ความสำเร็จของลิเวอร์พูลจากการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้เป็นครั้งแรกหลังจากรอคอยมา 30 ปี ทั้งที่ผ่านไปเพียงแค่ 31 นัด ถือเป็นแชมป์ที่ได้อย่างรวดเร็วที่สุดของพรีเมียร์ลีกโค่นเจ้าของสถิติเก่าอย่างคู่รักคู่แค้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทำไว้ในนัดที่ 33 เร็วกว่าถึง 2 นัด ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนสำคัญมาจากชายที่ชื่อ เยือร์เกิน คล็อพ ที่วันนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูลไปแล้วด้วยบุคลิกที่เคร่งขรึม มีอารมณ์ร่วมกับเกมในกระกระตุ้นลูกทีมอย่างดูบ้าคลั่ง แต่นอกสนามกลับเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน เรื่องราวชีวิตของเค้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างน่าสนใจ เราจะพาไปเจาะชีวิต Jürgen Klopp จากจุดเริ่มต้น ผ่านช่วงเวลาที่ย่ำแย่ จนมาถึงความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิต ชีวิตของ เยือร์เกิน คล็อพ เริ่มต้นที่เมืองสตุ๊ตการ์ท ในปี ค.ศ.1960 เมื่อครอบครัวของเค้าที่จัดได้ว่าฐานะปานกลาง คุณพ่อ นอร์เบิร์ต คล็อพ อาชีพพนักงานขายแต่เคยเป็นผู้รักษาประตูในลีกสมัครเล่น หวังจะให้ เยือร์เกิน คล็อพ เจริญรอยตามก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลเช่นเดียวกับตัวเองที่เคยเป็นผู้รักษาประตูในลีกสมัครเล่น แต่คล็อพในวัยเด็กที่ชื่อเล่นว่า Kloppo กลับรู้สึกว่าตัวเองอยากเป็นหมอมากกว่า แต่โรงเรียนให้ความเห็นว่าเค้าเหมาะกับการเป็นนักฟุตบอล จนเมื่อเรียนจบ เยือร์เกิน คล็อพ ได้เริ่มอาชีพแรกด้วยการทำงานในร้านเช่าวิดีโอ และเริ่มต้นฝึกหัดฟุตบอลที่สโมสร Rot-Weiss Frankfurt ในระดับลีกสมัครเล่นอยู่ 1 ฤดูกาลในปี ค.ศ.1989 แม้ว่าจะเป็นในระดับสมัครเล่น นักฟุตบอลส่วนใหญ่เตะบอลไปทำงานไป แต่ฝีเท้าของเค้าได้ไปเตะตาแมวมองของสโมสร ไมนซ์ 05 ในระดับลีก 2 ถือว่าพัฒนาขึ้นมามากในปี ค.ศ.1990 อย่าอ่านกันเพลินลองเอามาลบกับปีเกิด จะพบว่า เยือร์เกิน คล็อพ เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงใจในวัย 30 ปีแล้ว ในตำแหน่งกองหน้า แต่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นในช่วงท้ายของชีวิต ตำแหน่งสุดท้ายของเค้าคือกองหลัง ชีวิตการเป็นนักเตะที่ ไมนซ์ ยาวนานถึง 11 ปี แต่ก็ยังคงอยู่ในลีก 2 ลงเล่นกับไมนซ์รวม 346 นัด ยิงไป 56 ประตู ถือได้ว่า เยือร์เกิน คล็อพ เป็นนักฟุตบอลระดับธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่สิ่งที่เค้าแสดงออกมาจนประทับในบอร์ดบริหารของไมนซ์คือ “ความเป็นผู้นำ” จากการที่มีสไตล์กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมที่ดีทั้งใน และนอกสนาม จึงทำให้ เยือร์เกิน คล็อพ ได้รับการเซ็นต์สัญญาขึ้นเป็นผู้จัดการทีมทันทีหลังจากแขวนสตั๊ดในวัย 40 ปี และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของบอร์ดบริหารเมื่อเค้าใช้เวลาเพียง 4 ฤดูกาล พาทีมขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุด บุนเดสลีกา ในฤดูกาล 2004-2005 แต่สิ่งที่ประวัติของเค้าไม่ได้มีการพูดถึงกันนักคือไมนซ์ ได้จบที่อันดับ 16 ในฤดูกาล 2007-2008 ตกชั้นกลับไปลีก 2 พร้อมกับการอำลาทีมเพื่อรับผิดชอบต่อผลงาน รวมแล้ว เยือร์เกิน คล็อพ ใช้เวลาอยู่ที่ไมนซ์ทั้งนักเตะ และผู้จัดการทีมยาวนานถึง 18 ปี ด้วยผลงานการพาไมนซ์ ขึ้นชั้นได้สำเร็จ ทำให้ชื่อเสียงของเค้าในเวลานั้นเริ่มรู้จักในฐานะผู้จัดการทีมดาวรุ่งที่น่าจับตา และเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ผลงานในช่วงนั้นจบเพียงอันดับ 13 เกือบตกชั้นเช่นกัน ปาดหน้าหลายทีมที่สนใจในตัวเค้า เซ็นต์สัญญาคุมทีมในปี ค.ศ.2008 และที่เสือเหลืองดอร์ทมุนด์นี่เองที่ เยือร์เกิน คล็อพ สร้างผลงานแบบเจิดจรัส พาดอร์ทมุนด์ขึ้นมาเป็นหอกข้างแคร่ บาเยิร์น มิวนิค ผลงานกับดอร์ทมุนด์คล็อพพาทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีก้า 2 สมัยซ้อนในฤดูกาล 2010-2011 และ ฤดูกาล 2011-2012 บอลถ้วย เดเอฟเบ-โพคาล ที่เทียบได้กับ FA Cup ของอังกฤษ 1 สมัย และเดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ (ลีกคัพ) 2 สมัย จนได้รางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน ในปี 2011 และ 2012 ใครที่ติดตามฟุตบอลเยอรมันคงจะทราบดีว่าการที่ใครสักทีมจะขึ้นมาทาบ บาเยิร์น มิวนิค ได้มันต้องสุดยอดมาก ๆ งานเลี้ยงย่อมมีวันสิ้นสุด ผ่านมาถึงช่วงกลางฤดูกาล 2014-2015 ผลงานของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ในตอนนั้นประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บค่อนทีม บวกกับ ชิโร อิมโมบิเล กองหน้าราคา 19.5 ล้านยูโร ที่ซื้อจากโตริโน่ ผลงานย่ำแย่ยิงในลีกได้เพียง 3 ประตูจนตกลงไปสู่ท้ายตาราง ทำให้คล็อพตัดสินใจประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อผลงานที่ดำดิ่ง สุดท้ายตัดสินใจรับงานคุมลิเวอร์พูลในปี ค.ศ.2018 ต่อจาก แบรนดอน ร็อดเจอร์ส จนถึงปัจจุบัน ผลงานที่ลิเวอร์พูลใน 3 ฤดูกาลแรกจบลงด้วยตำแหน่งรองแชมป์บอลถ้วยถึง 3 ครั้ง จนถูกตั้งฉายาว่า ราชาไร้มงกุฎ ไล่จากฤดูกาลแรกแพ้รอบชิงยูโรปาลีกต่อเซบีย่า ก่อนจะมาแพ้รอบชิงลีกคัพให้กับ แมนฯ ซิตี้ เป็นดับเบิลรองแชมป์ , ฤดูกาล 2017-2018 แพ้ เรอัลมาดริด ในนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ก่อนที่ในปีถัดมาจะทำสำเร็จด้วยการชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพื่อนร่วมลีก คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018 – 2019 ไปครองได้สำเร็จเป็นการปลดล็อคแชมป์แรกกับลิเวอร์พูล และมาถึงฤดูกาลประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ในปี 2020 ได้ชูถ้วย พรีเมียร์ลีก ในฐานะผู้จัดการทีมคนแรกในรอบ 30 ปีที่พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ ด้วยบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ ดุเดือดในสนามได้ใจลูกทีม และแฟนบอล รูปแบบการเล่นที่บุกใส่คู่ต่อสู่อย่างบ้าคลั่ง กระตุ้นนักเตะให้เค้นฟอร์มสุดยอดของตัวเองตลอดเวลา นอกสนามยังเป็นสุภาพบุรุษแทบไม่มีข่าวคราวด้านฉาวให้เห็น และเรื่องราวได้ถูกเปิดเผยจาก อุลลา ซานดรอค ภรรยาสาวสวยของเค้านี่เองว่าแท้จริงแล้ว เยือร์เกิน คล็อพ คือคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ อารมณ์ดี และใจเย็น ต่างจากภาพที่เราเห็นในสนามมาก และเป็นข่าวซุบซิบว่าเพราะภรรยาคนนี้นี่เอง ที่ทำให้คล็อพตัดสินใจง่ายขึ้นในการมาคุมลิเวอร์พูล เพราะเธอชอบการใช้ชีวิตที่เมืองแห่งนี้ เยือร์เกิน คล็อพ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการไม่ยอมแพ้ และพยายามสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองเสมอ หากมีคนบอกว่าการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกคือจุดสูงสุดในชีวิตของคล็อพ ผมคงต้องเถียงว่า นี่ไม่ใช่จุดสูงสุด คล็อพยังมีเวลาที่สโมสรแห่งนี้เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกมากมาย ตราบใดที่ความทะเยอทะยานของเค้ายังไม่หมดลง ทุกสิ่งยังเกิดขึ้นได้เสมอ ขอสดุดีจากใจแด่ Jürgen Klopp ชายผู้เป็นตำนานของเครื่องจักรสีแดง.. ภาพประกอบจาก sport.trueid.net ภาพปก 1,2 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4