พรีเมียร์ลีก 2018/2019 : ถึงเวลา "ลิเวอร์พูล" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ? ... by "บก.เก้น"
ยังคงได้รับความนิยม และถูกขนานนามจากแฟนบอลทั้งโลกว่าเป็นลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกไม่เปลี่ยน สำหรับศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ใกล้จะถือฤกษ์เปิดฉากขึ้นในสัปดาห์ที่สองของเดือนสิงหาคมนี้แล้ว
วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับหนึ่งในสโมสรที่มีแฟนบอลติดตามมากที่สุดในโลกอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการทุ่มเม็ดเงินเสริมทัพดึงนักเตะฝีเท้าดีร่วมทีมจำนวนมหาศาล เพื่อเป้าหมายเดียวนั่นคือการผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์
ลิเวอร์พูล
ฉายา : หงส์แดง
ตัวย่อ : LFC
ก่อตั้ง : 3 มิถุนายน 1892 (126 ปี)
สนาม : แอนฟิลด์
ความจุ : 54,074
เจ้าของทีม : เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป
ประธานสโมสร : ทอม เวอร์เนอร์
ผู้จัดการทีม : เยอร์เก้น คล็อปป์
ผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมา : พรีเมียร์ลีก อันดับ 4
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ : www.liverpoolfc.com
บทวิเคราะห์
162 ล้านปอนด์ คือเม็ดเงินกลมๆ ที่ทัพ “หงส์แดง” ทุ่มไปแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนใจคู่แข่งใดๆ ทั้งสิ้น เยอร์เก้น คล็อปป์ โฟกัสการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ไปที่การอุดรอยรั่วจากซีซั่นที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่เหล่า “เดอะ ค็อป” ทั้งโลกต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการด่วน นั่นจึงเป็นที่มาของการคว้านายทวารมือหนึ่งทีมชาติบราซิลอย่าง อลิสสัน จาก โรม่า ด้วยค่าตัวทุบสถิติโลก แน่นอน นี่คือการซื้อเพื่อยกระดับเกมรับของทีมอยางแท้จริง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บอสเจเค คว้า เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค มาด้วยค่าตัวทุบสถิติโลกเช่นเดียวกัน
การได้ นาบี เกอิต้า มาสานต่อตำนานหมายเลข 8 แทนที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อาจเป็นอีกหนึ่งการเดิมพันที่น่าสนใจเอามากๆ ด้วยความฟิต ความทุ่มเท และพละกำลังอันเหลือล้นคล้ายๆ “สตีวี่จี” บวกกับทีเด็ดการพังประตูจากลูกยิงไกล การสอดขึ้นมาเป็นทางเลือกในกรอบเขตโทษ ตลอดจนลูกฟรีคิก ดาวเตะทีมชาติกินีรายนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ และยกระดับให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นหงส์ติดปีก 4.0 เพื่อเป้าหมายเดียวนั่นคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
ด้านแนวรุก แม้ว่า คล็อปป์ จะไม่ได้เน้นทุ่มซื้อใครเข้ามาเป็นพิเศษ แต่การได้พ่อมดสวิสฯ อย่าง เซอร์ดาน ชากิรี่ มาเป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญเคียงข้าง ซาดิโอ มาเน่ และนักเตะที่แฟนบอลลิเวอร์พูลหวงที่สุดอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่ายอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ทีมนี้ พร้อมแล้วที่จะใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสูบด้วยขุนพลที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคือ “ของจริง” จากฤดูกาลที่ผ่านมา
รายชื่อนักเตะ ลิเวอร์พูล ประจำฤดูกาล 2018/2019
ผู้รักษาประตู : อลิสสัน, ลอริส คาริอุส, ซิมง มิโญเล่ต์
กองหลัง : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนี่ยล ไคลน์, เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, เดยัน ลอฟเรน, รักนาร์ คลาวาน, โจ โกเมซ, อัลแบร์โต้ โมเรโน่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โจเอล มาติป
กองกลาง : จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, มาร์โก้ กรูยิช, อดัม ลัลลาน่า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า, ลาซาร์ มาร์โควิช, เชยี่ โอโจ้, เปโดร ชิริเบย่า, เซอร์ดาน ชากิรี่
กองหน้า : โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โดมินิก โซลันกี้, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ดิว็อค โอริกี้
สถิติสโมสร (นักเตะ)
ลงเล่นมากที่สุด (ทุกรายการ) : เอียน คัลลาแกน, 857 นัด
ยิงประตูมากที่สุด (ทุกรายการ) : เอียน รัช, 346 ประตู
ทำประตูรวมสูงสุดในหนึ่งฤดูกาล (ทุกรายการ) : เอียน รัช, 47 ประตู
ทำประตูรวมสูงสุดในฤดูกาลแรกกับทีม (ทุกรายการ) : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, 44 ประตู (ฤดูกาล 2017/2018)
ทำประตูรวมในฟุตบอลยุโรปมากที่สุด : สตีเว่น เจอร์ราร์ด, 41 ประตู
อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ : เบน วู้ดเบิร์น, 17 ปี 45 วัน (พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด, 29 พฤศจิกายน 2016)
อายุมากที่สุดที่ทำประตูได้ : บิลลี่ ลิดเดล, 38 ปี 55 วัน (พบ สโต๊ก ซิตี้, 5 มีนาคม 1960)
ค่าตัวแพงสุด (ซื้อ) : เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ จาก เซาธ์แฮมป์ตัน 75 ล้านปอนด์ (1 มกราคม 2018)
ค่าตัวแพงสุด (ขาย) : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ไป บาร์เซโลน่า 142 ล้านปอนด์ (6 มกราคม 2018)
ทำเนียบแชมป์
ดิวิชั่น 1 (เดิม) : 18 สมัย
เอฟเอ คัพ : 7 สมัย
ลีกคัพ : 8 สมัย
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ : 15 สมัย
ยูโรเปี้ยน คัพ / ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 5 สมัย
ยูฟ่า คัพ / ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก : 3 สมัย
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ / ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ : 3 สมัย
รู้จักเฮดโค้ช : เยอร์เก้น คล็อปป์
ผลงานการคว้ารองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นที่แล้ว รวมถึงการจบด้วยตำแหน่ง Top 4 คือผลงานที่เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” ทั่วโลกล้วนแฮปปี้กับการทำทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยสไตล์การเล่นที่เดินเกมรุกแบบเทหมดหน้าตัก ทำให้หลายๆ คนต่างนึกย้อนไปถึงยุคที่ ลิเวอร์พูล ถูกขนานนามว่าเป็น “เครื่องจักรสีแดง”
แต่ด้วยปัญหาในเกมรับที่มักจะเสียประตูง่ายๆ อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะการรับมือลูกกลางอากาศ คือปัญหาที่ ลิเวอร์พูล ในยุคของบิ๊กบอสเมืองเบียร์ยังแก้ไม่หาย ฉะนั้น การดึง อลิสสัน มาปิดจุดบอดในครั้งนี้ อาจจะเป็นอีกหนึ่งการเดิมพันครั้งสำคัญว่า เจเค คิดถูกหรือไม่กับไพ่ใบนี้
ผลงานสาม “รอง” แชมป์จากสามฤดูกาล บวกกับการติด Top 4 สองฤดูกาลหลังสุด ถือเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของ ลิเวอร์พูล ฉะนั้น เม็ดเงิน 162 ล้านปอนด์ที่ถือเป็นการใช้จ่ายที่มากสุดในประวัติศาสตร์สโมสร จะกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่คอยกดดันให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องงัดกึ๋นทุกกลเม็ดเด็ดเพื่อพายักษ์หลับจากเมอร์ซีย์ไซด์กลับมาทวงความยิ่งใหญ่เหนือเกาะอังกฤษให้ได้สถานเดียว แต่จะสุขสมหวังสำเร็จดั่งที่หวังไว้หรือไม่นั้นต้องคอยติดตามกันดู
สตาร์เด่น : โมฮาเหม็ด ซาลาห์
การย้ายมาสู่เกาะอังกฤษครั้งแรกของ ซาลาห์ อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าจดจำของเจ้าตัวกับเชลซีสักเท่าไหร่นัก หลังตลอด 3 ปี กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” (2014-2016) “โม ซาลาห์” ลงสนามให้กับต้นสังกัดไปเพียง 13 นัด และถูกย้ายให้ไปเล่นกับทั้ง ฟิออเรนติน่า รวมถึง โรม่า ตลอด 2 ปีหลัง ด้วยสัญญายืมตัว
แต่ด้วยความกระหายในการลงสนาม “เมสซี่แห่งอียิปต์” ได้ขอขึ้นบัญชี และได้ย้ายไปร่วมทีม “หมาป่า” อาแอส โรม่า ตามที่หวังได้สำเร็จ ก่อนระเบิดฟอร์มสุดยอดในฤดูกาล 2016-2017 ด้วยการยิงไป 15 ประตู กับ 11 แอสซิตส์ ด้วยเหตุนี้ฟอร์มสุดพีคของเขาจึงไปเข้าตาแมวมองทัพ “หงส์แดง” ก่อนคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยราคาเพียง 34.3 ล้านปอนด์
เพียงฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล (2017-2018) เจ้าตัวพาทีมจบอันดับ 4 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมพาทีมจบด้วยฐานรองแชมป์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกทั้ง ซาลาห์ ยังคว้ารางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน อาทิเช่น ดาวซัลโวประจำลีก , รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ รวมไปถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทวีปแอฟริกา หากจะบอกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือความหวังสูงสุดของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ก็คงไม่ผิดแต่อย่างใด
หากพ่อมดลูกหนังอียิปต์รายนี้ยังสามารถรักษามาตรฐานการเล่นให้คงเส้นคงวาไม่เปลี่ยน รวมถึงไม่โชคร้ายพบกับอาการบาดเจ็บหนักๆ มั่นใจได้เลยว่า แนวรุกลิเวอร์พูลที่นำโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นั้นดีพอกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกยาวๆ เช่นกัน
“บก.เก้น”
อัพเดท ตลาดซื้อขายนักเตะ พรีเมียร์ลีก 2018/19
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports