ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ "ศึกแดงเดือด" ยกแรกของฤดูกาล 2023/2024 ที่เป็นการฟาดแข้งกันของ 2 อริตลอดกาลอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลที่เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่สุดท้ายแล้วผลการแข่งขันนั้นจบลงด้วยการยิงกันไม่ได้ เสมอกันบัวช้ำแต่น้ำไม่ขุ่น เพราะว่าถึงแม้จะยิงกันไม่ได้แต่ก็ยังมีใบแดงในช่วงท้ายเกมให้มีความเป็นแดงเดือดอยู่ซักหน่อย แถมมีนักเตะได้รับบาดเจ็บอีกด้วย และต่อไปนี้คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจของเกมแดง (ไม่) เดือดที่ผ่านมา จะมีประเด็นอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ1. ดิอาซและนูนเญซหวังพึ่งไม่ได้เลยประเด็นนี้มันอาจจะดูรุนแรงไปแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะทั้งคู่นั้นไม่ได้สร้างอันตรายหรือคุกคามเกมรับของแมนยูเลย แถมยังสร้างความหงุดหงิดให้กับแฟนหงส์แดงด้วยซ้ำและมันยิ่งตอกย้ำประเด็นนี้ด้วยการที่ทั้งคู่นั้นโดนเปลี่ยนตัวออกไปพร้อมกันเลยในช่วงครึ่งหลังมาเริ่มกันที่หลุยส์ ดิอาซก่อนก็แล้วกันครับ ดิอาซนั้นนับตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บหนักบริเวณหัวเข่าเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เห็นของดิอาซคนเดิม คนที่สามารถเข้ามาสร้างความแตกต่างได้เหมือนตอนที่ย้ายมาช่วงตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2021/2022 ที่สามารถช่วยให้ลิเวอร์พูลนั้นมีลุ้นจนถึงช่วงท้ายฤดูกาล 4 รายการ ตอนนี้เราเห็นได้แต่ปีกซ้ายที่เอาแต่เลี้ยงเอาแต่มุ่ง เล่นฟุตบอลชายเดี่ยว ปีกซ้ายมิติเดียว ไม่กระชากก็ตัดเข้าใน ทำอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นไม่ได้เลยในเรื่องของเกมรุก ไม่มีพิษสงอะไรให้คู่แข่งต้องกลัวเลย บางทีในเวลานี้เขาอาจจะต้องเป็นสำรองแล้วแหละ ให้โอกาสของโคดี กัคโปกลับมาเล่นในตำแหน่งที่เขาแจ้งเกิดกับพีเอสวีบ้างแล้วส่วนในรายของดาร์วิน นูนเญซนั้น บอกตรงๆ ตอนนี้ผมหมดความหวังในตัวกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยไปแล้ว กองหน้าทีมใหญ่ ทีมลุ้นแชมป์ภาษาอะไรไม่สามารถยิงประตูมาได้แล้ว 10 เกม มันใช่เรื่องที่ไหน แถมเป็นกองหน้าที่ไม่สามารถโฟกัส ไม่มีสมาธิกับเกมใหญ่ระดับนี้ได้ตลอด 90 นาทีหรือตลอดเวลาที่ลงเล่น โดยเฉพาะในนาทีที่ 76 เป็นจังหวะที่ผมหัวร้อนและโมโหกับนูนเญซที่สุดแล้ว เป็นจังหวะที่เขารับบอลจากโม ซาลาห์ทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษแต่เขาจับบอลไม่ดีและบอลก็กระดอนมาเข้ามาดิอาซแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะโดนแนวรับของแมนยูช่วยสกัด บอลค่อยๆ ไหลผ่านหน้านูนเญซไป แต่ภาพที่ผมเห็นคือนูนเญซหยุดวิ่ง ไม่วิ่งตามไปเล่นทันที เอาแต่หันหน้าไปมองกรรมการ เหมือนจะฟ้องเอาจุดโทษที่ดิอาซล้มไป ก่อนจะวิ่งตามไปทีหลังในจังหวะที่ลูกบอลกำลังจะออกหลังคำถามคือมันมีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุดเล่นในจังหวะนี้? ทำไมไม่เล่นต่อให้จบเพลย์ก่อนแล้วค่อยหันกลับมาฟ้องกรรมการ สมาธิของคุณอยู่ตรงไหนดาร์วิน? โฟกัสกับจังหวะในเกมก่อนสิ บอลตายแล้วค่อยฟ้องก็ได้ แต่สิ่งที่ทำคือหยุดเล่น หันไปฟ้องกรรมการแล้วถึงค่อยไปเล่นต่อตอนที่บอลไม่อยู่ในจังหวะอันตรายแล้ว คุณทำได้ยังไงวะ สมาธิของคุณหายไปไหนอะ บอลอยู่ตรงหน้าของคุณกับประตูโล่งๆ แล้วอะ ไม่รู้หรอกว่าคุณจะวิ่งไปทันหรือไม่ หรือว่าต่อให้วิ่งไปทันแล้วบอลไม่มีมุมยิง แต่อย่างน้อยการที่คุณวิ่งไปมันก็ยังมีโอกาสถึงมันจะ 0.1% มันก็คือโอกาส มันดีกว่าที่คุณหยุดวิ่งและหันไปฟ้องกรรมการเสียอีก บอกตรงๆ จังหวะนี้โคตรผิดหวังเลย ไหนจะใบเหลืองโง่ๆ ที่ได้มาอีก โวยวายอะไรไม่เข้าเรื่อง แถมยังมีตบมือ ยกนิ้วประชดกรรมการอีกจนเพื่อนร่วมทีมต้องรีบมาแยกและพาไปไกลจากกรรมการ กี่ครั้งกี่คราวแล้วที่คุณโดนใบเหลืองเพราะการไปบ่นกรรมการตอนนี้เริ่มหมดหวังกับการจะเห็นดาร์วิน นูนเญซขึ้นมาเป็นคนที่แฟนหงส์ฝากความหวังได้แล้วนะ นึกว่าจะโตจากปีที่แล้ว ที่ไหนได้ก็ยังทำตัวเหมือนเด็กอยู่เหมือนเดิม โดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็น คู่แข่งรับลึกก็ไม่เช็กไลน์จนล้ำหน้า จังหวะที่ควรจบก็ส่ง จับบอลก็ไม่เคยจะเนียน และสถิติหลังเกมเป็นดังนี้ครับผ่านบอลสำเร็จ: 80%ครอสบอล: 2 ครั้ง (สำเร็จ 0 ครั้ง)สัมผัสบอล: 22 ครั้งเสียบอล: 6 ครั้งล้ำหน้า: 3 ครั้งทำฟาล์ว: 1 ครั้งเลี้ยงบอลสำเร็จ: 1 ครั้งยิง: 2 ครั้ง (หลุดกรอบ 1 ติดบล็อค 1)เสียฟาล์ว: 1 ครั้ง2. เทรนท์คือกองกลางที่เล่นแบ็คได้นิดหน่อยพูดถึงเรื่องแย่ๆ ไปแล้ว มาพูดถึงเรื่องดีๆ กันบ้างดีกว่า ในเกมนี้เป็นอีกเกมที่เยอร์เกน คล็อปป์นั้นแก้เกมโดยการส่งโจ โกเมซลงมาและไม่ได้ลงมาแทนเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่สิ่งที่คล็อปป์ทำก็คือส่งโกเมซลงมาเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาและหุบเทรนท์เข้าไปเล่นเป็นกองกลางอีกคนเล่นร่วมกับวาตารุ เอนโด ซึ่งส่วนตัวแล้วผมให้เทรนท์คือ Man of The Match ของฝรั่งลิเวอร์พูลเลยครับเพราะเทรนท์เป็นไม่กี่คนในเกมวันนี้ที่ไม่หลุดฟอร์มของตัวเองเท่าไหร่ เกือบยิงประตูได้ด้วยแถมยังมีจังหวะเป็น Last Man Tackle อีกด้วยในจังหวะที่ตามไปจิ้มบอลในจังหวะอเลฮานโดร การ์นาโชหลุดเดี่ยวและนี่คือสถิติของเทรนท์หลังจบเกมนี้ครับสัมผัสบอล: 130 ครั้งผ่านบอลสำเร็จ: 70 ครั้ง (ทั้งหมด 89 ครั้ง)จ่ายบอลยาวสำเร็จ: 14 ครั้ง (ทั้งหมด 20 ครั้ง)Key Pass: 5 ครั้งดักบอล: 2 ครั้งแย่งบอลกลับมาครอง: 8 ครั้งเลี้ยงบอลสำเร็จ: 3 ครั้งสกัดจังหวะสุดท้าย: 1 ครั้งอย่างที่บอกไปครับว่าเทรนท์คือคนที่หลุดฟอร์มน้อยที่สุดในเกมนี้เลย โอเคแหละมีจังหวะเปิดหลุดออกนอกสนามบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วเทรนท์คือคนที่ฟอร์มดีที่สุดคนนึงของฝั่งลิเวอร์พูลเลย สามารถปั้นและทำเกมให้กับทีมอยู่ตลอดในวันที่ซาลาห์โดนจับตาย พอต้องโยกมาเล่นในตำแหน่งกองกลางก็เล่นได้ไม่มีขัดเขิน นอกจากจะไม่ดูดรอปลงแล้วยังมีอันตรายจากบอลแนวลึกอีกต่างหาก3. โอนานาและแมนยูองค์ลงถ้าหากจะบอกว่าเกมนี้คือเกมที่แมนยูเล่นได้ดีที่สุดเกมนึงของฤดูกาลนี้ผมก็ว่าไม่ผิดนะ ถ้าหากไม่ได้ดูเรื่องแทคติกที่มาเน้นรับ อาศัยจังหวะฉาบฉวยและโต้กลับ อย่างอื่นผมถือว่าแมนยูนั้นโอเคเลย ยิ่งในเรื่องของเกมรับนั้นสุดยอดมากๆ เกมรับไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ จนโดนลงโทษเลย ทำให้สถิติการยิงประตู 34 ครั้งของลิเวอร์พูลนั้นไม่สามารถเปลี่ยนประตูได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว โอเคแหละลิเวอร์พูลก็ต้องโทษตัวเองที่จบไม่คมเอง แต่อีกมุมนึงก็ต้องชมแนวรับของแมนยูที่ช่วยกันได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะในเกมนี้ต้องยอมรับว่าเอริก เทน ฮากนั้นตั้งใจที่จะมาเล่นเกมรับ จอดรถบัส ขันเกมรับให้แน่นเอาไว้ก่อนและเมื่อมีจังหวะหรือมีช่องให้โต้กลับพวกเขาก็จะทำทันที จนมีหลายๆ จังหวะที่สร้างความอันตรายให้กับเกมรับของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในนาทีที่ 67 ที่ราสมุส ฮอยลุนด์ได้ดีโอกาสยิงในกรอบเขตโทษแต่ก็ยิงไปติดเซฟอลิซอน ก่อนที่จะซ้ำอีกจังหวะก็ยิงไม่เต็มเท้าและอลิซอนก็เซฟได้อีกครั้ง แต่นั่นก็คือการส่งสัญญาณให้ลิเวอร์พูลได้รู้ว่าอย่าประมาทพวกเขาเหมือนกัน พลาดมาเจอโป้งเดียวจอดแน่นอนนอกจากนี้ก็ยังต้องชมในรายของอ็องเดร โอนานาด้วยที่ก่อนหน้านี้ชอบมีจังหวะเหวอๆ จนทำให้แมนยูเสียประตูแต่ในเกมแดงเดือดนี้เขาไม่มีข้อผิดพลาดเหล่านั้นเลย แถมช่วยเซฟกระจายอีกต่างหาก สุดท้ายจบเกมโอนานามีสถิติดังนี้ครับเซฟ: 8 ครั้งเซฟลูกยิงในกรอบ: 5 ครั้งบอลยาวสำเร็จ: 17 ครั้งออกมาตัดบอลสำเร็จ: 1 ครั้ง4. ก็แค่เอาวารานลงก็จบแล้วและนี่คือเหตุผลที่ผมไม่เข้าใจและบ่นมาตลอดในการจัดตัวของเอริก เทน ฮากที่เขาจับ "ราฟาเอล วาราน" นั่งเป็นตัวสำรองมาตั้งหลายนัด หวังว่าเกมแดงเดือดนัดจะทำให้เทน ฮากเห็นซักทีว่าความสามารถของวารานนั้นเก่งกาจและมีประโยชน์ต่อแมนยูขนาดไหน ก่อนหน้านี้เทน ฮากบอกว่าที่ต้องจับวารานเป็นสำรองและส่งลุค ชอว์มาเล่นเซนเตอร์แบคฝั่งซ้ายก็เพราะว่าอยากใช้กองหลังที่เท้าซ้าย แต่เกมนี้เขาก็จับให้วารานเล่นเซนเตอร์ฝั่งซ้ายนะ แล้วที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ?ในเกมนี้วารานแสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมเขาถึงคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริดมาได้ถึง 4 สมัยและแชมป์โลกกับทีมชาติฝรั่งเศสอีก เพราะในเกมนี้วารานคือ "เดอะ แบก" ในเกมรับของแมนยูเลย วารานทั้งช่วยสกัด ทั้งช่วยโหม่ง ช่วยบัญชาเกมรับให้กับผีแดงได้อย่างยอดเยี่ยมจนลิเวอร์พูลเจาะตาข่ายไม่ได้เลย และนี่คือสถิติของราฟาเอล วารานหลังจบเกมครับผ่านบอลสำเร็จ: 18 ครั้ง (ทั้งหมด 25 ครั้ง)บล็อคลูกยิง: 2 ครั้งดักบอล: 3 ครั้งเคลียร์บอล: 15 ครั้งแย่งบอลกลับมาครอง: 2 ครั้งเสียฟาล์ว: 0 ครั้งดวลกลางอากาศ: 4 ครั้ง ชนะ 4 