ในวงการฟุตบอลโปรตุเกสที่อำนาจถูกผูกขาดโดย "Big Three" (เบนฟิก้า, ปอร์โต้, สปอร์ติ้ง ลิสบอน) มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ มีสโมสรแห่งหนึ่งที่ลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจเก่าอย่างไม่ลดละและสม่ำเสมอที่สุด สโมสรแห่งนั้นคือ สปอร์ติ้ง คลับ เดอ บราก้า พวกเขาอาจไม่ใช่แชมป์ลีกสูงสุด แต่พวกเขาคือ "ยักษ์ใหญ่ลำดับที่สี่" ผู้มีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน, การบริหารจัดการที่ชาญฉลาด และจิตวิญญาณของนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ "Os Arsenalistas": สโมสรที่สร้างขึ้นจากโมเดลที่ชาญฉลาด ฉายา "Os Arsenalistas" (ชาวอาร์เซนอล) ของบราก้ามาจากชุดแข่งสีแดงแขนขาวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสโมสรดังแห่งลอนดอน แต่ความคล้ายคลึงไม่ได้มีแค่นั้น บราก้าได้สร้างตัวเองขึ้นมาเป็นสโมสรที่ "ฉลาด" ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป หัวใจของความสำเร็จของพวกเขาคือ การบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ Big Three มีฐานแฟนบอลและงบประมาณที่ใหญ่กว่ามหาศาล บราก้ากลับต่อสู้ด้วย: เครือข่ายแมวมองที่เฉียบคม: พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากในการค้นหาเพชรเม็ดงามจากลีกรองหรือจากอเมริกาใต้ในราคาที่ไม่แพง การพัฒนาและขายต่อ: บราก้าคือ "Selling Club" ที่สมบูรณ์แบบ พวกเขาพัฒนาผู้เล่นจนมีมูลค่าสูงแล้วขายออกไปเพื่อทำกำไรมหาศาล (เช่น วิตินญ่า, ดาวิด คาร์โม) ก่อนจะนำเงินนั้นกลับมาลงทุนสร้างทีมใหม่อย่างชาญฉลาด ความมั่นคงทางการเงิน: โมเดลนี้ทำให้สโมสรมีความมั่นคงและสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญบอลถ้วย แม้ว่าการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด (Primeira Liga) จะเป็นเหมือน "กำแพงที่มองไม่เห็น" สำหรับพวกเขา แต่บราก้าได้กลายเป็น ผู้เชี่ยวชาญในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย พวกเขาคว้าแชมป์ Taça de Portugal (บอลถ้วยหลัก) และ Taça da Liga (ลีกคัพ) มาครองได้หลายสมัยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถ้วยรางวัลเหล่านี้คือเครื่องยืนยันความสำเร็จที่จับต้องได้ และเป็นบทพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ได้ในเกมที่ตัดสินกันนัดต่อนัด กำแพงที่ไม่มีวันทลาย: ความฝันแห่งแชมป์ลีกสูงสุด นี่คือดราม่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร บราก้าจบใน 4 อันดับแรกของตารางคะแนนอย่างสม่ำเสมอ และเคยเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ลีกมากที่สุดด้วยการจบอันดับ 2 ในฤดูกาล 2009-10 แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถก้าวไปถึงฝั่งฝันได้ การผูกขาดของ Big Three ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์, ฐานแฟนบอล และอิทธิพล ทำให้การสอดแทรกขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกเป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การที่บราก้าสามารถยืนหยัดท้าทายพวกเขาได้อย่างต่อเนื่องทุกฤดูกาล คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาได้รับความเคารพจากทั่วทั้งโปรตุเกส สังเวียนในเหมืองหินและเวทียุโรป เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของบราก้าคือสนามเหย้า เอสตาดิโอ มูนิซิปาล เดอ บราก้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่สุดในโลก ด้วยการออกแบบที่แกะสลักเข้าไปในหน้าผาของเหมืองหินเก่า เป็นภาพสะท้อนของสโมสรที่ไม่เหมือนใคร ในเวทียุโรป พวกเขาก็ไม่ใช่ไม้ประดับ จุดสูงสุดคือการทะลุเข้าถึง รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ในปี 2011 และการได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับทวีปอย่างสม่ำเสมอ (ทั้งแชมเปียนส์ลีกและยูโรปาลีก) คือเครื่องยืนยันสถานะของพวกเขาในฐานะสโมสรระดับคุณภาพของยุโรป บทสรุป: ยิ่งใหญ่กว่าแค่อันดับสี่ บราก้ายังคงเดินหน้าต่อไปในเส้นทางของผู้ท้าชิง แม้ว่าประวัติศาสตร์ของพวกเขาจะถูกนิยามด้วยการไล่ล่าแชมป์ลีกที่ยังไม่สำเร็จ แต่มรดกของพวกเขาก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว บราก้าคือ ต้นแบบของสโมสรฟุตบอลสมัยใหม่ ที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยการบริหารจัดการที่ชาญฉลาดและความทะเยอทะยานที่ไม่สิ้นสุด ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาไม่ได้วัดกันที่ถ้วยแชมป์ลีกที่ยังไม่เคยได้ แต่คือความกล้าหาญที่จะต่อสู้เพื่อมันอย่างไม่เคยหยุดพัก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็น "ยักษ์ใหญ่" ในแบบของตัวเอง รูปหน้าปก : รูปที่1 รูปภาพที่1/2/3/4 : จากเฟสบุ๊ค SC Braga ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !