ฟุตบอลชาย ซีเกมส์ 2025 ได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศอย่างเป็นทางการ โดยมีคู่หยุดโลกประจำทัวร์นาเมนต์คือการพบกันระหว่างทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ที่จะเปิดบ้านดวลเดือดกับ "เสือเหลือง" มาเลเซีย ที่สนามคู่บุญของวงการฟุตบอลไทยอย่าง ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 20.00 น. แฟนบอลสามารถติดตามชมเกมนี้แบบสด ๆ ได้ทาง PPTV HD36 และแอปพลิเคชัน TrueVisions Now ช่อง NOW SEA GAMES SPECIAL1 และช่อง True Premier Football 2 (602) ความพร้อมและผลงาน "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ขุนพลทีมชาติไทยชุดนี้เดินหน้าเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายด้วยฟอร์มอันแข็งแกร่งและคงเส้นคงวา โดยเก็บชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่มมาได้แบบ 100% เต็ม ส่งผลให้ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในฐานะ แชมป์กลุ่มเอ ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม ซีเกมส์ 2025 11 ธันวาคม 2568 เวลา 19:00 น.: ทีมชาติไทย เอาชนะ สิงคโปร์ 3-0 3 ธันวาคม 2568 เวลา 19:00 น.: ทีมชาติไทย เอาชนะ ติมอร์-เลสเต 6-1 สำหรับความพร้อมในเกมสำคัญนี้ "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนให้ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ทำให้เกมนี้เขาเตรียมจัดผู้เล่นชุดที่สมบูรณ์ที่สุดลงสนามเพื่อเป้าหมายในการทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยคาดว่าจะใช้แผนการเล่นในระบบ 4-2-3-1 โดยมี ยศกร บูรพา ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าคอยจบสกอร์ ขณะที่แนวรุกด้านหลังจะมีมิติจากตัวสนับสนุนความเร็วสูงอย่าง สิรภพ วันดี, ธนกฤต โชติเมืองปัก และ อิคลาส สันหรน คอยขับเคลื่อนเกมและสร้างโอกาส รายชื่อนักเตะทีมชาติไทยที่คาดว่าจะลงสนาม (4-2-3-1): ชมพัฒน์ บุญเลิศ (GK) : วิชั่น อินอร่าม, ภัทรพล ศึกษากิจ, ชนภัช บัวพันธ์, ธวัชชัย อินทร์ประโคน : สิทธา บุญหล้า, เสกสรรค์ ราตรี : สิรภพ วันดี, ธนกฤต โชติเมืองปัก, อิคลาส สันหรน : ยศกร บูรพา เจาะลึกและผลงาน "เสือเหลือง" มาเลเซีย มาเลเซียสามารถคว้าตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ในฐานะ รองแชมป์กลุ่มบี ด้วยสถิติชนะ 1 แพ้ 1 จากการลงเล่น 2 นัด โดยเก็บได้ 3 คะแนน ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม ซีเกมส์ 2025 11 ธันวาคม 2568 เวลา 16:00 น.: มาเลเซีย แพ้ เวียดนาม 0-2 6 ธันวาคม 2568 เวลา 16:00 น.: มาเลเซีย เอาชนะ ลาว 4-1 ในส่วนของความพร้อมก่อนดวลช้างศึก โค้ช นาฟูซี เซน ยืนยันว่าขุมกำลังของเขาสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเช่นกัน ทำให้เขาสามารถเลือกใช้งานผู้เล่นที่ดีที่สุดได้ โดยคาดว่าจะใช้แผน 4-3-3 ที่เน้นเกมรุกทางริมเส้นเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของไทย โดยมี อับดุล ราห์มัน ดาวด์ ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวหลัก ขณะที่ตัวรุกความเร็วสูงอย่าง ไอมาน ยูซุฟ นาบิล และ อาลิฟ อิซวาน ยูสลัน พร้อมเป็นตัวทำเกมริมเส้น รายชื่อนักเตะมาเลเซียที่คาดว่าจะลงสนาม (4-3-3): ซุลฮิลมี ชารานี (GK) : อาลิฟ อาห์หมัด, โมเสส ราจ มิเชล ดาสส์, อูไบดุลลาห์ ชัมซูล ฟาซิลี, ชาฟิซาน อาร์ชาด : มูฮัมหมัด อาบู คาลิล, ดานิช ฮาคิมี ซาฮาลูดิน, ซิยาด เอล บาชีร์ นอร์ฮิชาม : ไอมาน ยูซุฟ นาบิล, อับดุล ราห์มัน ดาวด์, อาลิฟ อิซวาน ยูสลัน