รีเซต
เฉลียว มั่นทอง : แฟนหงส์ชาวเพชรบูรณ์ผู้เนรมิตนาข้าวเป็นรูปหน้า "เยอร์เกน คล็อปป์"

เฉลียว มั่นทอง : แฟนหงส์ชาวเพชรบูรณ์ผู้เนรมิตนาข้าวเป็นรูปหน้า "เยอร์เกน คล็อปป์"

เฉลียว มั่นทอง : แฟนหงส์ชาวเพชรบูรณ์ผู้เนรมิตนาข้าวเป็นรูปหน้า "เยอร์เกน คล็อปป์"
เมนสแตนด์
3 สิงหาคม 2563 ( 10:00 )
280
1

เฉลียว มั่นทอง คือ นักธุรกิจหนุ่มวัย 47 ปี ผู้แปลงโฉมนาข้าวของตนในไร่ NBB Farm เป็นโลโก้สัญลักษณ์ ลิเวอร์พูล, ถ้วยพรีเมียร์ลีก และล่าสุดกับรูปใบหน้า เยอร์เกน คล็อปป์ เฮดโค้ชผู้พา หงส์แดง ผงาดซิวแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี


 

จะว่าไป ชีวิตของ เฉลียว มั่นคง ก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนไม่ต่างอะไรจากกับ ลิเวอร์พูล ตลอดช่วง 3 ทศวรรษที่ห่างไกลจากตำแหน่งแชมป์ลีกของประเทศ 

ช่วงที่ หงส์แดง ยังตามความสำเร็จแชมป์ลีกมานานถึง 30 ปี ก็เป็นห้วงเวลาใกล้ ๆ กันกับที่ เฉลียว ผู้จบการศึกษาแค่ ป.6 ต้องออกจากบ้านเกิด จ.เพชรบูรณ์ เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เริ่มจากค่าแรงแค่สัปดาห์ละ 100 บาท ฝ่าฟันจนมาถึง วันที่ได้เป็นเจ้าของกิจการออกแบบ วางระบบไฟฟ้า และไร่เกษตรอินทรีย์

ในวันนี้ที่ สโมสรลิเวอร์พูล สิ้นสุดการรอคอยที่แสนยาวนาน ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 สาวกเดอะค็อปคนหนึ่งวัย 47 ปี จากจังหวัดเพชรบูรณ์อย่าง เฉลียว มั่นทอง ก็มีความรู้สึกในใจที่อยากสื่อสารไปถึงสโมสรผ่านผืนนาข้าว อันเป็นแหล่งทำกินและรากเหง้าของครอบครัว

 

แฟนบอลไร้เสื้อ 

"ผมเริ่มติดตาม ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ ป.6 จำได้ลาง ๆ ว่าเป็นยุคของ เอียน รัช สมัยนั้นยังไม่ได้ดูถ่ายทอดสด ส่วนมากเป็นไฮไลท์, เทปการแข่งขัน คุณ ย.โย่ง เป็นคนพากย์" 

"ตอนแรกก็ชอบนักเตะก่อน แต่หลังจากนั้นก็เริ่มชอบสโมสร เพราะ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่สไตล์การเล่นเป็นเอกลักษณ์ ก็เลยตามเชียร์ตั้งแต่นั้นมา"

เฉลียว มั่นทอง เติบโตมาในครอบครัวเกษตรกร ที่มีฐานะความเป็นอยู่ยากจน บ้านของเขาไม่มีจอตู้สี่เหลี่ยมที่เรียกว่า ทีวี เป็นของตัวเอง นั่นอาจทำให้เขาจำได้ดี ถึงช่วงเวลาวัยเด็ก ที่ต้องบากหน้า ไปตามบ้านหลังอื่น ที่มีโทรทัศน์ เพื่อเปิดชม "ลิเวอร์พูล" 

โดยมีเงื่อนไขคือ ต้องทำความสะอาดบ้าน, ปัดกวาดเช็ดถู, ตักน้ำใส่ตุ่ม ทำทุกอย่างที่เจ้าบ้านใช้ เพื่อแลกกับการได้ดูทีมโปรดผ่านหน้าจอทีวี 

แม้จะเป็นความสุขเล็ก ๆ ในเวลาอันน้อยนิด แต่มวลความรู้สึกเหล่านั้น ก็ยังเบ่งบานในใจของเด็กชายเฉลียว ทุกครั้งได้ชม จนกลายเป็นความผูกพันระหว่างเขากับลิเวอร์พูล 

"อย่าว่าแต่ฝันเลยว่า วันหนึ่งจะได้ดู ลิเวอร์พูล ที่สนาม แค่คิดผมยังไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ มันไกลตัวเกินไป" 

"ผมเพิ่งมีเสื้อลิเวอร์พูลใส่ครั้งแรก เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เด็กจนวัยรุ่น ไม่เคยมีเสื้อทีมใส่เลย ตัวแรกที่ผมได้มา ก็ไม่ได้ไปซื้อเอง ฝากเขาซื้อจากสนามแอนฟิลด์ จำได้ว่าความรู้สึกแรกที่ได้เสื้อสโมสรมาครอบครองมันเหมือนฝันเลย ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผมเริ่มมีเงิน ตั้งแต่นั้น ก็ซื้อเสื้อสโมสรทุกแบบ" 

"เพราะเมื่อก่อน ครอบครัวผมยากจน ผมจบการศึกษาแค่ ป.6 พ่อแม่ให้มาเพียงแค่สองมือ สองเท้า ก็ต้องดิ้นรนหาทุกอย่างมาด้วยตัวเอง ตอนอายุ 14 ปี ผมตัดสินใจหอบกระเป๋าออกจากบ้าน มาหางานทำในกรุงเทพฯ ตั้งเป้าหมายกับตัวเอง จะไม่หันหลังกลับไป จนกว่าจะได้ดี"


เฉลียว วัยเพียง 14 ปี ที่มีแค่วุฒิการศึกษาระดับประถมศึกษา ย่ำเท้าสมัครงานแลกค่าแรงอันน้อยนิด เริ่มจากเด็กปั้ม ที่ได้วันละ 45 บาท, ช่างสีในอู่พ่นสี ได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 100 บาท 

ก่อนใช้ความขยัน มุมานะ หมั่นเรียนรู้เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงาน เฉลียว จึงขยับตัวเองมาทำสายงาน ช่างไฟฟ้า ไต่เต้ามาเรื่อย ๆ จนถึงตำแหน่ง Foreman ที่คอยคุมการติดตั้งระบบไฟฟ้า ตามโรงงงานผลิตพลังงานไฟฟ้า และเลื่อนขั้นมาเป็น Supervisor ที่นำพาเขาไปสู่โอกาส ในการทำงานตามต่างประเทศ 

ก่อนสั่งสมประสบการณ์ จนสามารถเปิดกิจการงานติดตั้งระบบ เมื่อปี 2543 ในชื่อ หจก.พร้อมใจ และถัดมาอีก 3 ปี เฉลียว ก็ลงทุนเปิดบริษัทชื่อ บ.ซีแอลเอ็ม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 

ทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่หามาได้จากการทำงาน เฉลียว มั่นทอง นำเอามาซื้อที่ดินและทำฟาร์มเกษตรด้วย ซึ่งต่อมาก็คือ ไร่ NBB Farm หรือ ไร่ลิเวอร์พูล ที่มีการแชร์บนโชเซียลมีเดีย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบ่อไทย อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

 

เกมชีวิตจริง 

"คนอื่นเขาอาจเห็นว่าเส้นทางชีวิตเรามันดูราบรื่น มีแต่ขาขึ้น แต่ความจริงตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท จนถึงปัจจุบัน เราก็ยังเจอปัญหาอุปสรรคอยู่ตลอด" 

"ช่วงแรกที่เปิดบริษัท เรารับงานไม่เลือกเลย บางครั้งเขาจ้างเราต่ออีกทอด พอไม่มีเงินทำต่อ ก็เดือดร้อนถึงเรา เป็นประสบการณ์ให้เราต้องเริ่มเลือกรับงานมากขึ้น ดูว่าบริษัทที่จ้าง มีต่างชาติถือหุ้นไหม มีโรงงานเป็นตัวเป็นตนหรือเปล่า บางครั้งเราเสนองานไป โดนปฏิเสธงาน โดนยกเลิกก็มี"

