เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 ที่ ซาน มาเมส สเตเดียม เมืองบิลเบา ประเทศสเปน สโมสร โทท์แน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ผนึกกำลังกันอย่างเข้มข้นก่อนเด็ดหัวศัตรูร่วมชาติ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 1-0 คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก สมัยที่สามของสโมสร และยุติการรอคอยโทรฟี่รายการหลักยาวนานถึง 17 ปีกว่า บรรยากาศก่อนเกมและความหมายของแมตช์ โทท์แน่มเดินทางมาพร้อมสถิติไม่ชนะในนัดชิงทุกรายการยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป แต่ด้วยการนำทัพของกุนซือ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่รับปากจะพา “ไก่เดือยทอง” คว้าโทรฟี่ให้ได้ในฤดูกาลที่สองทางฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม ก็ต้องการโทรฟี่แรกนับตั้งแต่ปี 2017 เพื่อการันตีตั๋วยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ทั้งคู่จึงส่ง “ชุดใหญ่” ลงสู้ศึกอย่างไม่มียอมกัน ไฮไลต์สำคัญของเกม ประตูชัยของเบรนแนน จอห์นสัน: ในนาทีที่ 42 จอห์นสันยิงประตูจากการเปิดของปาเป้ ซาร์ บอลแฉลบลุค ชอว์เข้าประตูไป นับเป็นประตูแรกของสเปอร์สในรอบชิงชนะเลิศนับตั้งแต่ปี 2008 เกมรับเหนียวแน่นของสเปอร์ส: คริสเตียน โรเมโร่ (แมนออฟเดอะแมตช์) และมิคกี้ ฟาน เดอ เวน ช่วยกันป้องกันเกมรุกของแมนฯ ยูไนเต็ดได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการเคลียร์บอลบนเส้นประตูในช่วงครึ่งหลัง จังหวะเซฟสำคัญ: ผู้รักษาประตู กุยเยร์โม่ วิเซรีโอ โชว์ซูเปอร์เซฟถึงสองครั้ง ป้องกันลูกยิงของ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ในนาที 58 และจังหวะซ้ำของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ในช่วงทดเวลาเจ็บ การกลับมาของซน ฮึง-มิน: กัปตันทีมสเปอร์สกลับมาลงสนามหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ และเป็นผู้ชูถ้วยแชมป์ แม้จะไม่ได้รับเหรียญรางวัลในช่วงแรกเนื่องจากความผิดพลาดของยูฟ่า ฟอร์มเด่นของผู้เล่น เบรนแนน จอห์นสัน: ทำประตูสำคัญ พร้อมจุดประกายพลังเกมรุก จบด้วยคะแนนโหวต Man of the Match ซอน ฮึง-มิน: แม้เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ แต่สร้างความคึกคักในแนวรุก และได้ยกโทรฟี่ขึ้นสู่ยอดหัว แม้จะพลาดเหรียญในพิธีแรกเนื่องจากเตรียมไม่ทัน คริสเตียน โรเมโร่: คุมแนวรับแทบเดี่ยว ปัดสกัดหลายจังหวะที่ดูอันตราย วิเคราะห์เกม แม้ว่าทั้งสองทีมจะมีฤดูกาลพรีเมียร์ลีกที่น่าผิดหวัง โดยสเปอร์สจบอันดับ 17 และแมนฯ ยูไนเต็ดอันดับ 16 แต่ในเกมนี้ สเปอร์สแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการวางแผนที่ยอดเยี่ยมของผู้จัดการทีมอังเก้ ปอสเตโคกลู ที่สามารถปรับแท็กติกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และนำทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 1984 ความสำคัญของชัยชนะนัดนี้ ยุติการรอคอย 17 ปี: สเปอร์สคว้าแชมป์รายการแรกนับตั้งแต่ปี 2008 และเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่สามของสโมสร ตั๋วสู่ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: ชัยชนะครั้งนี้ทำให้สเปอร์สได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า แม้จะจบอันดับ 17 ในพรีเมียร์ลีก อนาคตของปอสเตโคกลู: แม้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับการกลับมาของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แต่ปอสเตโคกลูยืนยันความตั้งใจที่จะพัฒนาทีมต่อไป รูปหน้าปก : รูปที่1 รูปภาพที่1 : จากเฟสบุ๊ค UEFA Europa League รูปภาพที่2 : จากเฟสบุ๊ค UEFA Europa League รูปภาพที่3 : จากเฟสบุ๊ค UEFA Europa League รูปภาพที่4 : จากเฟสบุ๊ค UEFA Europa League ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !