รีเซต
วิธีแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อ รวมเทคนิคแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อแบบง่ายๆ ผู้ชายทำได้ชัวร์

วิธีแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อ รวมเทคนิคแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อแบบง่ายๆ ผู้ชายทำได้ชัวร์

วิธีแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อ รวมเทคนิคแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อแบบง่ายๆ ผู้ชายทำได้ชัวร์
WeenayA
8 กรกฎาคม 2568 ( 08:00 )
181

     ปัญหา กลิ่นเหงื่อติดเสื้อ เป็นเรื่องกวนใจที่ผู้ชายหลายคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับจากเสื้อผ้าออกกำลังกาย หรือคราบเหลืองฝังแน่นใต้วงแขน ที่ทำให้เสียบุคลิกและขาดความมั่นใจ แต่ไม่ต้องกังวล TrueID Sport จะพาคุณเจาะลึกถึงสาเหตุ พร้อมเผยเทคนิคเด็ดทั้งการดูแลตัวเอง การซักผ้า และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้คุณบอกลากลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้ไปได้อย่างถาวร

วิธีแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อ รวมเทคนิคแก้กลิ่นเหงื่อติดเสื้อแบบง่ายๆ
ผู้ชายทำได้ชัวร์

 

ทำความเข้าใจ "กลิ่นตัวเปรี้ยว" ต้นตอของกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ

     กลิ่นเปรี้ยวในผู้ชายเกิดจาก เหงื่อ ผสมกับ แบคทีเรีย บนผิวหนังครับ โดยเฉพาะเหงื่อจากต่อมพิเศษ (ต่อมอะโพคริน) ที่มีไขมันและโปรตีน เมื่อแบคทีเรียย่อยสลายเหงื่อนี้ ก็จะเกิดกลิ่นฉุนขึ้นมา

สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีกลิ่นเปรี้ยวชัดกว่าผู้หญิง

  • เหงื่อออกมากกว่า: ผู้ชายมักมีเหงื่อออกในปริมาณที่มากกว่า
  • ฮอร์โมน: ฮอร์โมนบางชนิดในผู้ชายกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ
  • ขนตามร่างกาย: ขนที่เยอะกว่าสามารถกักเก็บเหงื่อและแบคทีเรียได้ดี
  • พฤติกรรมส่วนตัว: การดูแลความสะอาด อาหารที่รับประทาน และแม้แต่ความเครียด ก็ส่งผลต่อกลิ่นตัวได้

 

5 วิธีป้องกันกลิ่นตัวเปรี้ยว สยบปัญหากลิ่นเหงื่อติดเสื้อตั้งแต่ต้นเหตุ

     การป้องกันกลิ่นตัวที่ดีที่สุดคือการจัดการกับสาเหตุตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อไม่ให้กลิ่นเหงื่อสะสมบนเสื้อผ้าจนฝังแน่น อยากลดกลิ่นเปรี้ยวในตัวผู้ชาย ทำตามวิธีเหล่านี้ได้เลย

  1. อาบน้ำบ่อยๆ และเช็ดตัวให้แห้ง
  • อาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย
  • ใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เน้นบริเวณที่เหงื่อออกเยอะๆ (รักแร้, ขาหนีบ, เท้า)
  • เช็ดตัวให้แห้งสนิท โดยเฉพาะรอยพับ เพราะความชื้นคือแหล่งรวมแบคทีเรีย
  1. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ
  • เลือก Antiperspirant (ระงับเหงื่อ) ที่ช่วยลดกลิ่นเปรี้ยวโดยตรง
  • ทาตอนกลางคืนก่อนนอน และซ้ำอีกทีตอนเช้า จะได้ผลดีที่สุด
  1. เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม
  • ใส่ผ้าธรรมชาติที่ระบายอากาศดี เช่น ผ้าฝ้าย, ลินิน
  • เลี่ยงผ้าใยสังเคราะห์ถ้ามีปัญหากลิ่นตัวง่าย
  • เปลี่ยนชุดชั้นในและถุงเท้าทุกวัน
  • เสื้อผ้าออกกำลังกายควรเป็นผ้าซับเหงื่อ และซักทุกครั้งหลังใช้
  1. ปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ
  • ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยให้เหงื่อเจือจางลง
  • จำกัดอาหาร ที่อาจทำให้เกิดกลิ่นตัว เช่น กระเทียม, หัวหอม, อาหารรสจัด, เนื้อแดง, แอลกอฮอล์, คาเฟอีน
  • จัดการเส้นขน เช่น โกนขนรักแร้ ช่วยลดการสะสมของเหงื่อและแบคทีเรีย
  • ดูแลเท้าให้สะอาด และแห้งสนิท
  • จัดการความเครียด เพราะความเครียดทำให้เหงื่อออกมากขึ้น

     เมื่อไหร่ควรไปหาหมอ? ถ้ากลิ่นตัวเปลี่ยนไปกะทันหัน หรือดูแลตัวเองดีแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออกมากผิดปกติ ผิวหนังเปลี่ยน หรือมีไข้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ครับ

 

5 ขั้นตอนเด็ด จัดการ "กลิ่นเหงื่อติดเสื้อ" ให้หอมเหมือนใหม่

     เมื่อกลิ่นเหงื่อฝังแน่นบนเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อผ้าออกกำลังกาย ไม่ต้องกังวลมีวิธีจัดการให้เสื้อของคุณกลับมาหอมสดชื่นได้อีกครั้ง

1. จัดการทันทีหลังออกกำลังกาย

  • ตากทันที: ห้ามโยนเสื้อผ้าเปียกเหงื่อใส่ตะกร้าควรแขวนในที่ที่อากาศถ่ายเท หรือตากแดดเพื่อให้แห้งและช่วยฆ่าเชื้อ
  • ซักด่วนที่สุด: ยิ่งปล่อยไว้นานแบคทีเรียยิ่งสะสมและฝังแน่นทำให้ซักออกยาก

2. กำจัดกลิ่นฝังแน่น (ก่อนซัก)

ถ้าเสื้อมีกลิ่นอับมาก ลองวิธีนี้ก่อนซักปกติ:

  • แช่น้ำส้มสายชู: ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำเย็น 3-4 ส่วน แช่ผ้า 15-30 นาที (กลิ่นน้ำส้มจะหายไปหลังซัก)
  • เบกกิ้งโซดา: ใส่ 1/2 - 1 ถ้วยลงในเครื่องซักผ้าพร้อมผงซักฟอก หรือผสมน้ำเล็กน้อยทาบริเวณที่มีกลิ่นก่อนซัก

3. ซักเครื่องให้สะอาดไร้กลิ่น

  • กลับด้านในออก: เหงื่อและแบคทีเรียส่วนใหญ่อยู่ด้านใน การกลับด้านช่วยให้ผงซักฟอกเข้าถึงได้ดีขึ้น
  • แยกซัก: แยกเสื้อออกกำลังกายออกจากผ้าชนิดอื่น (เช่น ผ้าขนหนู ยีนส์)
  • ใช้ผงซักฟอกพอดี: ใช้ตามปริมาณที่แนะนำ หรือเลือกชนิดสำหรับชุดออกกำลังกายโดยเฉพาะ
  • งดน้ำยาปรับผ้านุ่ม: เพราะจะทิ้งคราบบนผ้าใยสังเคราะห์และดักจับกลิ่น
  • ซักน้ำเย็น: น้ำเย็นดีต่อผ้าและช่วยป้องกันคราบฝังแน่น
  • รอบปั่นอ่อนโยน: เลือกโปรแกรมซักแบบอ่อนโยนเพื่อถนอมผ้า
  • พิจารณาใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ: ถ้ากลิ่นติดทนจริงๆ สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับซักผ้าได้

4. ตากแห้งให้ถูกวิธี

  • ตากลม/ตากแดด: ดีที่สุดความร้อนสูงจากเครื่องอบผ้าอาจทำลายเส้นใย การตากกลางแจ้งช่วยให้ผ้าแห้งเร็วและกำจัดแบคทีเรีย
  • ใช้เครื่องอบผ้าด้วยความร้อนต่ำ: ถ้าจำเป็นให้เลือกความร้อนต่ำสุด หรือโหมดลมเย็นเท่านั้น

5. บำรุงรักษาในระยะยาว

  • เลือกชุดคุณภาพดี: เน้นผ้าที่ระบายความชื้นได้ดี (Moisture-wicking fabric)
  • ห้ามใส่ซ้ำ: ซักทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อสุขอนามัยและขจัดกลิ่นอับ

 

วิธีซักคราบโรลออนใต้วงแขนเสื้อ: ให้เสื้อใหม่อยู่เสมอสไตล์พ่อบ้านมืออาชีพ

     คราบโรลออนใต้วงแขนเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้เสื้อผ้าดูเก่าและมีกลิ่น บทความนี้มีวิธีจัดการคราบเหล่านี้แบบมืออาชีพ

ใช้วัตถุดิบในบ้าน

  • เบกกิ้งโซดา: ผสมเบกกิ้งโซดา 3 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วนให้เป็นเนื้อครีมป้ายบนคราบ ขัดเบา ๆ ทิ้งไว้ 20 นาที หรือข้ามคืนสำหรับคราบฝังแน่นแล้วนำไปซักตามปกติ
  • น้ำส้มสายชูขาว: ผสมน้ำส้มสายชูขาว 1 ถ้วยกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย แช่ผ้าส่วนที่มีคราบ 1-3 ชั่วโมง ขัดเบา ๆ แล้วซักปกติ (เหมาะกับผ้าทุกสี)
  • น้ำมะนาว + น้ำเปล่า: ผสมเท่ากันเทลงบนคราบถ้าเป็นผ้าขาว ให้ตากแดด 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นก่อนนำไปซัก (เหมาะกับผ้าขาวหรือสีอ่อน)
  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์: ผสม ½ ถ้วยกับน้ำเย็น 2 ถ้วย แช่ทั้งตัวอย่างน้อย 30 นาที แล้วซักปกติ (สำหรับ ผ้าขาวเท่านั้น เพราะอาจทำให้ผ้าสีซีดจาง)

สูตรผสมสำหรับคราบฝังแน่น

  1. แช่เสื้อในน้ำส้มสายชูขาว 1 ถ้วย กับน้ำเปล่า 2 ถ้วย ทิ้งไว้ 20-30 นาที
  2. ผสมเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วย + เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ช้อนโต๊ะ ให้เป็นครีม (สวมถุงมือขณะใช้)
  3. ป้ายครีมลงบนคราบขัดเบา ๆ พักไว้ 20 นาที
  4. นำไปซักด้วยเครื่องซักผ้าโดยใช้น้ำร้อน (ถ้าผ้าทำได้) และตากลมธรรมชาติ

ใช้น้ำยาขจัดคราบสำเร็จรูป

เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าใช้สำหรับ คราบโปรตีน หรือมีส่วนผสมของออกซิเจนบลีช ซึ่งปลอดภัยสำหรับผ้าสี และปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์

เคล็ดลับป้องกันคราบโรลออน

  • รอให้โรลออนแห้งสนิท ก่อนสวมเสื้อ
  • ใช้โรลออนแต่พอดี
  • ลองเปลี่ยนโรลออน ที่ไม่มีอะลูมิเนียม หรือสูตร "ใส" / "ไร้คราบ"
  • สวมเสื้อซับใน เพื่อสร้างชั้นป้องกัน
  • ซักเสื้อทันที หลังสวมใส่ โดยเฉพาะเมื่อมีคราบเหงื่อหรือโรลออน

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี