กีฬามวยปล้ำเป็นกีฬาที่มีคนดูมากพอสมสมควรและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีการถ่ายทอดสด ทั้งเปิดให้เข้าชมความจุสนามเต็มทุกรอบ อย่างรายการ WWE (World Wrestling Entertainment) จะเป็นที่นิยมกันมากรวมถึงในบ้านเราด้วย ที่มีช่องเคเบิลทีวีนำมาฉายในสมัยก่อน หลายท่านคงจะคุ้นเคยกันดีโดยมีเสียงพากย์ไทยจาก "น้าติง" เป็นเอกลักษณ์ แม้ปัจจุบันช่องทางการรับชมจะหลากหลยมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องชมผ่านโทรทัศน์เสมอไป แม้ว่าคนพากย์อย่างน้าติงจะอำลาวงการไปแล้ว แต่กระแสมวยปล้ำ WWE ยังคงอยู่ ยังได้รับความนิยมหรือถูกพูดถึงเรื่อยมาอยู่ดี พร้อม ๆ กับเหล่านักมวยปล้ำเลือดใหม่ที่มาแทนรุ่นเก่าที่ปลดระวางไปด้วย ที่มารูปภาพ: wwe.com อย่างไรก็ตาม WWE ถือว่าเป็นกีฬาที่มีความบันเทิงผสมอยู่ด้วยครับ มันต่างกันแน่นอนกับกีฬาชนิดอื่น ๆ อย่าง MMA ที่เน้นต่อยจริงเจ็บจริง ขณะที่ WWE นั้นถึงจะมีการเตะต่อยกัน ถึงอย่างนั้นส่วนมากพวกเขาจะอาศัยมุมกล้อง เป็นการแสดงเสียมากกว่า ใช่แล้วครับ! มันคือการแสดง เชื่อว่าหลายคนที่อายุยังน้อยคงจะคิดว่ามันเป็นของจริง (รวมถึงผู้เขียนด้วย) แต่ถ้าหากลองสังเกตให้ดีจะพบว่าทุกอย่างถูก Setup มาเพื่อให้ความบันเทิง ถึงจะรู้แล้วว่ามวยปล้ำแบบนี้คือการแสดงและความบันเทิง แต่ทำไมกันล่ะ? มันถึงได้นิยมกันอยู่ บางแมทช์การแข่งขันถึงจะรู้ว่าแสดงแต่ก็รู้สึกได้ถึงความมันส์น่าเอาใจช่วย ราวกับว่ามันคือของจริงเสียอย่างงั้น ความสนุกของมันอยู่ตรงไหนกันแน่ ที่มารูปภาพ: wwe.com เหตุมันก็เพราะว่า WWE เป็นการเอ็นเตอร์เทนคนดู ด้วยนักมวยปล้ำที่มีทักษะการปล้ำและการแสดงควบคู่กันไปด้วยครับ อาจจะกล่าวได้ว่าเหล่านักมวยปล้ำที่โลดแล่นบนผืนผ้าใบ เป็นได้ทั้ง Athlete และ Performer ไปในตัว ทำให้สมจริงและเตี๊ยมกันอย่างดีอย่างเช่นการ Close Line กวาดท่อนแขนใส่คู่ต่อสู้ อาจจะมีการล้มลงก่อนหรือให้แขนโดนหน้าอก จะเจ็บน้อยกว่าโดนคอหรือใบหน้า ส่วนท่าที่ใช้ทุ่มหรือโยนตัวเองลงจากเชือกก็ต้องมีการตกลงซักซ้อมกันมาก่อน ถ้าหากดูมวยปล้ำบ่อยก็สังเกตได้ว่าลีลาการจะยกทุ่มหรือจะปีนขึ้นเชือกทีละเส้นนั้น ลีลาเยอะเหลือเกิน นั่นก็เพราะว่าถ่วงเวลาให้ฝ่ายตรงข้ามที่ล้มนอนอยู่เตรียมตัวตั้งรับให้ดี ที่มารูปภาพ: wwe.com อย่างไรก็ตามการกระโดดทุ่มแบบนี้มีโอกาสเจ็บจริงสูงต่อให้ซ้อมกันมาก่อนครับ อย่างเช่นท่า Five Star Frog Splash ของ Rob Van Dam กับการกระโดดทุ่ม โดยเอาหน้าท้องกระแทกคู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านล่าง จากความสูงของเชือกเส้นที่ 3 ก็จะเป็นอะไรที่เจ็บมาก ๆ ทั้งสองฝ่าย ที่มารูปภาพ: WWE นอกจากนี้การได้เห็นนักมวยปล้ำเล่นท่าผาดโผนหรือเสี่ยงตาย มันก็ยิ่งทำให้ความสนุกของ WWE เพิ่มมากขึ้น จะเป็นในการแข่งแมทช์ที่ใช้อุปกรณ์กับสถานที่เป็นกรงขัง ก็ช่วยเพิ่มความน่าตื่นเต้นมากขึ้นอีก เช่นสู้กันในกรงเหล็ก การใช้ท่าไม้ตายของนักมวยปล้ำ The Undertaker กับท่า Tombstone Piledriver ที่สุ่มเสี่ยงทำให้คอหักได้ง่าย ๆ แค่นั้นยังไม่พอครับมวยปล้ำแบบนี้ต้องมีสตอรี่ มีเนื้อเรื่องให้คนดูติดตามด้วย มันจะทำให้คนดูรู้สึกอินเอาใจช่วยนักมวยปล้ำคนโปรด มีการแบ่งฝ่ายธรรมะกับอธรรม การเปลี่ยนขั้วตำแหน่ง การรีเทิร์นกลับมาของนักมวยปล้ำที่ลาวงการไปเช่น The Rock ในปี 2011 ที่สร้างความฮือฮากันมาก การเขียนบทเนื้อเรื่องให้นักมวยปล้ำคู่อริเขม่นกัน เพื่อนำไปสู่ศึกใหญ่ Wrestle Mania ก็ทำให้คนดูลุ้นตาม แม้ทั้งรู้ว่ามันเป็นสคริปต์ ที่มารูปภาพ: wwe.com สิ่งเหล่านี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้เลย ถ้าหากขาดความเป็นนักแสดงของนักมวยปล้ำ การปล้ำที่สมจริงสมจังกล้าเสี่ยงเพื่อเอาใจคนดู ทำให้โชว์สนุก บวกกับเนื้อเรื่องที่บิ้วท์อัพกันมาตลอด จึงทำให้ WWE ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดูสนุก เอามันส์และบันเทิง แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นการแสดงและไม่ได้ต่อยตีกันจนเลือดตกยางออกเหมือน MMA สุดท้ายนี้ถึงจะบอกว่ามันคือการแสดง บางครั้งก็มีการผิดคิวหรือหลุดกันบ้างครับ จะเห็นหลายครั้งที่นักมวยปล้ำผิดคิวจนออกอาการ "เจ็บจริง" บางครั้งหากไม่ได้ซักซ้อมกับคู่ต่อสู้ที่ดีพอก็ทำให้เลือดออกได้เหมือนกัน รวมถึงบางสถานการณ์ก็ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นแล้วใครที่บอกว่านักมวยปล้ำ WWE เป็นแค่โชว์ปาหี่ คงต้องคิดใหม่อีกรอบนะครับ แต่มันคือการเอ็นเตอร์เทนคนดูด้วยร่างกายและศาสตร์การแสดงอย่างแท้จริง ที่มารูปภาพปก: wwe.com