"ฉะนั้นมันไม่มีหรอกสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจ เหมือนการทำเกษตร มันไม่มีวันจบ มีปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวข้องมากมาย แต่ผมเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน และทำงานหนัก"


เกมชีวิตของ เฉลียว มั่นคง คงไม่ต่างอะไรกับเกมฟุตบอล ที่ไม่มีใครรู้ว่า 90 นาทีจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? ต้องพบเจอกับอุปสรรคใด ที่บุกเข้าใส่เขาบ้าง 

แต่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เกิดปัญหา เฉลียว มั่นทอง บอกกับตัวเองว่า เขายืนยันที่จะปักหลักสู้ เผชิญหน้ากับมัน มากกว่าให้ถอยหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่

"ผมโดนคนดูถูกมาเยอะ เพราะเมื่อก่อนผมไม่มีอะไรเลย คนแถวบ้านบางคนเขาก็พูดว่า คนอย่างผมไม่มีวันรวยหรอก วัน ๆ ไม่เห็นผมทำอะไรเลย คำดูถูกพวกนั้น เป็นแรงผลักดันมหาศาลให้ผมออกจากบ้านตั้งแต่เด็กอายุ 14-15 ปี"

"ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมมีความพยายาม งานอะไรเข้ามา ผมทำหมด เพราะผมถือว่ามันเป็นประสบการณ์ และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสได้ทำงานใหญ่ขึ้น ผมจะไม่ปฏิเสธมัน แม้เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำ แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เปิดใจเรียนรู้ มากกว่าทิ้งโอกาสนั้นไป" 

แม้เขาจะมีทรัพย์สินเงินทอง จากการทำธุรกิจ และมีเงินเลี้ยงดูครอบครัวให้มี ฐานะความเป็นอยู่ที่ขึ้น แต่ เฉลียว มั่นทอง ก็ยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างในชีวิตที่ยังไม่เคยได้ทำ นั่นคือ การพาตัวเองไปดู ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ สักครั้งในชีวิต 

เพราะด้วยภาระงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ ไหนจะต้องดูแลลูกน้อง ทีมงานอีก 40 กว่าชีวิต ความฝันที่วนเวียนอยู่ในหัวเป็น 10 ปี จึงยังไม่เคยเป็นจริงเสียที กระทั่งวันหนึ่ง ... 



"ลูกสาว เป็นคนที่ผลักดันให้ผมไปดูฟุตบอลที่อังกฤษ" เฉลียว หยุดพูดไปพักสักพัก ก่อนที่น้ำในตาจะเริ่มปริ่ม ๆ ออกมา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

"ลูกสาวผมเป็นคนจัดการทุกอย่างตั้งแต่วีซา พาสปอร์ต ซื้อทัวร์ ติดต่อทุกอย่าง ลูกบอกกับผมว่า 'พ่อทำงานหนักมาตลอด แทบไม่ได้พัก หนูอยากให้พ่อได้ไปตามหาความสุขของพ่อ เพราะพ่อหาเงินมามากพอแล้ว'"

"ผมก็เลยได้ไป ดู ลิเวอร์พูล ครั้งแรกเมื่อปี 2561 เพราะลูกสาว ถ้าไม่มีลูกคอยผลักดัน สนับสนุน ผมคิดว่าตอนนี้ ผมคงยังไม่ได้ไปเชียร์ทีมรักถึงแอนฟิลด์ ในเกมแดงเดือด เพราะผมห่วงงาน มีความกังวลต่อหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ"  

 

อย่ายอมแพ้ 

ไทม์ไลน์ชีวิตของ เฉลียว มั่นทอง กับ ลิเวอร์พูล ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อาจไม่ได้หนีกันสักเท่าไหร่ เพราะสโมสรแห่งนี้ ห่างไกลจากแชมป์ลีกสูงสุดมานานเหลือเกิน 

แถมบางปี ยังมีผลงานที่ตกต่ำ จนเป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์ศรัทธาของคนที่เรียกตัวเองว่า แฟนคลับ ขณะที่ เฉลียว ก็ต้องต่อสู้ชีวิต ลบคำสบประมาทดูถูกของผู้คนที่เย้ยหยันเขา และนำพาธุรกิจให้ไปถึงจุดที่สำเร็จ 