ครั้งเรียกได้ว่าหลังจบเกมนี้วารานคงต้องไปโรงหมอเพื่อตรวจแล้วแหละว่าหัวบวมหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะกี่ลูกเปิดของหงส์แดงก็เจอวารานโหม่งเคลียร์โหม่งสกัดได้หมด จนจบเกมเขาก็ได้รับตำแหน่ง MOM ของเกมนี้ไปครอง เหมาะสมมากๆ5. แมนยูทีมจอมหยุดสถิติเป็นอีกครั้งแล้วหรือครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วที่แมนยูนั้นหยุดสถิติของทีมคู่แข่งโดยเฉพาะลิเวอร์พูลที่ต่อให้ทีมตัวเองฟอร์มไม่ดียังไง พอเจอกันก็มักจะเป็นเรื่องยากเสมอ ยากซะจนคู่แข่งเล่นไม่ออก แถมยังชอบหยุดสถิติชาวบ้านชาวช่องอีกด้วย เพราะหลังจากที่ลิเวอร์พูลแข็งแกร่งยามที่เล่นในแอนฟิลด์มาตลอด หลังจบเกมนี้ก็เจอแมนยูหยุดสถิติครับ ส่วนแมนยูก็หยุดสถิติไม่เสมอใครเลยในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และในเกมนี้มี 2 สถิติที่ลิเวอร์พูลโดนแมนยูหยุดเอาไว้ได้ยิงติดต่อกันในแอนฟิลด์นับตั้งแต่ 21 มกราคม 2023ชนะในแอนฟิลด์ติดต่อกันนับตั้งแต่ 20 พฤษภาคม 2023ในฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูนั้นชนะแบบ 100% ไม่มีสะดุดเลยแม้แต่เกมเดียวในทุกรายการเวลาที่เล่นในบ้าน แต่สุดท้ายก็มาสะดุดเสมอกับคู่อริตลอดกาลอย่างแมนยู หรือที่ผมจำได้ไม่ลืมเลยคือในฤดูกาล 2019/2020 ในฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ช่วง 8 เกมแรกของฤดูกาล ลิเวอร์พูลสามารถทำสถิติชนะรวดทั้ง 8 นัด หากชนะเกมที่ 9 และ 10 ได้จะทำสถิติใหม่ โดยในเกมที่ 9 นั้นลิเวอร์พูลต้องไปเยือนแมนยูซึ่งสุดท้ายในเกมนั้นลิเวอร์พูลเกือบบุกไปแพ้ด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่มีอดัม ลัลลานายิงช่วยชีวิตไว้ได้ ทำให้สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ไม่สามารถทำลายสถิติชนะ 10 เกม เก็บ 30 แต้มได้มันต้องเป็นนายทุกทีสินะไอ่เพื่อนรักสถิติหลังเกมที่น่าสนใจ4 จากทั้งหมด 8 เกมพรีเมียร์ลีกล่าสุดของศึกแดงเดือดที่แอนฟิลด์นั้นจบลงด้วยผลเสมอแบบ "ไร้สกอร์" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ 24 เกม มีเพียงเกมเดียวที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0โอกาสยิง 34 ครั้งแต่เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้เลยของลิเวอร์พูลนั้น ทำให้กลายเป็นสถิติสูงที่สุดที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ของพวกเขา (นับตั้งแต่ซีซั่น 03/04) และเป็นสถิติสูงสุดของลีกต่อจากแมนยูที่มีโอกาสยิงถึง 38 ครั้งแต่ไม่สามารถเป็นประตูได้ในเกมที่เจอเบิร์นลีย์เดือนตุลาคม 2016 หงส์แดงไม่แพ้ผีแดงมาแล้ว 8 เกมในพรีเมียร์ลีกยามที่เล่นในแอนฟิลด์ แถมยังยืดสถิติไม่เสียประตูไปอีกหลังจากที่ก่อนหน้านี้คลีนชีทมาแล้ว 5 เกมในศึกแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ทำให้เป็นสถิติที่พวกเขาไม่แพ้แมนยูในบ้านยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970 จนถึงปี 1979 ที่ในช่วงเวลาในไม่แพ้ถึง 9 เกม (นับเฉพาะเกมลีก)เกมนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 เกมที่โม ซาลาห์นั้นไม่สามารถมีส่วนร่วมกับประตู (ยิง/แอสซิสต์) ได้ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เล่นที่แอนฟิลด์ เพราะก่อนหน้านี้ 16 เกมลีกจะต้องมีอย่างน้อย 1 การมีส่วนร่วมกับประตูใบแดงของดิโอโก ดาโลต์นั้น กลายเป็นใบแดงที่ 18 ของเกมแดงเดือดแล้ว มีเพียงแค่เกมเมอร์ซีไซด์ ดาร์บีระหว่างลิเวอร์พูลและเอฟเวอร์ตันที่มีใบแดงมากกว่าที่ 23 ใบแดง (เฉพาะเกมพรีเมียร์ลีก)อ็องเดร โอนานากลายเป็นนักเตะที่ผ่านบอลมากที่สุดของแมนยูในเกมเมื่อคืนที่ 30 ครั้ง แถมอีก 8 เซฟ เป็นสถิติมากที่สุดของผู้รักษาประตูแมนยูที่เซฟเยอะที่สุดในเกมแดงเดือด (พรีเมียร์ลีก) ต่อจากดาบิด เด เกอาที่เคยเซฟไว้ในเดือนธันวาคม 2014ค็อบบี ไมนูกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงในเกมแดงเดือด (พรีเมียร์ลีก) ด้วยวัย 18 ปี 242 วัน และการที่ลงพร้อมกับการ์นาโช ทำให้กลายเป็นครั้งที่ 2 ที่แมนยูส่งนักเตะดาวรุ่งลงเป็นตัวจริงพร้อมกัน 2 คนในเกมแดงเดือด หลังจากครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่ส่งเวย์น รูนีย์และคริสเตียโน โรนัลโดลงสนามเป็นตัวจริงพร้อมกันในเดือนมกราคม 2005นี่เป็นเพียง 5 ประเด็นที่ผมยกขึ้นมาพูดคุยกันนะครับ ความจริงก็มีอีกประเด็นน่าพูดถึงเหมือนกัน นั่นก็คือประเด็น 2 ใบเหลืองของดิโอโก ดาโลต์ที่ได้แบบงงๆ ขนาดที่เขาเป็นแฟนลิเวอร์พูลยังมองว่าไมเคิล โอลิเวอร์ทำอะไรลงไป ใบเหลือง 2 ใบภายใน 2 วินาทีเนี่ยนะ มันแปลก แถมต้นเหตุมันก็มาจากคุณเองที่ตัดสินผิดพลาด บอลโดนซาลาห์ออกแต่คุณให้ลิเวอร์พูลได้ทุ่ม มันไม่แปลกหรอกที่ดาโลต์จะเดือดดาลขนาดนั้น มาตรฐานพวกคุณนับวันยิ่งตกลงไปเรื่อยๆ ทำ New Low ได้ทุกสัปดาห์เลย ห่วยแตกสิ้นดีแต่แดงเดือดครั้งนี้ก็คือว่าสนุกอยู่นะครับถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยเดือดก็เถอะ เดือดก็เดือดแค่ฝั่งลิเวอร์พูล พับสนามบุกทั้งเกม ส่วนแมนยูก็มีสวนน่ากลัวอยู่ 2-3 ครั้ง แถมยังมีใบแดงมาให้เป็นสัญลักษณ์ของแดงเดือดอยู่เหมือนเดิม ไว้เจอกันใหม่ครับในแดงเดือดยกที่ 2 ในวันที่ 6 เมษายน 2024 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดบทความที่เกี่ยวข้องผีปลิว UCL, เสียแมคไกวร์!!! 5 ประเด็นหลังบาเยิร์นดีดแมนยูตกรอบ UCL11 อันดับลูกยิงพรีเมียร์ลีกสุดสวยของโม ซาลาห์กับลิเวอร์พูลเกือบหลับแต่กลับมาได้ (อีกแล้ว)!!! 5 ประเด็นหลังเกมลิเวอร์พูลบุกเฉือนพาเลซสาลิกาไร้ที่ติ, เดอะแบก แมคไกวร์!!! 5 ประเด็นหลังเกมนิวคาสเซิล พบ แมนยูเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังสำคัญกับลิเวอร์พูลหรือไม่ ?ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOpta AnalystStatman DaveOfficial Facebook และ Official Instagram ของพรีเมียร์ลีก, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (@manchesterunited) และลิเวอร์พูล (@liverpoolfc)ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5 และภาพประกอบ 6 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !