ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้านต้องรับนายใหม่ ไบร์ทตัน โรแบร์โต้ เด เซอร์บี ซึ่งมาพร้อมกับคำถามที่หลายคนบอกว่า “ใครกันครับเนี่ย ??” แม้ว่าเกมจะยังไม่เริ่มต้นแต่ก็โดนมองว่าเกมที่จะเจอกับหงส์แดงนั้นเป็นเรื่องที่ท้าท้ายพอสมควรสำหรับเจ้าตัว เพราะอย่าลืมว่าหากกุนซือมือใหม่แห่งพรีเมียร์ลีกรายนี้ เกิดเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ตั้งแต่เกมแรก นั่นไม่ใช่แค่ส่งผลดีกับทีม แต่จะส่งผลเสียในทางกลับกันให้กับหงส์แดงด้วยเช่นเดียวกัน ว่าแล้วก็ไปส่องผลงานและเทคติดของชายคนนี้กันสักหน่อยว่ามีดีพอจะเก็บชัยเกมนี้ได้หรือไม่ไบรท์ตันจะเริ่มต้นยุคใหม่หลังจากพักเบรกทีมชาติภายใต้ผู้จัดการทีมหน้าใหม่ โรแบร์โต เด เซอร์บี ที่มารับช่วงต่อจาก เกรแฮม พอตเตอร์ แน่นอนว่าการเริ่มต้นฤดูกาลนี้อย่างน่าประทับใจของนกนางนวล ซึ่งรวมถึงชัยชนะจากทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม, ลีดส์ และเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องเสียผู้จัดการทีมรายนี้ไป แต่นั่นก็เป็นการเริ่มยุคใหม่ที่จะเป็นบทพิสูจน์กับเกมนี้ได้เหมือนกัน แม้ว่าประสบการณ์ของเจ้าตัวนั่นจะคุมทีมลีครองซะส่วนใหญ่ แต่ด้วยปรัชญาและรูปแบบการเล่นที่ชัดเจน ทำให้ผลงานของเหล่าทีมรองที่ไปคุมนั้น ก็ทำผลงานได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็น ซาสซูโอโล่ และ เบเนเวนโต้ ของลีรองอิตาลีแท็คติกและสไตล์การเล่นของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี เด แซร์บี เป็นผู้จัดการทีมที่เน้นเรื่องความแน่นอนและใช้จังหวะสวนกลับเป็นอาวุธในการเข้าประหักประหารคู่แข่ง รูปแบบการเล่น 4-2-3-1 จึงเป็นแผนการเล่นที่เจ้าตัวมักจะใช้งานเป็นประจำ ในช่วงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 บรรดาผู้จัดการทีมอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และ ราฟาเอล เบนิเตซ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้บุกเบิกระบบ 4-2-3-1 จนกลายเป็นต้นแบบของหลายทีมที่มักนำไปใช้ในระดับยุโรปและระดับนานาชาติ โดยเฉพาะกับทีมที่ไม่ได้มีนักเตะที่มีศักยภาพสูง นั่นหมายความว่ารูปแบบการเล่นแบบนี้จะกลับมาอีกครั้งกับขุนพลนกนางนวลชุดนี้ การบุกที่เน้นจังหวะสวนกลับ ตัดบอลตั้งแต่แดนกลาง ใช้วิงแบ็คสองตัวในการเติมเกมรุก เน้นครองบอลเหนียวเข้าว่า ล่อให้คู่ต้อสู้บีบเข้ามารับบอล แดนกลังดันสูง ชอบสร้างเกมจากแดนหลัง โดยใช้การจ่ายบอลสั้นระหว่างกองหลังสี่คนกับมิดฟิลด์ตัวกลางสองคนเพื่อดึงฝ่ายตรงข้ามเข้ามา ทำให้เกิดพื้นที่โจมตีในแดนหลัง แล้วอาศัยการวางบอลยาว ออกซ้าย ขวา หรือวางบอลลึก ในการโจมตีคู่แข่งนี่คือสิ่งที่ผู้จัดการทีมรายนี้ได้ทำให้ ซาสซูโอโล่ เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดมาแล้วคาดารณ์แผนที่จะใช้กับลิเวอร์พูลของ เด แซร์บี อย่างที่บอกไปว่า 4-2-3-1 คือแผนโปรดของชายคนนี้ ฉะนั้นจะไม่แปลกใจที่จะเห็นผู้จัดการทีมคนนี้ใช้แผนนี้กับ ลิเวอร์พูล ที่กำลังมีปัญหาในเรื่องนักเตะแดนกลางที่ยังไม่ลงตัว นั่นหมายความว่าแดนหลังวิงแบ็คจะต้องมีนักเตะความเร็วจี๊ดจ๊าด ซึ่งก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ทาริก แลมป์ทีย์ แดนกลางที่เน้นเรื่องการออกบอลที่แม่นยำ แมค อลิสเตอร์ , ไคล์เซโด และ ซอรรี่ส์ มาร์ช สองแนวรุกรินเส้นที่มีทั้งความเร็วและไปกับบอลได้ดี ทั้ง เอิร์นเนสโต ทอร์เรกรอสซา และ เลอันโดร ทรอสซาร์ด และทิ้งหน้าเป้าตังจบสกอร์ แดนนี่ เวลเบ็ค นี่น่าจะเป็นแผนที่ใช้ปราบหงส์แดงในเกมที่จะเจอกันในคืนวันเสาร์นี้ อย่างที่รู้กันว่าปัญหาของลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ดูจะหนักหนาเอาการ แต่หลายคนก็ยังเชื่อมั่นว่า เจอร์เกน คล๊อปป์ จะสามารถงัดฟอร์มเก่งของเหล่าลูกทีมกลับมาให้ได้หลังจากที่ได้โชว์ฟอร์มอันเร่าร้อนกับช่วงทีมชาติ นั่นจะยิ่งสร้างความมั่นใจของเหล่าขุนพลหงส์แดงให้กัลป์มาเก็บชัยให้ได้ในเกมนี้ แต่ก็นั่นแหละ บอลเปลี่ยนโค้ชของ ไบร์ทตัน อาจะทำให้ผู้จัดหารทีมที่ไม่มีใครรู้จัก โรแบร์โต้ เด เซอร์บี แจ้งเกิดตั้งแต่เกมแรกก็เป็นได้ข่าวที่เกี่ยวข้องลิเวอร์พูล vs อาแจ็กซ์ วิเคราะห์บอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก จัดอันดับ 5 นักเตะ ลิเวอร์พูล ฟอร์มห่วยเกม แดงเดือด นัดแรกในพรีเมียร์ลีก 2022/23วิเคราะห์ปัญหา ลิเวอร์พูล เหตุใดถึงผลงานแย่ พร้อมหนทางแก้ไขกลับคืนสู่ความสำเร็จลิเวอร์พูล ความแข็งแกร่งที่เริ่มจะเลือนหาย การทดแทนที่มิอาจเทียบ?เครดิตภาพปก twitter.com/OfficialBHAFC :: ภาพปกเครดิตภาพประกอบ twitter.com/OfficialBHAFC :: ภาพที่1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ผู้เขียน ::ภาพที่ 4 , twitter.com/LFC :: ภาพที่ 5Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์