ในช่วงตลาดซื้อขาย 2 ปีที่ผ่านมากับการเขามาเทคโอเวอร์สโมสรเชลซีของกลุ่มทุนที่นำโดย ทอดด์ โบห์ลี ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะมหาศาล 3 ตลาดเกือบ 1,000 ล้านปอนด์ เขาไปแล้ว โดยที่ 2 ดีลกองกลางหลังสุดที่มีระดับทะลุ 100 ล้านปอนด์อย่าง เอ็นโซ เฟอร์นันเดส (106 ล้านปอนด์) และมอย ไคเซโด้ (115) ล้านปอนด์ ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่า เชลซีจะโดนลงโทษกฎ "ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์" (FFP) หรือไม่วันนี้ผม รวมพลังส้มตำไก่ย่าง จะพามาทำความรู้จักและเขาใจเรื่องนี้กันครับกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ คืออะไร ? (Financial Fair Play) FFPกฎ Financial Fair Play (FFP) คือ กฎการเงินที่สหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป หรือ ยูฟ่า (UEFA) กำหนดขึ้นมาเพื่อควบคุมการใช้จ่ายของสโมสรในยุโรป เพื่อให้แต่ละสโมสรไม่ใช้จ่ายเงินเกินตัวและเพื่อความเท่าเทียมกับทีมเล็กทีมใหญ่ โดยกำหนดให้รายได้กับรายรับสโมสรต้องสอดคล้องกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการล้มละลายของสโมสรหรือปัญหาการเงินอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้เหมือนหลาย ๆ เคสในอดีต กฎนี้ถูกเสนอมาในช่วงปี 2009 ก่อนที่จะถูกบังคับใช้จริงจังในฤดูกาล 2011/2012 ซึ่งกฎนี้ก็ถูกปรับปรุงแก้ไขเรื่อยมาตลอดระยะเวลาที่เริ่มใช้งานตลอดเกือบ 10 ปี นอกจากนี้กฎ FFP ยังถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ FFP ของทาง ยูฟ่าโดยตรงและ FFP ของทางพรีเมียร์ลีกเองในส่วนนี้ผมขออนุญาตอธิบายแค่ในส่วนของกฎ FFP ของทางยูฟ่าเพียงอย่างเดียวก่อนนะครับไว้มีโอกาสจะมาอธิบายในส่วนของกฎ FFP ของพรีเมียร์ลีกเสริมให้อีกครั้งทำความรู้จักกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ของยูฟ่า ขอกล่าวโดยสรุปใจความหลักสำคัญของกฎ FFP ของทางยูฟ่านั้น ทางยูฟ่ากำหนดไว้ว่าแต่ละสโมสรสรนั้นสามารถขาดทุนภายในระยะเวลา 3 ปีได้ไม่เกิน 60 ล้านยูโรและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของสโมสรอาทิ ค่าเหนื่อยนักเตะ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ต้องไม่เกิน 70 % ของรายได้รวมของสโมสรเชลซีกับโอกาสโดนลงโทษจากการทำผิดกฎ FFPก่อนอื่นเราต้องมาดูก่อนว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีหลังสุดที่ผ่านมาเชลซีใช้จ่ายไปเท่าไรกับการซื้อขายนักเตะรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากย้อนไปดูในแต่ละปีที่ผ่านมานั้นเชลซีมีฤดูกาลที่จับจ่ายไปมากพอสมควรในช่วงหลัง 2 ปีหลัง อาจจะมีสะดุดไปบ้างเล็กน้อยในช่วงที่ถูกคว่ำบาตรจากกรณีเสี่ยหมีถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับปูตินในช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ผ่านมา แต่ภายหลังจากพวกเขาได้เจ้าของใหม่อย่างกลุ่มทุนของทอดด์โบห์ลี พวกเขาทุ่มเงินลงทุนซื้อนักเตะไปแล้วกว่า 1,000 ล้านปอนด์ อีกทั้ง ค่าเหนื่อยในช่วงต้นของการเทคโอเวอร์ก็ให้เยอะพอสมควรเพิ่งมาปรับเปลี่ยนในช่วงหลัง ไหนจะมีประเด่นเรื่องของการที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปจึงทำให้นักเตะบางส่วนถูกลดค่าเหนื่อยลง 30 % เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง นอกจากนี้ยังพยายามปล่อยนักเตะส่วนเกินหรือค่าเหนื่อยแพงออกจากทีมไปอีกด้วยแต่นั้นอาจจะยังไม่เพียงพอถ้าเทียบกับการจ่ายเงินทุมซื้อนักเตะที่เขามาใหม่ระดับ100+ ทั้งเอ็นโซเฟอร์นันเดส มูดริก หรือในรายล่าสุดอย่างไคเซโด้ เป็นต้น การลงบัญชีเพื่อลีเลี่ยงกฎ FFP เชลซีใช้วิธีแบ่งการลงทะเบียนตามระยะเวลาสัญญาของนักเตะ ดึงจะเห็นได้จากจำนวนสัญญาที่เยอะมาก ๆ หลัก 7-8 ปีของนักเตะใหม่หลายคนเพื่อที่จะได้ลงบัญชีแบ่งจ่ายตามระยะเวลาสัญญา ยกตัวอย่างเช่นดีล เอ็นโซที่ค่าตัว 120 ล้านปอนด์เชลซีเซ็นสัญญา 8 ปี ก็จะเท่ากับว่า 106 หาร 8 จะได้ตัวเลขที่ลงในบัญชี ประมานปีล่ะ 13 ล้านปอนด์ในดีลนี้ หรือ ในรายของดีลอื่น ๆ ก็เช่นกัน นั้นทำให้ล่าสุดฟีฟ่าได้ออกกฎใหม่ออกมาว่าทีมฟุตบอลจะเซ็นสัญญานักเตะกี่ปีก็ได้แต่จะลงทะเบียนในไฟแนนเชียลได้มากสุดต่อดีล 5 ปีเท่านั้นจึงทำให้ในรายของไคเซโด้อาจจะต้องปรับการลงบัญชีเป็นแบบ 115 ล้านปอนด์หาร 5 จะตกปีล่ะ 23 (ถ้ากฎนี้เริ่มใช้แต่ยังไม่ทีความชัดเจนในข้อมูลส่วนนี้) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นกับเทคนิคที่เชลซีใช้ช่องโหวของกฎไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ทำให้เกิดดีลบ้าคฃั่งเกิดขึ้นมาตฃอดภายใต้เจ้าของอย่างกลุ่มทุนทอดด์โบห์ลี โบห์ลีได้แสดงให้เห็นตามที่เขาเคยพูดไว้ว่า "กฎ FFPไม่ศักดิ์สิทธิ์จริงเดี๋ยวผมจะแสดงให้ดู" เขาก็ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ภายในระยะเวลา 3 ตลาด ล่อไปเกือบ 1,000 ล้านปอนด์แล้ว สรุปและความคิดเห็นจากผู้เขียน เชลซีจะโดนลงโทษจากกฎ FFP หรือไม่ ? ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเชลซีมีโอกาสที่จะโดนลงโทษจากฎ ไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์เช่นกันถ้าหากว่าไม่สามารถหารายได้เข้ามาเพิ่มได้ จากการขายนักเตะ สปอนเซอร์หรือการกลับไปเล่นในฟุตบอล UCL เพราะถ้าดูอิงจากตัวเลขย้อนหลังคราว ๆ รายจ่ายพวกเขาสูงพอสมควรยิ่งในช่วง2-3ตลาดหลังภายใต้เจ้าของใหม่อย่าง ทอดด์ โบห์ลี ที่ช๊อปใช้จ่ายไปรวม ๆ เกือบ 1,000 ล้านปอนด์ จึงทำให้น่าเป็นห่วงในส่วนนี้พอสมควรซึ่งถ้าแก้ได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ บทลงโทษก็อาจจะมีทั้งปรับเงิน ลดจำนวนนักเตะที่สามารถลงทะเบียนได้ จำกัดวงเงินการซื้อขายร้ายแรงหน่อยอาจจะถึงขั้นตักแต้มหรือปรับตกชั้นซึ่งบทลงโทษ 2 อันหลังน่าจะเป็นไปได้น้อยที่สุด สุดท้ายเราต้องมารอดูกันว่าเชลซีจะรอดหรือไม่ในอนาคตอันใกล้นี้เราน่าจะได้รู้สุดท้ายนี้หากท่านชื่นชอบบทความของผมสามารถติดตามผมได้ตามช่องทางดังนี้ แฟนเพจ Facebook : รวมพลังส้มตำไก่ย่างhttps://www.facebook.com/profile.php?id=100035569525894&mibextid=ZbWKwLบทความแนะนำรวมพลังส้มตำไก่ย่างhttps://intrend.trueid.net/article/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81-4-%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-premier-league-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A4%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5-2023-2024-trueidintrend_350287ขอบคุณภาพประกอบจาก : Twitter : Chelsea FC / เว็บไซด์ official : Chelsea FCภาพปก 1 / ภาพปก 2 / ภาพปก 3 / ภาพปก 4 / ภาพปก 5 ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5 / ภาพประกอบ 6 อัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'