"วันไหนที่ลิเวอร์พูลแพ้ ผมไม่เคยอายนะ ก็ใส่เสื้อสโมสรอยู่ตลอด เพราะผมรักและศรัทธาในทีมนี้ ผมเชื่อเสมอว่าต้องมีสักวันที่เป็นของเรา แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ บางครั้งการดูบอล เชียร์ทีมที่เรารักก็เอามาสอนชีวิตได้เหมือนกัน"

"ลูก ๆ ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูลเหมือนกัน ตอนที่เขาเป็นเด็ก ก็เห็นทีมอื่นประสบความสำเร็จตลอด ทีมเราไม่ได้มีผลงานแบบเขา ผมก็สอนลูกว่า ต้องดูฟุตบอลให้เป็น ไม่ใช่แต่จะหวังชนะอย่างเดียว ต้องรู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้ ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้ มีวันที่ดีและแย่"


"แต่ตราบใดที่ยังไม่หมดเวลา จงอย่ายอมแพ้ ผมยกตัวอย่างตอนที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่อิสตันบูล ครึ่งแรกโดนนำ 3-0 เหลือเวลาแค่ 45 นาที ใครก็คิดว่า ลิเวอร์พูล คงแพ้ เอซี มิลาน แต่สุดท้ายเป็นไง ? ทีมกลับมาเป็นแชมป์ได้ หรือเกมที่ชนะ บาร์เซโลนา 4-0 เมื่อปีที่แล้ว ไม่มีใครคิดว่าเราจะเข้ารอบได้ เพราะเหลือเวลาแค่ 90 นาที ในเลกสอง แต่สโมสรก็ทำได้" 

"ชีวิตคนเรา บางครั้งเจอปัญหา ทำท่าจะไม่ไหว ค่อย ๆ คิด หาหนทาง อย่างลูกค้าบางคน หาเงินมาจ่ายไม่ทัน เราคิดว่า คงต้องสูญเงินก้อนนั้นแน่ ๆ ผมก็ใช้วิธีการพูดกับเขาดี ๆ ให้เขาทยอยผ่อนจ่าย สุดท้ายเขาก็หาเงินมาใช้เราได้ครบ แม้อาจจะนาน 2-3 ปี แต่นี่ไง ถ้าเราไม่ถอดใจไปก่อน มองหาวิธีการ โอกาสมันมีเสมอ" 

 

แทนคำขอบคุณ 

ด้วยความรัก ความชอบในสโมสร ลิเวอร์พูล ทำให้ เฉลียว มั่นทอง เกิดไอเดียที่จะสร้างลวดลายลงบนนาข้าวของตัวเอง เป็นโลโก้ หงส์แดง เมื่อ 2 ปีก่อน โดยไม่ได้คิดว่าจะเป็นกระแส ถึงขนาดที่ ESPN สื่อกีฬาต่างประเทศ นำไปเสนอข่าว จนเป็นที่ฮือฮา

"ผมไม่ได้คิดว่าจะทำให้เป็นกระแส ตั้งใจจะทำเก็บไว้ดูเอง เพราะเราชอบ มันเป็นเรื่องบังเอิญ เริ่มจากผมมีนัดไปส่งผักที่ แมคโคร ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับลูกค้า จนแลกไลน์กัน ปรากฏว่าเขาเห็นภาพไร่นาในไลน์ จึงรู้ว่าเราเชียร์ลิเวอร์พูล ก็ดึงเข้ากลุ่ม ลิเวอร์พูล ไทยแลนด์ จากนั้นเขาขอรูปเอาไปแชร์ต่อ ปรากฏว่าหลังจากนั้น ก็มีสื่อติดต่อมาสัมภาษณ์ เอาไปนำเสนอข่าว"

"ส่วนเวอร์ชั่น 2 เป็นนาข้าวถ้วยแชมป์ ผมก็ทำเอง เขียนแบบเอง ทำเอาง่าย ๆ เพราะอยากฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกของสโมสร ที่รอคอยมานาน 30 ปี เราก็ใช้ข้าวสองสายพันธุ์ ใบที่เข้ม ๆ คือ ข้าวเหนียวใบดำ แถวบ้านผมเรียก ข้าวเหนียวกล่ำ ส่วนอีกสายพันธุ์คือ ข้าวเหนียวทั่วไปนี่แหละครับ จะเป็นใบสีเขียว มาทำ" 

เฉลียว พร้อมด้วยทีมงานลูกน้อง ลงมือกันเองในทุกขั้นตอน ทั้ง นาข้าวเวอร์ชั่นแรก โลโก้หงส์แดง และเวอร์ชั่นสอง ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก 

แต่ความยากนั้นเทียบไม่ได้เลยกับ เวอร์ชั่นสาม ที่เขาต้องการทำเป็นรูปใบหน้า เยอร์เกน คล็อปป์ เฮดโค้ชคนเก่งของ ลิเวอร์พูล 

"พอรู้ว่าสโมสรกำลังจะได้เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ผมก็เริ่มวางแผนว่าจะทำรูปอะไร ? ใจจริงก็อยากทำทั้งทีม เพราะทุกคนควรได้รับเครดิตหมด แต่มันก็เกินความสามารถของเรา ผมจึงเลือกทำเป็นรูปบอส (เยอร์เกน คล็อปป์) เพื่อขอบคุณที่เขานำความสำเร็จมามอบให้แฟนคลับทั่วโลก"

"ต้องขอบคุณ ลุงจำเริญ สวัสดิ์วงศ์ไชย ที่มาช่วยเขียนแบบ และทำให้เวอร์ชั่นสาม มีความสมบูรณ์แบบกว่า สองเวอร์ชั่นแรก ด้วยความที่รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทำให้เราต้องพิถีพิถัน ตั้งแต่ตีตาราง ปักหลัก 4 ด้าน เอาเชือกขึง วางจุด A B C เอาไม้ขีดร่างว่า จากจุด A ไป B ต้องโค้งเท่าไหร่ กี่องศา ในแต่ละช่อง มีอะไรบ้าง จากนั้นก็โรยปูนขาวไว้ เอาโดรนบินขึ้นไปดูว่า รูปร่างเป็นอย่างไร"

"ขั้นตอนต่อมาเอาข้าวโรย ต้องใช้คนที่โรยข้าวเป็นด้วย ไม่งั้นจะกระจุกหนาเกินไป ต้องระบุให้ได้ด้วยว่าจุดไหนสีเขียว จุดไหนสีดำ พอหว่านเสร็จ ต้องระวังนกอีก 15 วัน คอยหาวิธีไล่นก เพื่อให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ให้ได้" 

"ตอนนี้ใกล้สมบูรณ์มาก ๆ แล้ว ต้นเดือนสิงหาฯ น่าจะเสร็จสมบูรณ์ สำหรับคนที่อยากจะเดินทางมาดู นาข้าวรูปเยอร์เกน คล็อปป์ ก็สามารถมาดูของจริงที่ไร่ NBB Farm ได้ จนถึงช่วงปลายเดือน กันยายน เราพร้อมให้บริหาร มีที่พัก อาหาร ให้บริการด้วยครับ"


เมื่อนาข้าวรูปหน้า เยอร์เกน คล็อปป์ เสร็จสมบูรณ์ ทาง เฉลียว มั่นทอง มีแผนที่จะส่งรูปภาพ พร้อมข้อความไปถึงสโมสรลิเวอร์พูล เพื่อแสดงความขอบคุณ ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ที่รักสโมสร และใช้นาข้าวเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรัก ความศรัทธาที่เขามีต่อ ลิเวอร์พูล

ก่อนแยกย้ายหลังสนทนา เราถามเขาว่า สิ่งที่คาดหวังหลังส่งภาพนี้ไปยังสโมสร คือ อะไร ? และนี่คือคำตอบของ เดอะ ค็อป ที่ชื่อ เฉลียว มั่นทอง 

"ใจจริง ก็ไม่ได้หวังอะไรเลยนะครับ แค่อยากเป็นส่วนหนึ่งของแฟนบอลทั่วโลกที่ แสดงความขอบคุณไปยังสโมสร เราก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลือกทำในสิ่งที่เราพอจะทำได้ และถ้ามีโอกาสสักวันหนึ่ง ผมจะเอารูปถ่าย นาข้าว 3 เวอร์ชั่นไปให้ เยอร์เกน คล็อปป์ เซ็นกับมือให้ได้" 

 

ภาพประกอบบทความ .. RAI NBB FARM

ยอดนิยมในตอนนี้