มาโน่ โพลกิ้ง กับ 5 เหตุผลที่เขาควรได้ไปต่อกับทีมชาติไทย!!
ชำแหละ 5 เหตุผลที่ มาโน่ โพลกิ้ง ควรได้รับโอกาสต่อสัญญาคุมทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ต่อไป
ในที่สุดบัลลังก์ "เจ้าอาเซียน" ก็กลับมาอยู่ในมือของขุนพลช้างศึก หลังจากทีมชาติไทยผงาดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ได้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งหนึ่งในคนที่ควรได้รับเครดิตมากที่สุดคือกุนซือ มาโน่ โพลกิ้ง
อย่างไรก็ตาม คำถามคืออนาคตระหว่าง ทีมชาติไทย กับ มาโน่ โพลกิ้ง หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะสมาคมลูกหนังไทยเซ็นสัญญากับ มาโน่ ชั่วคราวระยะสั้น จนถึงจบภารกิจศึกซูซูกิ คัพเท่านั้น
แต่จากผลงานนำทัพ "ช้างศึก" ผงาดคว้าได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับแฟนบอลชาวไทย ทำให้มีกระแสจากแฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่อยากเห็น มาโน่ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ-กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ยืนบัญชาเกมอยู่ที่ข้างสนามให้กับทีมชาติไทยต่อไป
และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทีมชาติไทยไม่ควรปล่อยให้เขาคนนี้หลุดมือ...มาโน โพลกิ้ง!!
ผลงานคือคำตอบ
อย่างแรกที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ มาโน่ โพลกิ้ง ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นคือการผงาดคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ 2020 ได้สำเร็จ
ในการเซ็นสัญญามารับงานคุมทัพช้างศึก สมาคมฟุตบอลฯ ตั้งโจทย์ไว้คือ "ต้องแชมป์" สถานเดียว ซึ่ง มาโน่ ก็พุ่งชนเป้าหมายดังกล่าวได้ตามที่สมาคมฯ ต้องการ แถมเป็นแชมป์แบบประทับใจแฟนบอลด้วย โดยเฉพาะการดับซ่าคู่อริและแชมป์เก่าอย่าง เวียดนาม ในรอบรองฯ ก่อนจะมาอัด อินโดนีเซีย ในรอบชิงชนะเลิศ
หากเทียบเป็นการทำงานในบริษัท ศึกซูซูกิคัพเหมือนเป็นช่วง "ทดลองงาน" ของมาโน่ และในเมื่อเจ้าตัวได้ผลประเมินผ่านฉลุยแบบหายห่วง การได้เซ็นสัญญาเป็น "พนักงานประจำ" ก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างที่ควรจะเป็น
คุ้นเคยกับฟุตบอลไทย
มาโน่ โพลกิ้ง ถูกดึงตัวเข้ามารับงานแบบฉุกละหุก ก่อนที่ศึกซูซูกิ คัพ จะเริ่มต้นขึ้นแค่ประมาณ 2 เดือน และมีเวลาเตรียมทีม รวมตัวผู้เล่นมาซ้อมด้วยกันแบบจริงๆ จังๆ แค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น แต่ในที่สุด กุนซือเลือดบราซิเลียน-เยอรมันรายนี้สามารถปลุกทัพ "ช้างศึก" ให้กลับมาผงาดในเวทีอาเซียนได้อย่างสุดยอด
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือ มาโน่ มีความคุ้นเคยและรู้จักนักเตะไทยเป็นอย่างดี นับตั้งแต่เข้ามารับบทผู้ช่วยของ วินฟรีด เชเฟอร์ อดีตกุนซือทีมชาติไทย ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งหลังจากนั้น มาโน่ ก็คลุกคลีกับวงการฟุตบอลไทยมาตลอดนับสิบปี และเคยร่วมงานกับแข้งไทยชุดนี้มาแล้วหลายคน ดังนั้น มาโน่ จึงสามารถเลือกใช้งานผู้เล่นให้เข้ากับแท็คติกของเขาได้แบบไม่ต้องเสียเวลา เห็นได้จากบางนัดในศึกซูซูกิ ซึ่ง มาโน่ สามารถวางแท็คติกและปรับทัพนักเตะแบบยกชุดได้เลย
ไม่เพียงเท่านั้น มาโน่ยังคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและการทำงานแบบ "ไทยๆ" อยู่แล้ว นั่นทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่บแบบไม่ต้องมานั่งเสียเวลาปรับตัวกันให้ยุ่งยาก
เพื่อความต่อเนื่อง
จากเหตุผลข้างต้นคือ มาโน่ รู้จักแข้งไทยเป็นอย่างดี และมีแชมป์ซูซูกิ คัพ การันตีฝีมืออีกต่างหาก ดังนั้น หากเฮดโค้ชวัย 45 ปีรายนี้ได้อยู่สานงานต่อก็คงจะเป็นอะไรที่เพอร์เฟกต์ไม่น้อย เพราะทุกอย่างดูจะ "ลงตัว" หมดแล้ว
สมมตินะครับ…สมมติว่าสมาคมฟุตบอลฯ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับมาโน่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราจะต้องเสียเวลาเฟ้นหากุนซือคนใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรแน่นอน และถ้าสมาคมฯ เลือกใช้งานกุนซือจากต่างแดน ก็จะต้องมาเสียเวลาให้แม่ทัพคนใหม่ทำความรู้จักกับผู้เล่นไทยอีก เหมือนกับว่าเราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ยังไงยังงั้น
และที่สำคัญ ในปี 2022 มีโปรแกรมสำคัญของทีมชาติไทยรออยู่คือ ศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก ซึ่งจะลงฟาดแข้งในเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้นการมาออกสตาร์ทนับหนึ่งใหม่อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก และการให้โอกาส มาโน่ ได้ทำงานต่อไปอย่างน้อยจนถึงศึกเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก จากนั้นค่อยมาพิจารณาอนาคตกันอีกที จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ได้ใจและให้โอกาสนักเตะ
สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลประทับใจในตัวของ มาโน่ คือ ความเข้าอกเข้าใจลูกทีม รวมทั้งการสร้างบรรยากาศและการมีอารมณ์ร่วม ไม่ว่าจะเป็นการออกมาปกป้องนักเตะ หรือการให้กำลังใจ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ด้วยการเปลี่ยนตัวส่งลงสนามในเกมพบอินโดนีเซีย หลังจาก "เจ้าตอง" เพิ่งสูญเสียคุณพ่อไปก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้นไม่กี่ชั่วโมง
แถมในช่วงให้สัมภาษณ์หลังเกม มาโน่ ถึงขั้นหลั่งน้ำตาเมื่อพูดถึงการส่ง กวินทร์ ลงเล่น แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของเขาที่มีต่อลูกทีม
นอกจากนี้ มาโน่ ยังเป็นโค้ชที่พร้อมให้โอกาสนักเตะ และกล้าที่จะทดลอง อย่างที่เราได้เห็นกันในศึกซูซูกิคัพ 2020 ซึ่งมีนักเตะหน้าใหม่ๆ ได้ลงโชว์ฝีเท้าในทีมชาติหลายคน แถมมาโน่ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการให้โอกาสลูกทีมได้ลงสนามสัมผัสเกมครบทั้ง 29 คนในทัวร์นาเมนต์นี้ เรียกว่า "ได้ใจ" ลูกทีมกันไปเต็มๆ เลย
ความกระหายพิสูจน์ตัวเอง
เชื่อหรือไม่ว่า แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 คือโทรฟี่แรกในชีวิตของ มาโน่ หลังจากที่เจ้าตัวยังไม่เคยได้แชมป์ใดๆ มาก่อนเลยตลอดเส้นทางลูกหนังของเขา ทั้งสมัยที่ยังเป็นนักเตะ และในอาชีพการเป็นโค้ช
และเชื่อว่า ตำแหน่ง "แชมป์อาเซียน" น่าจะเป็นโทรฟี่สำคัญที่ทำให้ มาโน่ มีแรงกระตุ้นมากขึ้นและพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มาโน่ ถูกสบประมาทมาตลอดว่าเป็น "กุนซือไร้แชมป์" แม้กระทั่งตอนแรกที่เข้ามาคุมทัพช้างศึก มาโน่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกตั้งข้อสงสัยในฝีไม้ลายมือไม่น้อยเช่นกัน
กระทั่งในที่สุด มาโน่ ก็ใช้ผลงานในสนามแทนคำตอบและเป็นบทพิสูจน์ทุกอย่าง...
สมมติอีกครั้งว่า ถ้าทีมชาติไทยตัดสินใจ "ทางใครทางมัน" กับมาโน่ เชื่อได้เลยว่า บรรดาชาติอื่นในอาเซียนเตรียมปรี่เข้ามาจีบ เฮดโค้ชดีกรีแชมป์อาเซียน คนนี้ไปร่วมงานด้วยแน่นอน!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหม่ทีมชาติไทย ความหวัง(อีกครั้ง)ของทัพช้างศึก
- (คลิปไฮไลท์) ช้างศึกทำได้!! ไทย เจ๊าเดือด อินโดฯ 2-2 ผงาดแชมป์ซูซูกิ คัพ 2020
- ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน!! 'มาโน่' เผยเหตุใส่เชิ้ตดำ-กางเกงยีนส์ทุกนัด ยืนยันซักแล้วทุกครั้ง
- สุดแฮปปี้!! มาดามแป้ง เผย ดีใจ ไทย ผลงานเยี่ยม จ่อแชมป์ซูซูกิ คัพ 2020
- ตอบทั้งน้ำตา!! มาโน่ เผย ส่ง กวินทร์ ลงสนาม เพื่อตอบแทนความทุ่มเท
-------------------------------------------------
ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่
อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก
หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก
มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนทรรศนะ ตามประสาคนรักกีฬากันได้ที่ TrueID Community คลิกเลย!