
TRUE OPINIONS : สิ่งที่พลาด / ต้องแก้ไข / ควรปรับปรุง : โฟกัส ช้างศึก ยู-23 หลังตกรอบชิงแชมป์เอเชีย ... by "จอน"

TRUE OPINIONS : ตกรอบแรกสนิท หมดลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ ตั้งแต่นัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม สำหรับ ทีมชาติไทย ชุด ยู-23 ในการแข่งขัน ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 หลังพ่าย เกาหลีเหนือ และ ญี่ปุ่น ด้วยสกอร์เดียวกัน 0-1 แถมนัดสุดท้ายยังโดน ปาเลสไตน์ ถลุงไปอีก 1-5
ได้ 1 เสีย 7 เก็บแต้มไม่ได้ ฟอร์มก็ไม่ดี ชนิดที่ไม่รู้จะโทษใคร ปี่หรือกลอง
ด้วยเหตุนี้ ทำให้เมื่อวานต่อเนื่องยันเวลาเรียลไทม์ขณะนี้ โซเชี่ยลฟุตบอลไทย ก็ร้อนระอุ ลุกเป็นไฟ ชนิดมอดไหม้กันไปข้างแบบไม่รู้จักจบจักสิ้น
อะไรกันที่ทำให้ฟอร์มทีมชาติไทย เป็นเช่นนี้
อะไรบ้างที่พลาดไป อะไรบ้างที่ต้องแก้ไข อะไรบ้างที่ควรปรับปรุง
ผมขออนุญาตวิเคราะห์มันในแบบฉบับของผมหน่อยละกัน
ผู้ช่วยที่ดี ไม่ได้หมายถึงการเป็นเฮดโค้ชที่ดีได้ในเร็ววัน
โซรัน ยานโควิช เหยื่อรายใหญ่ของมนุษย์โซเชี่ยล ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมชุดนี้ เนื่องจากมีสัมพันธ์อันดีกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จากการเป็นผู้ช่วยของ มิโลวาน ราเยวัช ที่ทำผลงานได้ดี โดนใจผู้บริหาร และแฟนบอลชาวไทย
โซรัน เข้ามา พร้อมกับมีการลดบทบาท “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เหลือเพียงผู้ช่วย ก่อนที่เขาจะได้รับงานแรก นั่นคือ ทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง M-150 Cup 2017
ชัยชนะเหนือ ญี่ปุ่น 1-0 ในเกมเปิดหัวสร้างความหวังใหม่ แต่ความหวังก็หมด หดหายไปรวดเร็ว หลังพ่าย เกาหลีเหนือ จนกระเด็นไปชิงที่ 3 และการแพ้ เวียดนาม 1-2 ในรอบชิงที่ 3 ก็เกิดการตั้งคำถามในตัวกุนซือ วัย 43 ปี รายนี้ ทันที
พร้อมหรือยัง? กับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ขนาดชิงแชมป์เอเชีย คุ้มเสี่ยงไหมกับตำแหน่งนี้ของเขา?
และความพ่ายแพ้สามเกมรวด ก็น่าจะพิสูจน์แล้วว่า เขายังไม่ดีพอกับตำแหน่งนี้
และอาจจะเหมาะกับการนั่งเป็นเพียงผู้ช่วยมากกว่าหรือไม่…
ไม่ใช่ชุด ยู-23 ที่ดีที่สุด
ข้อนี้ น่าเห็นใจ โซรัน ยานโควิช อยู่เหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้ใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุด ที่เป็นไปได้ของชุด ยู-23
นักเตะที่เขาเรียกไป 27 คน กลับมารายงานตัวในวันแรกเพียง 13 คน หรือไม่ถึงครึ่งเลยจากที่เขาต้องการ
นักเตะที่ควรติดทีมหลายคน ดันมีหลากหลายเหตุผลในการถอนตัว พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล กองกลางจอมขยัน, สุริยา สิงห์มุ้ย แบ็กซ้ายเบอร์หนึ่งชุดซีเกมส์ และ ชินภัทร ลีเอาะ กองหลังตัวซัพพอร์ตชั้นดี สามรายนี้ ติดภารกิจ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก กับ เชียงราย ยูไนเต็ด ต้นสังกัด
ยังไม่นับ เควิน ดีรมย์รัม ที่ถอนตัวไปนานแล้ว เพราะบาดเจ็บ สิทธิโชค ภาโส อีกคนที่ถอนตัวไป แต่ก็ลงสนามให้กับชลบุรี เอฟซี ในศึกโค้กคัพ และยิงประตูได้ด้วย เชาว์วัฒน์ วีระชาติ อีก ที่ถอนตัว เพราะต้องไปเก็บตัวกับ เซเรโซ โอซาก้า ยู-23 ทีมในระดับเจลีก ทรี
เรื่องนี้ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกนะครับ เพราะทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่ใช่รายการฟีฟ่าเดย์ สโมสรมีสิทธิ์ไม่ปล่อยนักเตะมาร่วมทัพ และปัญหาเรื่องการดูแลทรัพยากร ก็ต้องตกมาเป็นของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กับ ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช
ซึ่งสุดท้าย ปัญหา มีเท่านี้ ใช้เท่านี้ ก็กลายเป็นหอกทิ่มแทงช้างศึกชุดนี้ ชนิดที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ
Put The Right Man On The Right Job
“ใช้คนให้ถูกกับงาน” สุภาษิตอมตะนี้ เชื่อมโยงได้ดีเลยกับตำแหน่งที่ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ได้รับมอบหมายในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งสวนทางกับ “ของในตัว” ที่เขามี
เขาเป็นปีกธรรมชาติ เขาเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ ที่ยิงประตูได้คนแรกในลีกอาชีพของญี่ปุ่น
เขามีความรวดเร็ว เขามีความแพรวพราว เขามีความเคยชินกับอากาศหนาว และเขาเล่นเกมรุกได้ดี
แต่ โซรัน ยานโควิช ดันจับเขาไปเล่นแบ็คขวา ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัด
เขาไปกับบอลได้ดีกว่า การวิ่งตัวเปล่าโอเวอร์แล็ป
เขาทำลายกับดักล้ำหน้าของคู่แข่งได้ดีกว่า การต้องมาเช็คไลน์ล้ำหน้าในฐานะเกมรับ
นี่คือการใช้งานที่เสียของที่สุดในทีมชุดนี้
วันเดอร์คิดส์ ที่ไม่ได้วันเดอร์อย่างที่คิด
หมดยุคของเหล่าอดีตวันเดอร์คิดส์ ชนาธิป สรงกระสินธ์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และธนบูรณ์ เกษารัตน์ ในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็มี วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ และสุภโชค สารชาติ ที่ผุดขึ้นมาเป็นวันเดอร์คิดส์ในทัพช้างศึก ชุดนี้
ทว่าสองวันเดอร์คิดส์ ที่เคยสร้างฟอร์มโหด ทุบหลายสถิติทั้งในไทยลีก และฟุตบอลเยาวชนในย่านอาเซียน ทั้ง วรชิต และสุภโชค กลับสิ้นลายไปเลย ในทัวร์นาเมนต์นี้
วรชิต เงียบสนิทในแผงกลาง คิลเลอร์พาสส์ ที่เคยมี ก็หายไปในเขาวงกต และยังตามหาไม่เจอซะที
ส่วน สุภโชค อันที่จริง ภาพรวมก็ไม่ได้แย่นัก หากแต่ ด้วยสรีระอันบอบบางเกินไป เมื่อเทียบกับแนวรับระดับ เกาหลีเหนือ, ปาเลสไตน์ และญี่ปุ่น ทำให้เขามักแพ้จังหวะปะทะอยู่เสมอ และการโดนเพรสซิ่งเร็ว ก็ทำให้เขาเดินเกมรุกไม่ไหลลื่นอีกด้วย
แพ้เพรสซิ่ง แพ้ความแข็งแกร่ง แพ้ความรวดเร็ว
สามสิ่งนี้ เราแพ้สิ้นทุกมุมทั้งสามเกม
ซึ่งทั้งสามอย่าง เป็นส่วนสำคัญของการสร้างทีมฟุตบอลสมัยใหม่
และทั้งสามอย่าง ต่างก็เกิดจากที่ผู้เล่นต้องมีสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม
เราไม่มีเวลาคิดนาน เหมือนตอนเล่นซีเกมส์ เพราะแต่ละทีม เพรสซิ่ง เข้าถึงบอลเร็ว เข้าถึงตัวเร็ว บางทีเข้ามาหลายคนพร้อมกันด้วยซ้ำ
เราถูกชนกระเด็นกระดอน เพราะนี่ไม่ใช่สรีระอาเซียน มันคือสรีระของทีมสุดแกร่งในเอเชีย
ขนาดนักเตะที่แข็งปั๊ก กัดไม่ปล่อยอย่าง นพพล พลคำ หรือ เจนรบ สำเภาดี ยังโดนชนกระเด็น นับประสาอะไรกับพวกตัวเล็กๆ หรือบอบบาง อย่าง วรชิต, พิชา, สุภโชค, รัตนากร, ธนาสิทธิ์
เราแพ้เรื่องความเร็วในการเคลื่อนบอล กว่าเราจะทำเกมขึ้นไปลุ้นทำประตู มากมายหลายจังหวะ คิดช้าทำช้า ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความผิดพลาด และโดยตัดบอล ส่วนทีมอื่น มักจะเล่นฟุตบอลที่เร็วกว่าเรา 1 จังหวะเสมอ
นี่คือบทเรียน.. ต้องจำไว้เสมอว่า แข็งแกร่งกว่าในระดับซีเกมส์ รวดเร็วกว่าในระดับอาเซียน เพรสซิ่งเพื่อนบ้านให้หอบได้
แต่ทั้งหมด ใช้ไม่ได้เลยกับระดับที่เรียกว่า “เอเชีย”
มันต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม รวดเร็วกว่าเดิม และไล่ล่ากว่าเดิม
สมาธิต้นเกม และท้ายเกม
นักเตะชุดนี้ มีบทเรียนมาแล้วกับเรื่องสมาธิต้น และท้ายเกม ในศึก M-150 Cup 2017 ที่เสียประตูให้ เกาหลีเหนือ ช่วงท้ายเกม ทำให้ต้องไปชิงที่สาม และทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ไม่วาย เมื่อเปิดสนาม ด้วยการเสียประตูให้กับ เกาหลีเหนือ ในนาทีที่ 3 และจบเกม แพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1 ก่อนจะมาเสียประตูท้ายเกมอีกครั้ง ในนัดพบญี่ปุ่น ที่โดนยิงในนาทีสุดท้าย
หากละเอียดกว่านี้ และมีสักสองแต้มในสองเกมแรก
โซเชี่ยลคงไม่ร้อนระอุขนาดนี้
ฉะนั้น สมาธิ และความละเอียดในการทำงานเป็นเรื่องสำคัญ
ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามเถอะ
กองหน้าโดดเดี่ยว และผลิตสกอร์ได้น้อยจนเกินไป
สำหรับ เจนรบ สำเภาดี หัวหอกกัปตันทีม ส่วนตัวผมชื่นชมฟอร์มของ “เจ้าเจน” นะ เพราะมีจังหวะการวิ่งทำทางที่มีประโยชน์กับทีมมากขึ้น, ออกบอลเป็นประโยชน์มากขึ้น, พักบอลในแดนหน้าได้, พยายามลงมาล้วงบอล และถ่ายออกข้าง คือพูดง่ายๆ ผมว่า เจนรบ มีสกิลล์ และเทคนิคของการเป็นกองหน้าสมัยใหม่มากขึ้น ไม่ใช่กองหน้าที่ก้มหน้าก้มตาเลี้ยง และใช้ร่างกายชนอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน
แต่ความโดดเดี่ยวจนเกือบเรียกว่า “ความเหงา” ของ เจนรบ
ก็ทำให้เขามีตัวเลือกไม่มากนักในการทำเกมรุก
บางทีบอลมาถึงก็เป็นบอลที่แรงเกินไป หรือเบาเกินไป
บางทีเขาต้องลงมาล้วงบอลในแดนที่ห่างไกลกับประตูคู่ต่อสู้มากเกินไป
และเมื่อเก็บบอลได้ ก็ไม่มีเพื่อนวิ่งมารับบอล เนื่องจากจังหวะก่อนหน้านี้ กำลังเล่นเกมรับอยู่
โอยยย ผมว่า ในหัวของเจ้าเจน คงร้องประมาณนี้
สุดท้าย เกมรุกเลยพังพาบอย่างที่เห็น เมื่อบอลไม่ถึงหน้า แดนกลางทำเกมไม่ได้ โดนเพรสซิ่งเร็ว เสียบอลง่าย กองหน้าก็โดดเดี่ยวเป็นธรรมดา และนั่นก็ทำให้ทีมชาติไทย ผลิตสกอร์ได้แค่ 1 ลูก ตลอด 270 นาที ที่ได้รับโอกาสโชว์ของที่มีในทัวร์นาเมนต์นี้ ก่อนจะต้องบ๊ายบายไป
ยังเหลือ เวลาอีกพอสมควร กับการผลักดันทีมชาติไทย ชุด ยู-23 ให้ก้าวไปถึงฝั่งฝัน “โอลิมปิก เกมส์ 2020” ที่ประเทศญี่ปุ่น
ยังต้อง เชิดหน้า ยังต้องสู้ต่อ เพราะเราไม่สามารถประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์หน้า ด้วยความท้อแท้ได้
ยังมี อีกหลายขวากหนาม รอทิ่มแทง ข่มเหง และบั่นทอน
ยังมี เอเชี่ยนเกมส์ 2018 และ ซีเกมส์ 2019 ที่รอคอยปลุกปั้นวัตถุดิบใหม่ๆ มาติดธง
ยังมี เรื่องร้ายอีกหลายเรื่อง รอคอยเราอยู่
และในเวลาเดียวกัน ผมเชื่อว่า มันก็จะมีเรื่องดีอีกหลายอยู่เหมือนกัน ที่ดักพวกเราอยู่นักเตะหลายคนในชุดนี้ ยังเล่นได้อีกในครั้งหน้า กลับบ้านครั้งนี้ เพื่อเดินทางใหม่ ให้ไกลกว่าเดิมโว้ยยยยยย…
“จอน”
ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports