พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ขื่อว่าเป็นลีกที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีสโมสรที่สามารถขับเคี่ยวแย่งชิงบัลลังก์กันได้หลายต่อหลายทีม หรือที่ผ่านมาเราจะรู้จักกันในนาม BIG 6 นั่นเอง นอกจากนี้แล้วในลีกแห่งนี้แม้แต่ทีมขนาดเล็กก็ไม่ธรรมดา พร้อมจะเป็นตัวแสบล้มทีมใหญ่ได้ทุกเมื่อที่มีโอกาส ทำให้แต่ละสัปดาห์จึงเกิดการแข่งขันที่สูงมาก นอกจากรางวัลแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ทุกทีมต้องการแล้ว การลุ้นทำอันดับคว้าโควต้าไปเตะบอลถ้วย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ยังเป็นสิ่งทำให้ที่ทำให้หลายทีมต้องลุ้นขับเคี่ยวกันจนถึงนัดสุดท้าย เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า "Top 4"ในฤดูกาล 2022/2023 จนถึงตอนนี้ก็เดินทางกันมาได้ครึ่งทางแล้ว ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพอันดับในตารางคะแนนได้ชัดเจนมากขึ้น บางทีมทำผลงานได้ตามมาตรฐาน บางทีมทำผลงานได้ดีเกินคาด บางทีมพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนน่าประหลาดใจ หรือหลายทีมกลับฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย ทำให้ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังนี้ต้องรีบเร่งฟอร์มกลับมาโดยเร็วที่สุด วันนี้เราจึงจะมาวิเคราะห์กันว่า มีทีมใดบ้างที่มีโอกาสจะจบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ "Top 4" ได้ไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปในฤดูกาลหน้าอาร์เซนอล เมื่อฤดูกาลที่แล้วจบอันดับ 5 พลาดโอกาสไปเล่นถ้วย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก อย่างน่าเสียดาย แต่ในปีนี้ มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนความผิดหวังทั้งหมดให้กลายเป็นพลังมหาศาล พาลูกทีมเริ่มต้นได้อย่างร้อนแรง ทำผลงานได้ดีเกินคาด เดินหน้าเก็บชัยชนะมาได้เรื่อยๆ ด้วยฟอร์มการเล่นที่พัฒนาขึ้นจากเดิมมากจนถึงจุดที่ระบบการเล่นลงตัวสุดๆ มีเกมรุกที่รวดเร็วอันตราย เกมรับเหนียวแน่นลดข้อผิดพลาดลงไปได้เยอะ นักเตะแกนหลักของทีมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่กำลังคึกคะนอง อยากจะพิสูจน์ฝีเท้าของตัวเอง และก็มีประสบการณ์มากขึ้น สามารถยืนระยะรักษาผลงานที่ดีได้ต่อเนื่อง ปัจจุบันยังนำเป็นจ่าฝูงของตารางมีโอกาสลุ้นแชมป์เต็มตัว จึงไม่น่ามีปัญหาในการคว้าอันดับ "Top 4" อย่างแน่นอนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ยังคงเล่นอยู่ในมาตรฐานที่ดีของตัวเอง แม้ว่าอาจจะยังดีไม่สุดก็ตาม เนื่องจากในฤดูกาลนี้มีหลายเกมพลาดทำคะแนนหล่นหายไป ทั้งๆที่ในสนามก็ทำผลงานได้ดีกว่าคู่ต่อสู้แต่กลับปิดเกมกันไม่ได้เอง ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นเรื่องปกติของฟุตบอลที่อาจจะต้องพบกับวันที่ฟอร์มไม่ดีบ้าง ทำให้ตอนนี้อยู่อันดับ 2 ของตารางแม้ว่าจะตามหลังทีมนำอยู่หลายคะแนน แต่โอกาสลุ้นแชมป์ก็ยังเปิดกว้างเนื่องจากทั้งสองทีมยังไม่ได้เจอกันเลย ถ้าหากแมนซิตี้เก็บชัยชนะได้ทั้ง 2 เกมที่ต้องเจอกันสถานการณ์ลุ้นแชมป์ก็อาจพลิกกลัยมาอยู่ในมือได้ทันที ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยแสดงให้เห็นมาหลายครั้งแล้วว่าพวกเค้าพร้อมจะแซงกลับมาได้เสมอ ฉะนั้นการคว้าอันดับ "Top 4" จึงอยู่ในมือแน่นอนนิวคาสเซิลเป็นทีมม้ามืดประจำฤดูกาลนี้ ที่สามารถพัฒนาทีมมาได้อย่างก้าวกระโดด จากทีมที่เกือบจะต้องลุ้นตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทำให้นิวคาสเซิลกลับมายังจุดที่เคยอยู่อีกครั้ง ปัจจุบันผ่านไปครึ่งทางยังอยู่อันดับ 3 ของตาราง แม้ว่าจะเก็บชัยชนะได้น้อยที่สุดในกลุ่มหัวตาราง แต่จุดแข็งเลยคือการเป็นทีมที่แพ้ยากมาก ด้วยคุณภาพนักเตะที่ยังเป็นรองทีมใหญ่ เอ็ดดี้ ฮาว จึงเลือกที่จะใช้ระบบและวิธีการเล่นเข้าสู้ เราจะเห็นได้ว่านักเตะชุดนี้ขยันวิ่งได้ทั้งเกม มีความเข้าใจเกมกันสูงมาก เริ่มด้วยเกมรับที่เหนียวแน่นจนเสียประตูน้อยที่สุดในลีก ส่วนเกมรุกก็มีทีเด็ดที่พร้อมจะโจมตีจุดอ่อนคู่แข่งได้ทุกเวลา มาถึงตอนนี้จึงไม่มีคำว่าม้ามืดอีกต่อได้ ทุกอย่างล้วนมาจากฝีเท้าและความตั้งใจจริงทั้งนั้น หากรักษาฟอร์มแบบนี้เอาไว้ได้ การทีจะจบฤดูกาลด้วยอันดับ "Top 4" ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดการเข้ามาคุมทีมของ เอริก เทน ฮาก ในฤดูกาลนี้เหมือนเป็นการปลุกปีศาจแดงให้ค่อยๆตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งนักเตะและแฟนบอลมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้ว่าจะเริ่มต้นได้หน้าผิดหวังเปิดฤดูกาลแพ้ 2 เกมติด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ เอริก เทน ฮาก ตื่นตกใจอะไรมากนัก กลายเป็นว่าได้เห็นจุดอ่อนของทีมอย่างชัดเจน แล้วรีบลงมือแก้ไขทันเวลา หลังจากนั้นแมนยูก็เริ่มเดินหน้าคว้าชัยชนะได้ต่อเนื่อง นักเตะใหม่ปรับตัวและช่วยยกระดับทีมให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนนักเตะเก่าก็เร่งพัฒนาตัวเองจนเข้ากับระบบการเล่นใหม่ เมื่อผลงานดีขึ้น นักเตะก็เล่นกันด้วยความมั่นใจ สปิริตทีมกลับมาดีเยี่ยม จนตอนนี้เก็บคะแนนขึ้นมาอยู่ในสี่อันดับแรกได้สำเร็จ เหลือเพียงแค่รักษาฟอร์มให้สม่ำเสมอก็มีสิทธิ์คว้า "Top 4" เหมือนกัน แต่ก็จะประมาทไม่ได้เลย เนื่องจากบางเกมก็ยังมีหลุดฟอร์มดื้อๆ ให้เห็นบ้างอยู่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ฤดุกาลที่แล้วต้องลุ้นจนถึงเกมสุดท้ายกว่าจะคว้าโควต้า ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มาครองได้ ส่วนในฤดูกาลนี้เป็นการเริ่มคุมทีมอย่างเต็มตัวของ อันโตนิโอ คอนเต้ แฟนบอลจึงตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก แต่จนถึงตอนนี้สถานการณ์ของสเปอร์สก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วมากนัก ขาดความสม่ำเสมอ ไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีไว้ได้ต่อเนื่อง พุ่งชนความพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 5 เกม จุดบอดอย่างเดียวที่แก้ไม่หาย คือ การต้องตกเป็นฝ่ายตามหลัง มักจะเสียประตูให้คู่แข่งไปก่อนหลายเกมมาก นักเตะจึงต้องเล่นภายใต้ความกดดัน บางเกมตั้งสติได้เร็วพลิกกลับมาแซงได้ แต่บางเกมเครื่องร้อนช้าก็ตามไม่ทัน ส่วนแนวรุกต้องเจอทั้งปัญหาบาดเจ็บ และนักเตะหลักฟอร์มตก ยังดีที่ แฮร์รี เคน อยู่ในช่วงพีคช่วยยิงประตูเก็บแต้มไว้ได้เยอะมาก ปัญหาเดียวที่จะทำให้สเปอร์สพลาดอันดับ "Top 4" ก็คือความไม่ละเอียด เล่นผิดพลาดง่ายๆ และชอบสะดุดขาตัวเองล้มในเกมที่ไม่ได้ยากมากนักลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถูกคาดหมายว่าจะมีโอกาสท้าชิงแชมป์อีกครั้งในปีนี้ แถมยังเปิดหัวได้สวยงามคว้าโล่แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เหนือคู่แข่งสำคัญอย่างแมนซิตี้ แต่เมื่อพรีเมียร์ลีกเริ่มต้นลิเวอร์พูลดูจะเล่นแตกต่างไปจากเดิม นักเตะดูอ่อนล้าและเคลื่อนไหวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่บีบเพรสซิ่งอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อน แถมบางเกมยังเจอคู่แข่งบดบี้แย่งบอลจนเล่นผิดพลาดกันไปหมด แดนกลางที่เคยเป็นจุดแข็งหัวใจสำคัญของทีม กลับไม่สามารถพึ่งพาได้เหมือนเดิมตกเป็นรองคู่แข่งเกือบทุกเกม การเบรคเกมรุกคู่แข่งก็ทำได้น้อยมากส่งผลให้กองหลังต้องเจองานหนัก จนพลาดเสียประตูบ่อยครั้ง ส่วนเกมรุกต้องเสียนักเตะไปกับอาการบาดเจ็บหลายคน ส่วนตัวใหม่ที่พึ่งย้ายมาก็ต้องการเวลาปรับตัว จึงกลายเป็นทีมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แพ้ชนะได้ทุกทีม ทำให้อันดับตอนนี้หล่นลงมาไกล ต้องรีบเรียกฟอร์มเก่งกลับมาโดยด่วน โอกาสจะคว้าอันดับ "Top 4" ในตอนนี้จึงเหลือน้อย เพราะนอกจากจะต้องเก็บชัยชนะให้มากที่สุดแล้ว ยังต้องแช่งทีมอื่นให้แพ้อีกด้วยเชลซีทีมอันดับสามจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ต้องประสบพบเจอกับมรสุมใหญ่ทั้งการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมบริหารงาน เหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ตั้งแต่โครงสร้างภายใน มีส่วนกระทบถึงผลงานในสนามทำให้ออกมาไม่ดีอย่างที่คิด จนเกินการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังเริ่มฤดูกาลไปไม่นาน แกรม พอตเตอร์ คือกุนซือคนใหม่ที่ก้าวกระโดดจากการคุมที่ระดับกลาง มาคุมทีมใหญ่ที่เต็มไปด้วยนักเตะซุปเปอร์สตาร์ นอกจากความกดดันที่ต้องแบกรับเอาไว้แล้ว เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนักเตะตัวหลักหลายคนก็มาทยอยบาดเจ็บหายหน้าไปจากทีมอีก ผลงานจึงออกมาค่อนข้างน่าเป็นห่วง ส่วนการลุ้นโควต้าบอลยุโรปก็เริ่มห่างไกลไปทุกที ดูแล้วน่าจะเป็นทีมในระดับบิ๊กที่มีโอกาสลุ้นจบอันดับ "Top 4" น้อยที่สุดเลยก็ว่าได้จากนี้ยังเหลืออีกครึ่งฤดูกาลให้เราได้ลุ้นกันนะครับ แต่ถ้าหากมองจากจุดนี้ อาร์เซนอล และแมนซิตี้ น่าจะต้องเบียดลุ้นแชมป์กันไปจนจบฤดูกาล และจับจองโควต้าไปก่อน 2 ที่นั่ง ส่วนอันดับสาม แมนยู และนิวคาสเซิล ทีมใดทีมหนึ่งน่าจะคว้าไปครองอยู่ที่ว่าใครจะสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ดีกว่ากัน ส่วนในอันดับโควต้าสุท้ายทั้ง ลิเวอร์พูล และเชลซี ก็ยังมีหวังอยู่ลึกๆ และโอกาสเดียวคือลดความผิดพลาดของตัวเองลงให้ได้ ทำงานของตัวเองเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยไปลุ้นว่าทีมคู่แข่งที่อยู่ข้างบนจะมีความผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน หลังจากนี้แฟนบอลแต่ละทีมก็ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ทีมรักกันต่อไป แล้วก่อนจบฤดูกาลเราจะลองมาดูกันอีกที ว่าสถานการณ์จนถึงตอนนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Newcastle/Liverpool/Arsenal/ ManUnitedภาพปก ManCity/Tottenham/Chelseaภาพ1 TrueID Sportsภาพ2 Arsenalภาพ3 Manchester Cityภาพ4 Newcastle Unitedภาพ5 Manchester Unitedภาพ6 Tottenham Hotspurภาพ7 Liverpool FCภาพ8 Chelseaส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !