รีเซต
TRUE TALK : เดาใจ 11 ตัวจริง นัดเปิดสนามของ “โค้ชโย่ง” และสถิติที่น่ากดดัน ... by "จอน"

TRUE TALK : เดาใจ 11 ตัวจริง นัดเปิดสนามของ “โค้ชโย่ง” และสถิติที่น่ากดดัน ... by "จอน"

TRUE TALK : เดาใจ 11 ตัวจริง นัดเปิดสนามของ “โค้ชโย่ง” และสถิติที่น่ากดดัน ... by "จอน"
armcasanova
14 สิงหาคม 2561 ( 11:02 )
3.8K

สิ้นสุดการรอคอยของแฟนฟุตบอลชาวไทย เพราะวันนี้ 14 สิงหาคม 2561 คือดีเดย์นัดเปิดสนามของทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลเอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ที่จะพบกับ ทีมชาติกาตาร์ ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี ซึ่งจะแข่งขันเวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

“ช้างศึก” ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ กับงานหนักอึ้งในกลุ่มที่มีทั้งอุซเบกิสถาน แชมป์จากศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งล่าสุด และ กาตาร์ อันดับสามจากรายการเดียวกัน

“มูรินโย่ง” จะจัดทีมอย่างไรในเกมแรก เพื่อเป้าหมายของการเข้ารอบน็อคเอาท์ให้ได้เป็นอย่างน้อย เราลองมาเดาใจเฮ้ดโค้ชร่างใหญ่คนนี้กัน…..

ระบบ 4-2-3-1

ระบบเดียวกับที่ใช้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ เริ่มต้นกันที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่มีสองคนให้เลือกระหว่าง นนท์ ม่วงงาม จาก โปลิศ เทโร เอฟซี และ ขวัญชัย สุขล้อม จาก พีที ประจวบ เอฟซี ซึ่งจากฟอร์มการเล่นโดยภาพรวมของทั้งส่วนตัว และสโมสร รวมถึงจากความมั่นใจ บวกอายุที่มากกว่า มีแนวโน้มว่า “ปีเตอร์ ช็อป” ขวัญชัย สุขล้อม จาก ต่อพิฆาต น่าจะได้ลงเฝ้าเสาในช่วงค่ำวันนี้

แผงหลัง 4 คน แบ็คซ้าย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก สุริยา สิงห์มุ้ย จาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ได้ลงสนามแน่นอน หากไม่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนแบ็คขวา จากการเปรยของ “โค้ชโย่ง” ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ค่อนข้างแน่นอนว่า รัตนากร ใหม่คามิ มิดฟิลด์ตัวรับจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะได้ทำหน้าที่นี้ หลังมีการตัดชื่อของ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ แบ็คขวาตัวจริงในทีมชุด ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ของ โซรัน ยานโควิช ออกจากทีมไป

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟสองคน ชินภัทร ลีเอาะ จาก “กว่างโซ้งมหาภัย” ที่ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่แล้ว น่าจะเป็นตัวหลักในแผงหลัง ส่วนอีกรายชื่อนั้น มีตัวเลือกระหว่าง ศฤงคาร พรมสุภะ จาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ วรวุฒิ นามเวช ของ การท่าเรือ เอฟซี ซึ่งมีแนวโน้มว่า “เจ้าหน่ง” ศฤงคาร ในวัย 21 ปี น่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมวันนี้

มากันที่มิดฟิลด์แดนกลางสองคน ด้วยความที่ทีมชุดนี้ของโค้ชโย่ง เน้นเกมรับเป็นหลัก ทำให้เชื่อว่า ตัวหลักหนึ่งคนที่อยู่ตั้งแต่แชมป์ชุดซีเกมส์ 2017 จะเป็น นพพล พลคำ ฮาร์ดแมนจาก “มังกรโล่เงิน” เพราะนี่คือกลางรับธรรมชาติคนเดียวที่เหลือ เพราะ “เจ้าเกม” รัตนากร จะถูกโยกไปเล่นแบ็คขวา

ส่วนคู่หูในแผงแดนกลาง มีตัวเลือกชั้นดีอีกสองคน แต่คิดว่า พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล กองกลางจอมขยันจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะได้รับโอกาสก่อน สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ เพราะเล่นเกมรับได้ดีกว่า

สำหรับตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ แทบไม่ต้องเดาอะไรให้วุ่นวาย เพราะมิดฟิลด์เบอร์ 10 ของทีมชุดนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ ตัวรุกจาก ชลบุรี เอฟซี ที่ซัดไปแล้ว 14 ประตูในซีซั่นนี้ทุกรายการให้กับ “ฉลามชล”

ริมเส้นด้านข้างสองฝั่ง ธนาสิทธิ์ ศิริผลา น่าจะได้ยืนฝั่งขวา โดยมี มนตรี พรหมสวัสด์ เป็นตัวแสตนบาย ส่วนฝั่งซ้าย สุภโชค สารชาติ จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะทำหน้าที่ตรงนี้ หรืออีกรายอย่าง ชัยวัฒน์ บุราณ ก็มีโอกาสเช่นกัน ขณะที่กองหน้า ในเมื่อมีตำแหน่งกัปตันทีมแล้ว “เจนรบ สำเภาดี” หัวหอกตัวเป้าจาก “กิเลนผยอง” เขาจะไม่ได้ลงได้อย่างไร

 

หลังสาม? หน้าคู่? มิดฟิลด์เบอร์ 10? …. ความยืดหยุ่นของทีมชุดนี้

สำหรับ 11 ตัวจริงที่ผมลองเดาใจ “โค้ชโย่ง” นั้น เกิดจากการเดาล้วนๆ แต่ด้วยความยืดหยุ่นของทีมชุดนี้ ที่มีมากพอสมควร เราอาจจะได้เห็นอะไรที่แตกต่างออกไป ทั้งเรื่องของระบบ หรือการปรับตำแหน่งของบางคน

เริ่มต้นกันที่ การเล่นหลังสาม หากเล่นในระบบกองหลังสามคน ก็เป็นไปได้ว่า สุริยา สิงห์มุ้ย อาจจะถูกหุบเข้ากลาง มาคู่กับ ชินภัทร ลีเอาะ และ ศฤงคาร พรมสุภะ โดยฝั่งซ้ายจะมี วันชัย จารุนงคราญ หรือ ชัยวัฒน์ บุราณ เล่นวิงด้านซ้าย และฝั่งขวาจะเป็น ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ซึ่งทำให้ รัตนากร ใหม่คามิ อาจจะได้กลับไปยืนตำแหน่งเดียวกับที่เขาถูกใช้งานมาโดยตลอดที่ดินแดน “ปราสาทสายฟ้า”

หน้าคู่? ก็อาจจะเป็นอีกมิติที่เกิดขึ้น ซึ่งดูจากตัวผู้เล่นแล้ว หลายคนมองว่า กองหน้าคู่มีสิทธิ์ใช้งานแค่ เจนรบ กับ ศุภชัย ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะ “เจ้าอาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด มีความยืดหยุ่นในการยืนพื้นที่อยู่ในตัวเอง เพราะเขาสามารถลงต่ำมาเล่นกองกลางได้ โดยที่หน้าคู่ “โค้ชโย่ง” ยังสามารถดัน วรชิต หรือ สุภโชค ขึ้นไปจับคู่กับรุ่นพี่อย่าง เจนรบ ได้

เราอาจจะได้เห็น ศุภชัย ใจเด็ด คู่กับ รัตนากร ใหม่คามิ ในตำแหน่งกองกลาง โดยมี สุภโชค สารชาติ เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกก็ได้ โดยที่ วรชิต จะถูกดันขึ้นไปเล่นกองหน้าคู่กับสายตั๊นอย่าง เจนรบ สำเภาดี

อันที่จริง อีกจุดเด่นของทีมชุดนี้ นั่นคือ การมีมิดฟิลด์เบอร์ 10 ให้เลือกใช้งานถึง 3 คน ทั้ง วรชิต, สุภโชค และน้องใหม่อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา สุดยอดวันเดอร์คิดส์อีกคนของเมืองไทย ที่ไม่แน่ว่า โค้ชโย่ง อาจจะมีสูตรพิเศษที่ลงตัวให้สามคนนี้เล่นด้วยกันได้ ในทีมชีตเดียวกัน แม้ใครหลายคนจะบอกว่า เสือสอง (สาม) ตัวมักจะอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ก็ตาม

 

สถิติที่เคยมี และความกดดันในเกมเริ่มต้น

ไม่ใช่แค่ปัจจัยภายในสนามเท่านั้น ที่จะทำให้นักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดนี้เกิดความกดดัน ปัจจัยภายนอกก็สำคัญไม่ต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากย้อนกลับไปเกมนัดเปิดสนามของ “ช้างศึก” ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ 5 ครั้งหลังสุด จะพบว่า ทีมชาติไทย ประเดิมสนามได้แบบ ชนะรวด 100% ชนิดที่ไม่เสียประตูเลย

เริ่มจากปี 2014 ที่ชนะ มัลดีฟส์ 2-0 ก่อนจบที่อันดับ 4 อย่างยิ่งใหญ่ที่อินชอนเกมส์ ประเทศเกาหลีใต้ ตามด้วยปี 2010 ประเดิมชนะ ปากีสถาน 6-0 ก่อนเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปแพ้ ญี่ปุ่น ทีมแชมป์ของปีดังกล่าว ด้วยสกอร์ 0-1

ปี 2006 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ นั้น ทีมชาติไทย ได้ประตูโทนจาก สุเชาว์ นุชนุ่ม ทำให้เอาชนะ ปาเลสไตน์ ไปได้ในเกมแรก 1-0 ก่อนจะสิ้นสุดที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังแพ้เจ้าภาพ กาตาร์ 0-3 ถอยไปอีก 4 ปี ทีมชาติไทยจบอันดับ 4 ในครั้งที่ ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ มีการกำหนดอายุครั้งแรก ให้ไม่เกิน 23 ปี และมีโควตาอายุเกิน 3 ปี เฉกเช่นกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โดยทีมชาติไทย เริ่มต้นด้วยการเอาชนะ เยเมน 3-0

เอเชี่ยนเกมส์ ปี 1998 ที่สุดของความทรงจำที่ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ยังเล่นฟุตบอลอยู่กับทีมชาติไทย ซึ่ง “ช้างศึก” ชุดดังกล่าว เริ่มต้นเอเชี่ยนเกมส์ที่บ้านเกิดด้วยการเอาชนะ ฮ่องกง 5-0 ก่อนจะเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย จากประตูโกลเด้นโกลของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เอาชนะเกาหลีใต้ ได้แบบชนิดที่สะใจแฟนบอลชาวไทยทั่วสนาม

….. และนี่คือการเดาใจ 11 ผู้เล่นของทีมชาติไทย ในช่วงค่ำวันนี้ บวกกับสถิติที่ยอดเยี่ยมของรุ่นพี่ในห้าครั้งหลังสุด ที่จะทำให้ความกดดันเพิ่มขึ้นอีกไปไม่น้อย และผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะต่อสู้กับความกดดันนี้ได้แค่ไหน

เดี๋ยวคืนนี้ได้รู้กันแน่นอน…. 

“จอน”

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้