยอด และยังเป็นครั้งแรกของคนไทยที่ได้แชมป์ในระดับนี้ พร้อมรับรางวัลชนะเลิศ 1 ล้านบาทไปครองอย่างยิ่งใหญ่
“ผมรู้สึกดีใจมากที่คว้าแชมป์รายการนี้ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกของคนไทย ซึ่งแชมป์รายการนี้ยิ่งกว่าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ เพราะมีนักกีฬาระดับโลกมาแข่งขัน และเป็นการแข่งขันระดับอาชีพของโลก”
แต่แชมป์รายการนี้หาได้มาดับไฟในการไล่ล่าความสำเร็จของเจ้าตัว เพราะแชมป์เวิลด์ โบว์ลิ่ง ทัวร์ คนล่าสุดรายนี้ย้ำกับเราว่าเป้าหมายต่อไปในเส้นทางโบว์ลิ่งก็คือ การประคับประคองน้องๆ ในทีมไปพร้อมๆ กับการผันตัวเองสู่การเป็นโค้ช เพื่อผลิตนักกีฬาโบว์ลิ่งรุ่นใหม่ๆ ป้อนเข้าสู่รั้วทีมชาติไทยในการลงสู้ในสนามสำคัญๆ ทั้งศึกซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ ชิงแชมป์เอเชีย รวมถึง เวิลด์ โบว์ลิ่ง ทัวร์ ในอนาคตนั่นเอง
“กับทีมชุดนี้เรามีการเก็บตัว และเตรียมทีมต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี สำหรับสามทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ไล่มาตั้งแต่ซีเกมส์ 2017 ที่มาเลเซีย รวมถึง เอเชียนอินดอร์-มาร์เชียลอาร์ตเกม 2017 ที่เติร์กเมนิสถาน ผมเชื่อว่าความต่อเนื่องจากการได้เจอกับความกดดันในการแข่งขัน บวกกับสภาพจิตใจ และสมาธิที่นิ่งขึ้น จะสามารถทำให้ทุกคนในทีมทำผลงานได้ดียิ่งๆ ขึ้น”
“ผมค่อนข้างพอใจกับฟอร์มการเล่นของตัวเองซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมา แต่ถ้าเป็นเอเชียน อินดอร์เกมส์ นั้นผมยังไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควร เหมือนกับจังหวะในการโยนการเล่นของเรายังไม่ต่อเนื่องครับ ยังดีที่รายการ เวิลด์ โบว์ลิ่ง ทัวร์ ผมเองสามารถเรียกจังหวะของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง”
ความสำเร็จนั้นไม่เกิดขึ้นได้ด้ว
“ขอขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจจากแฟนๆ ชาวไทยทุกท่านที่คอยส่งมาให้ผมอย่างล้นหลามจนกระทั่งสามารถคว้าแชมป์เวิลด์ โบว์ลิ่ง ทัวร์ ได้สำเร็จด้วยนะครับ ผมอยากจะบอกทุกๆ คนว่า ทุกๆ กำลังใจจากแฟนๆ กีฬาชาวไทยถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในชีวิตการเล่นโบว์ลิ่งของผมอย่างแท้จริง ถ้าไม่มีพวกคุณ ผมเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน ขอขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผมมาโดยตลอดทั้งในวันที่แพ้ และวันที่ชนะ”
“แต่แน่นอนครับ นอกเหนือจากตัวผมแล้ว ผมเองก็ยังอยากจะฝากแฟนๆ ทุกท่านว่าอย่าลืมที่จะส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยไม่ว่าจะประเภท หรือชนิดกีฬาไหนๆ หรือจะเป็นใครก็แล้วแต่ เพราะทุกๆ คนล้วนแต่เป็นตัวขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยทั้งหมด และนำความสำเร็จ นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย เพราะผมเข้าใจอารมณ์ของคนที่พ่ายแพ้ พวกเขาต้องการกำลังใจ บางคนถึงกับเลิกเล่นกีฬาไปเลย ซึ่งมันน่าเสียดายด้วยฝีมือ หรือความสามารถที่เขามี ผมเลยมองว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญครับ เราจะเชียร์ไทยไปด้วยกัน”
“กับเป้าหมายต่อจากนี้ไปของผมเอง ผมคงจะอยู่ช่วยซัพพอร์ทน้องๆ ในทีมไปก่อนครับ แต่คิดว่าตัวเองคงจะรับใช้ชาติในฐานะผู้เล่นไปจนถึงเอเชียนเกมส์ครั้งหน้าที่อินโดนีเซีย ซึ่งผมว่ามันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว เพราะผมเองก็อยากจะผันตัวเองไปเป็นโค้ช ผมมองว่ามันน่าจะโอเคถ้าผมเองสามารถสร้างนักโบว์ลิ่งในแบบ ญาณพล ขึ้นมาได้สักห้า-หกคน ผมเชื่อเลยว่าทีมชาติไทยเราจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าของเอเชียได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าผมยังไม่วางมือ ผมเองก็ต้องโฟกัสการฝึกซ้อมของตัวเองต่อ ต้องออกทัวร์ต่างประเทศ เวลาที่จะได้ดูแล ได้เทรนน้องๆ มันก็คงไม่เต็มที่ ก็ได้คุยกับสมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับว่าผมเองจะลงรับใช้ทีมชาติไทยใน เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งหน้าเป็นรายการสุดท้าย ก่อนจะผันตัวมาเป็นโค้ชต่อไป”
“ไม่ว่าผมจะวางมือจากการรับใช้ชาติไป แต่มั่นใจได้เลยครับว่าชีวิตผมไม่มีวันห่างหายไปจากโบว์ลิ่งอย่างแน่นอน เพราะโบว์ลิ่งให้ทุกอย่างกับชีวิตผม ผมเองก็อยากจะให้อะไรกลับคืนสังคม ให้อะไรกลับคืนสู่ทีมชาติไทยเช่นเดียวกับที่ตัวเองเคยได้รับมาครับ”
การผงาดคว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์ของ “โจ้” ในวันนี้ ถือเป็นเครื่องมือที่ตอกย้ำให้เราได้เข้าใจถึงวลีที่ว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ “ความสำเร็จ” เกิดขึ้นได้ด้วยการลงมือทำ ความมุ่งมั่น และความอดทน เราเชื่อว่านี่คงจะเป็นตัวอย่าง และแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยมให้กับทุกคนที่กำลังท้อ ทุกคนที่กำลังรู้สึกผิดหวัง ทุกคนที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ว่า คุณสามารถกลับมาอย่างผู้ชนะได้ เพียงแค่คุณกล้าที่จะ “ลุกขึ้นสู้” อีกครั้ง
และนี่คืออดีต ปัจจุบัน อนาคตของ…
“โจ้” ญาณพล ลาภอาภารัตน์
ชมสด!! กีฬาชั้นนำระดับโลก พร้อมติดตามข่าวสารได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ sport.trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line@TrueID