เกร็ดน่าสนใจก่อนเกม ความได้เปรียบเจ้าบ้าน: การที่ทีมชาติไทยได้ลงเล่นในราชมังคลากีฬาสถานถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความกดดันให้กับคู่แข่งอย่างมาเลเซียอย่างมาก สถิติเกมรุก: ทีมชาติไทยทำประตูในรอบแบ่งกลุ่มไปแล้วถึง 9 ประตู จาก 2 นัด เฉลี่ย 4.5 ประตูต่อเกม แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในแนวรุกที่สูงมาก เกมรับมาเลเซีย: "เสือเหลือง" เสียไป 3 ประตูจาก 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม โดย 2 ประตูเกิดขึ้นในนัดที่แพ้เวียดนาม ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงจุดอ่อนในแนวรับที่ต้องระวัง โค้ชวัง vs เสือเหลือง: ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เป็นกุนซือที่มีประสบการณ์สูงในการคุมทีมระดับซีเกมส์ การวางแผนรับมือมาเลเซียจึงเป็นสิ่งที่แฟนบอลจับตามองเป็นพิเศษ วิเคราะห์และโอกาสความเป็นไปได้ของเกม จากการพิจารณาทั้งเรื่องของขุมกำลังและฟอร์มการเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทยยังคงได้เปรียบอย่างชัดเจน ด้วยฟอร์มที่สม่ำเสมอและวินัยในเกมรับที่แข็งแกร่งกว่า อีกทั้งการได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลเจ้าบ้านในสนามราชมังคลาฯ ถือเป็นปัจจัยที่เพิ่มความมั่นใจให้กับทัพช้างศึกเป็นอย่างมาก แม้ว่ามาเลเซียจะมีจุดเด่นในเรื่องของความรวดเร็วจากเกมริมเส้น ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้กับแนวรับไทยได้บ้าง แต่ภาพรวมของทีม "เสือเหลือง" ยังมีช่องโหว่ โดยเฉพาะในเกมรับที่มักจะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ซึ่งจะเป็นจุดที่ไทยใช้โจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าเกมนี้ ทีมชาติไทย จะเน้นการ คุมจังหวะและครองบอล เอาไว้เป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกมรุกที่รวดเร็วของมาเลเซียได้มีโอกาสสวนกลับง่าย ๆ หากไทยสามารถรักษาการครองบอลและเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ แนวรุกที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพก็น่าจะหาจังหวะจบสกอร์และคว้าชัยชนะในเกมนี้ได้สำเร็จ หากได้ประตูแรกมาอย่างรวดเร็ว โอกาสที่ไทยจะยิงประตูที่สองและสามตามมาก็มีสูงมาก ผลการแข่งขันที่คาด: ทีมชาติไทย เปิดบ้านเอาชนะ มาเลเซีย ไปด้วยสกอร์ 2-0 การโคจรมาพบกันของไทยและมาเลเซียในรอบรองชนะเลิศนี้เป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ด้วยศักดิ์ศรีของชาติ แม้ว่ามาเลเซียจะมีความเร็วและความอันตรายจากตัวรุกริมเส้น แต่ด้วยฟอร์มอันดุดันของทีมชาติไทยที่ชนะมาสองนัดรวด ประกอบกับการได้เล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอล ทำให้ขุนพล "ช้างศึก" มีโอกาสสูงที่จะเป็นฝ่ายคอนโทรลเกมและใช้ความเฉียบขาดในแนวรุกเพื่อเบียดเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลทีมนี้ไปได้ เชื่อว่าทีมชาติไทยจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างสมศักดิ์ศรี เตรียมตัวรับชมและให้กำลังใจทัพนักเตะไทยได้ในวันนี้! #ฟุตบอลชายทีมชาติไทย #ซีเกมส์2025 #ซีเกมส์ครั้งที่33 #ดูบอลสด #ทีมชาติไทย ภาพประกอบโดย FA Thailand (สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย) : ภาพปก , ภาพที่ 1 , ภาพที่ 4 , Football Association of Malaysia (สมาคมฟุตบอลมาเลเซีย) : ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 ,TrueVisions : ภาพที่ 5 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !