Ciao..!!! and Hello..!!! แฟนๆบอลจากทั่วทุกมุมโลกด้วยนะครับ ผม D.O.M ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การแข่งขันสุดเข้มข้น ดุเดือด และเร้าใจ อย่างนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 อิตาลี พบ อังกฤษ ณ Wembley Stadium กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ด้วยบรรยากาศสุดเร่าร้อน ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ที่ดังกระหึ่ม นักกีฬาทั้ง 2 ทีมพร้อมฟาดแข้งกันในนัดตัดสินชี้ชะตานี้แล้ว เทพีแห่งชัยชนะจะมอบชัยชนะให้กับทีมใด ต้องคอยจับตาดู ไม่ให้พลาดแม้แต่วินาทีเดียว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปพบกับการแข่งขันชิงแชมป์ฟุตบอลยุโรป ประจำปี 2020 กันเลย..!!!! เราไปดู 11 นักเตะตัวจริงที่จะลงสนามตอนเริ่มการแข่งขันทางฝั่งอิตาลีกันก่อนเลยครับ Donnarumma (GK), Di Lorenzo (DF), Bonucci (DF), Chiellini (DF), Emerson (DF), Barella (MF), Jorginho (MF), Verratti (MF), Chiesa (FW), Immobile (FW) และ Insigne (FW) โดยใช้ฟอร์มการเล่นรูปแบบ 4-3-3 สำหรับอิตาลีที่ฟอร์มดีมาตลอดการแข่งขันยูโรนี้ ด้วยความเหนือชั้น และทีมเวิร์คที่เข้าขากันอย่างลงตัว นำพาอิตาลีชนะเรื่อยมาจนได้เข้ามาถึงรอบชิงนี้ ต้องคอยดูกันแหละครับว่าจะได้แชมป์ยูโรสมัยที่ 2 มาครองรึเปล่า มาทางฝั่งอังกฤษบ้างครับ ในรอบนี้ 11 นักเตะตัวจริงของอังกฤษ ได้แก่ Pickford (GK), Maguire (DF), Stones (DF), Walker (DF), Shaw (MF), Rice (MF), Phillips (MF), Trippier (MF), Mount (FW), Sterling (FW) และ Kane (FW) โดยใช้รูปแบบการเล่น 4-3-2-1 โดยทีมอังกฤษเองก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่งและผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้อย่างโชกโชนและเหนือชั้นเป็นอย่างมาก ความมาแรงของอังกฤษทำให้ในปีนี้อังกฤษมีแววว่าจะได้เป็นแชมป์สูงเหมือนกัน ส่วนในเรื่องของการเล่นนั้นเหล่าศูนย์หน้าสุดแกร่งที่พร้อมบุกทะลวงอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว รวมถึงแดนหลังที่เจาะทะลวงยาก อังกฤษจึงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวและสมน้ำสมเนื้อของอิตาลี สมกับเป็นรอบชิงชนะเลิศจริง ๆ เริ่มเกมการแข่งขัน เกมเป็นของทางอังกฤษ และก็ GOOOAAALLL...!!!!!!!! เริ่มมาเพียงแค่ 2 นาที อังกฤษก็ทำประตูขึ้นนำอิตาลีไปก่อนแล้วครับ จากการส่งลูกของ Trippier ข้ามฝั่งมาทางฝั่งขวาหน้าประตูอิตาลี Luke Shaw ได้บอลและซัดเต็มข้อเข้าตรงตาข่ายอย่างสวยงาม เป็นประตูแรกของฝั่งอังกฤษ และเป็นแต้มที่สำคัญอาจส่งผลต่อการเป็นแชมป์สมัยแรกของอังกฤษเลยก็ว่าได้ จากนั้นก็ถือว่าเป็นงานหนักของทางอิตาลีแล้วครับที่นอกจากจะต้องตีเสมอแล้วยังต้องบุกทะลวงแดนหลังของอังกฤษที่เหนียวแน่นมากไปให้ได้อีก ทางฝั่งอังกฤษเองหลังจากได้ประตูก็พยายามอุดแดนหลัง เพื่อไม่ให้อิตาลีทำประตูเสมอได้ ซึ่งอังกฤษก็สามารถป้องกันการบุกของอิตาลีรวมถึงรักษาประตูไว้ได้จนถึงหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรกเลยทีเดียว ผล score จึงอยู่ที่ 0-1 โดยที่อังกฤษยังคงนำอยู่ 1 ประตู ต้องคอยดูแหละครับว่างานนี้ในครึ่งหลังอิตาลีจะแก้เกมอย่างไร ในครึ่งหลังทีมอิตาลีต้องบุกอย่างหนักเลยครับ พยายามทลายปราการเหล็กของอังกฤษให้ได้ อังกฤษเองก็ไม่ยอมให้บุกเฉย ๆ บุกมาก็ต้องบุกกลับสิครับ แต่ในที่สุดโอกาสก็มาถึงสำหรับทีมอิตาลี พวกเขาโหมกระหน่ำบุกแดนหลังของอังกฤษอย่างไม่ลดละ และ GOOOAAALLL...!!!!!!!! อิตาลีทำได้ครับ สามารถทำประตูตีเสมออังกฤษมาได้เป็น 1-1 ในนาทีที่ 67 ด้วยความไวของ Leonardo Bonucci ที่วิ่งเข้าไปซ้ำจากการที่เพื่อนในทีมยิงพลาดไปชนเสาแล้วเด้งออกมา เจ้าตัวจึงใช้โอกาสนั้นเตะซ้ำเข้าไปตรงตาข่าย เรียกโอกาสสู่แชมป์ของทีมอิตาลีกลับมาอีกครั้ง ครึ่งหลังยังคงดำเนินต่อไปที่ 2 ทีมต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างสูสี เกมดำเนินไปอย่างดุเดือด เสียงกองเชียร์ที่ตะโกนเชียร์ทีมชาติของตน จนการแข่งขันดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด และแล้วก็หมดเวลาการแข่งขันในครึ่งหลัง จบ score ไปที่ 1-1 ทำให้ต้องแข่งขันกันต่อในรอบต่อเวลาพิเศษ แต่นั่นดูเหมือนไม่ใช่วิธีการตัดสินที่จะทำให้รู้ผล เพราะทั้ง 2 ทีมประจันหน้า ดวลฝีเท้า ฟาดแข้งกันอย่างไม่ลดละ เกมดำเนินไปอย่างดุเดือด เวลาเหลือน้อยเต็มที และหมดช่วงต่อเวลาพิเศษไปอย่างน่าเสียดาย เพราะทั้งสองทีมต่างยังไม่มีใครทำประตูขึ้นนำได้ ผลจึงจบที่ 1-1 เหมือนเดิม ดังนั้นจึงต้องตัดสินกันด้วยจุดโทษนี่แหละ ลูกแรกทางอิตาลีส่ง Domenico Berardi มาและเขาก็ทำได้ครับ ทำประตูนำไปก่อน 1-0 ต่อมาทางอังกฤษ กัปตันทีมอย่าง Harry Kane ลงมาเองเลยครับ และซัดเข้าไปเป็น 1-1 ลูกที่สองต่อเลยครับ Andrea Belotti จากทางอิตาลีนั้นพลาดไปครับ ผู้รักษาประตูอังกฤษ Jordan Pickford รับไว้ได้ ไม่เป็นประตูครับ ต่อมา Harry Maguire จากอังกฤษซัดเข้าไปเป็นประตูที่ 2 อังกฤษนำไปแล้วครับ 1-2 ลูกที่สาม อิตาลีส่ง Leonardo Bonucci ลงมาและซัดเข้าไปเป็น 2-2 ให้อิตาลี ส่วนทางอังกฤษส่ง Marcus Rashford แต่กลับพลาดครับ เตะไปชนเสา ทำให้ผลยังคงอยู่ที่ 2-2 ลุ้นกันต่อในลูกที่สี่หละครับ Federico Bernardeschi ซัดเข้าไปตรงตาข่ายเน้น ๆ อิตาลีขึ้นนำเป็น 3-2 แล้วครับ ทางอังกฤษ Jadon Sancho นั้นซัดเข้าไปแต่ผู้รักษาประตูของอิตาลี Gianluigi Donnarumma นั้นรับไว้ได้ครับ แหม่น่าเสียดายจริง ๆ ลูกสุดท้ายแล้วนะครับ ถ้าอิตาลีเข้าถือว่าผลเป็นเอกฉันท์ทันที แต่ว่า Jorginho นั้นยิงไม่เข้าครับ โหเสียดายจริง ๆ ต่อโอกาสให้กับทางอังกฤษหละครับ และ Bukayo Saka จากทีมอังกฤษนั้นนน..... ยิงไม่เข้าครับ..!!!! โอ้โห..สุดยอดครับอิตาลีสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020 ไปได้ครับ ต้องบอกเลยว่าคู่นี้นี่มันสะใจผมอย่างแท้จริงเลย สมกับเป็นรอบชิงชนะเลิศมาก ทั้ง 2 ทีม คือเหมาะกับตำแหน่งในรอบชิงนี้จริง ๆ สุดยอดทั้งคู่ อังกฤษมาไกลมาก ถึงแม้ว่าเกือบจะเอื้อมถึงคำว่าแชมป์แล้วก็ตาม แต่พวกเขาได้โชว์การเล่นที่สุดยอดให้เราได้เห็นแล้ว ตั้งแต่ในรอบแรกมาจนถึงรอบชิงนี้ พวกเขาคือทีมที่มาแรงที่สุดทีมหนึ่งในยูโร 2020 นี้เลย และผมขอบอกตรงนี้เลยว่าผมเชียร์ทีมอังกฤษ หวังอยากให้อังกฤษได้เป็นแชมป์ยูโรซักครั้งเหมือนกัน แต่ว่าทีมอิตาลีพวกเขาเก่งจริง ๆ ต้องขอยอมรับในฝีมือที่ได้เห็นจากการแข่งขันที่ผ่าน ๆ มา แม้ผมจะเสียดายทีมอังกฤษ แต่ก็ต้องบอกว่าทีมอิตาลีนั้นเหมาะสมและคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ยูโรจริง ๆ ครับ ขอเสียงปรบมือให้กับนักเตะทั้ง 2 ทีมด้วยครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการแข่งขันรอบชิง ยูโร 2020 นี้ หลังจากนี้ทุกท่านก็จะได้เห็นคอนเทนต์อื่น ๆ ที่หลากหลายจากผม D.O.M ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ท่องเที่ยว ข่าวบันเทิง ภาพยนตร์ซีรีส์ หรือข่าวเด่นประเด็นร้อนต่าง ๆ ที่ผมพร้อมมาอัพเดตให้ทุกท่านได้ชมกัน อย่าลืมกดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ ๆ ของผมด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ... Credit ภาพจาก UEFA EURO2020 ภาพปก / ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7 / ภาพที่8 / ภาพที่9 / ภาพที่10 / ภาพที่11 / ภาพที่12 / ภาพที่13 ช่อง ID Staion ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ และกีฬาชั้นนำทั่วโลก >> คลิกที่นี่ วิธีการดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฟรี ทางช่อง ID Station >> คลิกที่นี่ ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี!