หงส์แดงลิเวอร์พูล เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตแชมป์ของฤดูกาลนี้ได้แล้วหลังจากที่แม่นจุดโทษเอาชนะเชลซี รอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพ 2021- 2022 นี่เป็นแชมป์เปิดหัวประจำฤดูกาลของทีมที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในท๊อปไฟว์ของห้าลีกใหญ่ในยุโรป ณ เวลานี้ อีกทั้งยังเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่ยังคงอยู่ในเส้นทางของการลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วยการคว้าสี่แชมป์ในฤดูกาลเดียว เมื่อมองไปยังเส้นทางกับอีกสามแชมป์ที่เหลือโอกาสก็ถือว่าเปิดกว้างอยู่พอสมควร ในบทความนี้จะขอไล่เลียงไปทีละรายการก็แล้วกันว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนสำหรับการลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียวของหงส์แดงลิเวอร์พูล เอฟเอคัพ นี่เป็นเพียงรายการเดียวในเกาะอังกฤษที่ผู้จัดการทีม เจอร์เกน คล๊อปป์ ยังไม่เคยได้ครอบครองตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางสำหรับแชมป์รายการนี้ก็ยังเปิด เพราะเกมต่อไปที่จะเจอในรอบ 5 คืนวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้โดยการเปิดบ้านต้อนรับ นอริช ซิตี้ ที่เพิ่งเอาชนะในลีกมาได้ 3 – 1 แต่จะไม่พูดถึงเกมนัดนี้ แต่จะขอพูดถึงทีมที่เหลือรอดและโอกาสที่จะเจอกันในรอบต่อไป เอฟเอคัพรอบ5 ยังเหลือทีมจากพรีเมียร์ลีกอยู่หลายทีมไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , เชลซี ,ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์ , คริสตัล พาเลส เอฟเวอร์ตัน , เซาร์แธมป์ตัน และ เวาต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งสองทีมหลังจะต้องมาตัดกันเองในรอบ 5 นี้ ซึ่งเมื่อมองไปยังคู่แข่งที่เหลือหากจะให้คาดการณ์ตอนนี้ก็คงจะเหลือแต่ทีมในพรีเมียร์ลีกที่จะเข้าไปเจอกันเองในรอบต่อไป แน่อนว่าทีมเต็งสามบิ๊กทีมน่าจะผ่านไปไม่ยากเย็น และโอกาสที่จะเจอกันเองในรอบต่อไปก็มีสูงเช่นกัน ปัจจัยที่จะทำให้ลิเวอร์พูลนั้นสามารถทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ก็คงเป็นเพราะขุมกำลังสำรองที่สามารถทดแทนกันได้ เมื่อมองไปยังคู่แข่งตัวเต็ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือเชลซี รายการอาจจะไม่ได้อยู่ในลิสที่ต้องการ เพราะทั้งเชลซีและแมนซิตี้ต่างมีเป้าหมายที่ UCL อีกทั้งสิงห์บลูน่าจะถอดใจกับการไล่ล่าแชมป์ลีกไปแล้ว ส่วนเรือใบสีฟ้าคงมั่งมุ่นตั้งใจในรายการที่ใฝ่ฝันอย่าง UCL มากกว่าที่จะมาห่วงจัดเต็มใส่รายการนี้ ฉะนั้นแล้วนี่คือโอกาสที่หงส์แดงจะใช้ชุดสำรองไปคว้าแชมป์รายการนี้ พรีเมียร์ลีก หากย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่จะเข้าสู่ปี 2022 หากใครบอกว่าลิเวอร์พูลมีสิทธิ์แซงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกผู้คนทั้งหลายคงมองว่า ไอ้นี่มันบ้าไปแล้ว!! แต่ตอนนี้หงส์แดงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ศึกยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะผ่านไปครึ่งทางแต้มห่างกันเพียงแค่ 6 คะแนน ลิเวอร์พูล ยังมีเกมตกค้างอีกหนึ่งเกมนั่นหมายความว่ายังมีโอกาสไล่ทันได้อยู่ นี่ยังไม่นับรวมเกมที่จะต้องไปตัดกันเองในบ้านของเรือใบสีฟ้าในเดือนเมษายน เมื่อไล่เลียงโปรแกรมที่เหลือของทั้งสองทีมแล้วแม้ว่าลิเวอร์พูล ดูจะหนักหนากว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้เพราะต้องยังต่อเจอกับบิ๊กทีมและผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ซึ่งไม่ใช่งานง่ายแน่นอน โดยเกมที่ถือว่าหนักของหงส์แดงและมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำได้มีดังนี้เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (ในบ้าน 6 มีนาคม 2565 เวลา 00.30 น.)อาร์เซนอล (นอกบ้าน 17 มีนาคม 2565 เวลา 03.00 น. )แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ในบ้าน 20 มีนาคม 2565 เวลา23.30 น.)แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (นอกบ้าน 10 เมษายน 2565 เวลา 22.30 น.)ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์ ( ในบ้าน 7 พฤษภาคม 2565 เวลา 21.00 น.)เมื่อหันไปดูคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีงานยากอยู่เพียงแค่สามเกมเท่านั้น นั่นก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ในบ้าน 6 มีนาคม 23.30 น.)ลิเวอร์พูล (ในบ้าน 10 เมษายน 2565 เวลา 22.30 น.)เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (นอกบ้าน 15 พฤษภาคม 2565 เวลา 21.00 น.) ก็จริงอยู่ที่แม้ว่าโปรแกรมลิเวอร์พูลดูจะหนักหนากว่าแต่ด้วยความพร้อมของนักเตะในเวลานี้ ตัวสำรองสามารถทดแทนกันได้แบบไม่มีปัญหาอะไร อีกทั้งในแต่ละเกมยังไม่มีนักเตะที่บาดเจ็บหนักในช่วงนี้ ที่เจ็บก่อนหน้านี้ก็เริ่มกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแทบทุกราย ฉะนั้นแล้วเมื่อขุมกำลังพร้อมแบบนี้โอกาสที่จะไล่เก็บแต้มไปเรื่อย ๆ แล้วไปฟาดฟันกันกับสามนัดสุดท้ายก็ยังเปิดกว้างอยู่กับเส้นทางแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021 -2022 ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก แม้ว่าจะเพิ่งผ่านไปเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกแต่โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของลิเวอร์พูลสดใสอย่างมากด้วยการเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ถึงถิ่น 0 – 2 นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับที่จะมาปราบหงส์แดงในถิ่นแอนฟิลด์ที่ และแม้ว่ารอบต่อไปอาจจะเจอกับบิ๊กทีมหรือแม้กระทั่งการอาจจะได้เจอกัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศ แต่ด้วยประสบการณ์ของนักเตะชุดนี้ที่เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ถึงสองครั้งในสองฤดูกาลติดต่อกันแม้ว่าจะอกหักในครั้งแรกแต่ก็สามารถแก้ตัวได้ในฤดูกาลต่อมา สิ่งที่กำลังจะพูดถึงก็คือความเขี้ยว ประสบการณ์ ของทั้งนักเตะและผู้จัดการทีมที่มีต่อรายการนี้น่าจะเป็นตัวช่วยได้อย่างดีในเวลาที่จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อมองไปคู่แข่งบิ๊กทีมที่อยู่นอกเกาะอังกฤษโดยเริ่มจาก บาร์เยิน มิวนิค หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่เป็น ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ก็ดูจะไม่ค่อยหวือหวาทั้งในลีกและนอกลีก ด้วยประสบการณ์ที่ยังสั่งสมไม่พอรวมถึงบารมีของเขาเองดูจะเร็วเกินไปที่ที่จะคุมบังเหียนเสือใต้ ทางฝั่งสเปน เรอัลมาดริด ปัญหาที่กำลังประสบพบเจอก็คงเรื่องของนักเตะบาดเจ็บ ลงไม่พร้อมหน้า แม้ว่าจะมีความเขี้ยวก็จริง แต่นักเตะหลายรายเรี่ยวแรงก็เริ่มจะไม่ไหวเช่นกัน ทางฝั่งอิตาลีโคตรทีม ยูเวนตุส ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านแม้ว่าจะได้ศูนย์หน้าความหวังรายใหม่ ดูชาน วลาโฮวิช แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ รวมถึงแผงหลังที่ฟอร์มดูจะหายไปนี่ยังไม่นับรวมอาการบาดเจ็บที่สามวันดีสี่วันไข้เข้าไปด้วยนะเนี่ย ซึ่งเทื่อดูองค์ประกอบโดยรวมแล้วหงส์แดงก็ดูจะมีภาษีดีกว่าอยู่นิด ๆ ทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือความเป็นไปได้ของเส้นทางสำหรับโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว เส้นทางของอีกสามแชมป์ที่เหลือยังอีกยาวไกล ยังไงก็เอาใจช่วยทีมรักสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ลูกหนัง แต่จะจารึกไว้ในความทรงจำของเหล่าสาวก THE KOPP ทั้งหลายว่านี่คือช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของสโมสรที่รัก “You will never walk alone”ข่าวที่เกี่ยวข้องทำไม? ลิเวอร์พูล ถูกยกให้เป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ "คาราบาวคัพ 2021-2022"3 แมตซ์ 1 ทีม ตัวแปรตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล กับ แมนซิตี้ชายผู้เปลี่ยนแปลง !! กางสถิติ "ลิเวอร์พูล" ก่อน - หลัง มี เจอร์เกน คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมจัดอันดับ 8 ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก ผลงานแย่ที่สุดถึงดีที่สุด4 ประเด็นใหญ่ "ลิเวอร์พูล" กับโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2022เครดิตภาพปก twitter.com/LFC :: ภาพที่1 , ภาพที่ 2เครดิตภาพประกอบ twitter.com/LFC :: ภาพที่1 , ภาพที่ 4 และ 7 , twitter.com/mancity :: ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , twitter.com/ChampionsLeague :: ภาพที่ 5 , twitter.com/fcbayernen :: ภาพที่ 6⚽️ แชร์ประสบการณ์ก่อนและหลังรับชมแมตช์สุดมันส์ในTrueID Community ได้เล้ย😆✨เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี