รีเซต
ลุค แชดวิค : อดีตปีกดาวรุ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ผู้ต้องแบกรับการบูลลี่อย่างเจ็บปวด | Main Stand

ลุค แชดวิค : อดีตปีกดาวรุ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ผู้ต้องแบกรับการบูลลี่อย่างเจ็บปวด | Main Stand

ลุค แชดวิค : อดีตปีกดาวรุ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ผู้ต้องแบกรับการบูลลี่อย่างเจ็บปวด | Main Stand
เมนสแตนด์
25 ธันวาคม 2564 ( 18:00 )
507

"มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม" ลุค แชดวิค กล่าว


 

ฤดูกาล 1999-2000 เขาประเดิมสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกคัพ ด้วยวัยเพียง 18 ปี และลงเล่นไปถึง 22 นัดในซีซั่นถัดมา จนกลายเป็นดาวรุ่งความหวังใหม่ จากลีลาการลากเลื้อยที่น่าจับตา  

อย่างไรก็ดีแทนที่จะได้รับการชื่นชมเรื่องฝีเท้า เขากลับเป็น "ตัวตลก" เพียงเพราะหน้าตา ที่ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่ยังลามไปถึงรายการทีวีที่มีนักฟุตบอลชื่อดังเป็นพิธีกร 

ติดตามเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดจนกลายมาเป็นปมในใจของอดีตดาวรุ่งชาวอังกฤษได้ที่นี่กับ Main Stand 

 

ผลผลิตจากอคาเดมีปีศาจแดง 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Class of '92 คือหมุดหมายสำคัญที่ทำให้ทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับการยอมรับในฐานะแหล่งปลุกปั้นนักเตะฝีเท้าดี เมื่อนักเตะอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิกกี้ บัตต์, สองพี่น้อง แกรี่-ฟิล เนวิลล์ ได้กลายมาเป็นกำลังสำคัญของปีศาจแดงในการไล่ล่าแชมป์ในทศวรรษต่อมา 

หลังจากนั้นอคาเดมีของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้รับการจับตาเป็นพิเศษว่าจะมีใครก้าวขึ้นมาเป็นรุ่นต่อไป จนกระทั่งในช่วงปลายยุค 90s พวกเขาก็มีสายเลือดใหม่ที่ดูมีแวว และหนึ่งในนั้นคือ ลุค แชดวิค 

เขาเติบโตขึ้นมาจากทีมเยาวชนของอาร์เซน่อล ก่อนจะย้ายมาอยู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนอายุ 14 ปี ในฐานะนักเรียนทุน หลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประทับใจในผลงาน ตอนที่ถูกชวนมาซ้อมที่สโมสรและได้ลงเล่นในเกมพบกับทีมเยาวชนของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

"หลังเกมผมขึ้นรถไฟกลับบ้านที่เคมบริดจ์ทันที และพอมาถึงบ้านบอสก็โทรหาแม่ผม บอกว่าเขาอยากเซ็นสัญญากับผม" แชดวิค ย้อนความหลังกับ SPORTbible 

หลังจากอยู่ในทีมเยาวชนเพียงแค่ 4 ปี แชดวิค ก็ได้โอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่ ด้วยการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมลีกคัพ ฤดูกาล 1999-2000 พบกับ แอสตัน วิลลา ด้วยวัยเพียง 18 ปี แม้ว่าผลการแข่งขันอาจจะไม่เป็นใจ เมื่อปีศาจแดงเป็นฝ่ายบุกไปพ่ายถึง 3-0 ตกรอบไปอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับปีกดาวรุ่งผู้นี้ 

"ฤดูกาลนั้น ผมได้แค่เล่นไม่กี่เกม แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันมากมายเหลือเกิน" แชดวิค กล่าวต่อ

"ทุกการซ้อมนั้นสุดยอดมาก และมาตรฐานก็คือต้องระดับสูงสุดหรือเกินกว่านั้น คุณต้องทำงานหนัก และถ้าคุณไม่ได้อยู่ในระดับนั้น จะต้องมีคนบอกคุณอย่างแน่นอน" 

จนกระทั่งในฤดูกาล 2000-01 ก็กลายเป็นซีซั่นของเขาอย่างแท้จริง เมื่อปีกวัย 19 ปีในตอนนั้น ถูกใช้บริการอย่างต่อเนื่องจากเซอร์เฟอร์กี้ ทั้งในเกมลีก ลีกคัพ หรือแม้กระทั่งรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 
แม้ว่าส่วนใหญ่ แชดวิค จะถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรอง แต่เขาก็ตอบแทนความไว้ใจด้วยลีลาการลากเลื้อยที่น่าตื่นตา รวมทั้งสามารถเล่นได้ทั้งสองฝั่งของสนาม และซัดไปได้ถึง 2 ลูกในฤดูกาลนั้น จากการลงเล่น 22 นัดในทุกรายการ  

อย่างไรก็ดีแทนที่จะได้รับเสียงชื่นชมในฝีเท้า แต่เขากลับเป็นเป้าโจมตีจากแฟนบอลคู่แข่ง จากสิ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด นั่นคือ "หน้าตา" 

"มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม" แชดวิค กล่าวกับ The Athletic

 

เป้าการถูกบูลลี่ 

"พวกเขาดูถูกผมจากรูปลักษณ์ของผม มันหนักหนามาก มันทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมาก" แชดวิค กล่าวกับ SPORTbible 

หากมองย้อนกลับไป ฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสีเสื้อปีศาจแดงของ ลุค แชดวิค คงจะเป็นซีซั่น 2000-01 เมื่อเขาได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และร่วมป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ โดยมีแต้มห่างจากอันดับ 2 อย่าง อาร์เซน่อล ถึง 10 คะแนน

ทว่าในรายละเอียดอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อผลงานอันโดดเด่นกลับทำให้เขาตกเป้าเล่นงานจากแฟนบอล ที่ไม่ได้วิจารณ์เรื่องฝีเท้าแต่เป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก 

ในตอนนั้น แชดวิค เป็นเด็กหนุ่มวัยทีน หน้าเต็มไปด้วยสิว แถมฟันของเขายังยื่นออกมามากกว่าปกติ และมันก็เป็นจุดที่ทำให้เขาถูกแซว ไปจนถึงถูกล้อเลียนจากกองเชียร์คู่แข่งอยู่ซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง 

"ผมจำได้ตอนที่มีคนบอกว่าผมขี้เหร่ เพราะฟันผมเหยินออกมา" แชดวิค ย้อนความทรงจำ 

"มันคือความรู้สึกที่ทุกคนหัวเราะเยาะคุณ มันไม่ใช่แค่การหยอกล้อแล้วคุณก็หยอกกลับ" 

หลังจากนั้นเขาจึงไปใส่เหล็กดัดฟัน แต่มันกลับทำให้เขาถูกจับจ้องมากขึ้น แชดวิค เล่าว่าครั้งหนึ่งเขาถึงขั้นโดนด่าและล้อเลียนตามหลังไปตลอดทางเดินจากรถบัสเข้าสนามในตอนที่ไปเยือน โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส แล้วก็ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันซ้ำสองในเกมที่พบกับฟูแล่ม 

"ทุกครั้งที่คุณลงจากรถบัสของผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณจะต้องเจอกับการล้อเลียน มันไม่ใช่แค่ผม แต่มีสองครั้งที่ผมจำได้ดี ครั้งหนึ่งที่โบลตัน ตอนที่ผมกำลังเดินไปตามทางที่ค่อนข้างไกล มีเด็กสองคนเดินตามหลังและล้อเลียนผมตลอดทาง" อดีตปีกปีศาจแดงบอกกับ The Athletic 

แน่นอนว่ามันสร้างความเจ็บปวดให้ แชดวิค มาก มันทำให้เขารู้สึกวิตกกังวลและสูญเสียความมั่นใจ เขาไม่กล้าแม้กระทั่งออกจากบ้านไปซื้อของในตอนที่ไม่มีแข่ง และมีชีวิตนอกสนามไปกับการเก็บตัวอยู่ในที่พัก

"ผมรู้สึกวิตกกังวลเสมอตอนออกไปข้างนอก แม้ว่าคนจะไม่ได้พูดอะไรกับผม แต่ผมรู้สึกกังวลในสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับผม หรือบางคนก็อาจจะพูดอะไรบางอย่างออกมา" แชดวิค กล่าว

"ผมจึงแค่ออกไปซ้อม หลังจากนั้นก็กลับมาบ้านแล้วอยู่ในแฟลต ถ้าใครถามผม ผมก็จะบอกว่าผมโอเค มันคือ 'อื้ม อื้ม ผมสบายดี ผมแค่อยากทำแบบนี้เฉย ๆ'"  

และนิสัยส่วนตัวของ แชดวิค ที่เป็นคนเงียบและขี้อายอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก เขาไม่ค่อยมีปากมีเสียง จึงไม่ได้บอกใครทั้งเซอร์อเล็กซ์ รุ่นพี่ หรือเพื่อนร่วมทีม รวมถึงครอบครัว และเลือกจะปิดตัวเองด้วยการเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว จนมันถูกทับถมจนกลายเป็นสิ่งบั่นทอนจิตใจ 

"การเป็นเด็กที่เงียบและประหม่าอาจทำให้เรื่องทวีความรุนแรงขึ้น และบางทีมันอาจจะเป็นอุปสรรคในการเติบโตของผมในฐานะมนุษย์" แชดวิค กล่าวกับ BBC 

แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการถูกล้อเลียนบนหน้าจอทีวี 

 

ฆ่าออกอากาศ 

อังกฤษถือเป็นประเทศที่พยายามทำกีฬาให้เป็นความบันเทิงอย่างแท้จริง ทำให้นอกจากการแข่งขันในสนาม กีฬายังสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในเกมโชว์ และหนึ่งในรายการที่โด่งดังขณะนั้นคือ They Think It's All Over

มันคือรายการที่ออกอากาศทางช่อง BBC มาตั้งแต่ปี 1992 โดยมี นิค แฮนค็อก นักแสดงตลกเป็นพิธีกรหลัก (ตั้งแต่ปี 1995-2004) ร่วมด้วย แกรี ลินีเกอร์ ยอดนักเตะระดับตำนานของทีมชาติอังกฤษ และมี เดวิด โกว์ อดีตกัปตันคริกเก็ตทีมชาติอังกฤษ มาร่วมแจม 


Photo : www.dailymail.co.uk

รูปแบบของรายการคือรายการตลกที่มีการตอบคำถามจากกีฬา ทว่าสิ่งที่เลวร้ายคือการนำรูปลักษณ์ของ ลุค แชดวิค มาเป็นเกม หรือถูกพูดถึงในแง่ความตลกที่ลดทอนความเป็นมนุษย์หลายต่อหลายครั้ง 

"เพลงที่ฮิตที่สุดของ Iron Maiden คือ Number of the Beast แต่ถ้าคุณอยากรู้เบอร์ของสัตว์ร้าย ลุค แชดวิค สวมเบอร์ 36" แฮนค็อก กล่าวในรายการ 

"รูปนี้ของ ลุด แชดวิค คือหายนะ … ทันทีที่ ลุค แชดวิค หันหน้ามา" 

แน่นอนว่ามันเรียกเสียงฮาครืนจากผู้ชมทั้งในห้องส่งและทางบ้าน แต่สำหรับ แชดวิค เขาไม่ขำด้วย มันไม่สนุกเลย แถมการถูกนำมาล้อเลียนในรายการที่มีผู้ชมนับล้านทั่วอังกฤษยังทำให้เขาสูญเสียความนับถือต่อตัวเอง (self esteem) ไปจนเกือบหมดสิ้น 

"They Think It's All Over เป็นรายการยอดนิยมในตอนนั้น ตอนที่พวกเขาเริ่มเอารูปลักษณ์ของผมมาพูด มันทำให้ผมได้รับความสนใจจากคนเป็นล้าน" แชดวิค กล่าวกับ The Athletic 

"ผมจำครั้งแรกได้ มีคนส่งข้อความมาหาผมแล้วพูดว่า 'นายดูดีใน They Think It's All Over' มันทำให้ผมช็อก เพราะผมเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อ ๆ ในตอนนั้น แม้ว่าผมจะเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่บ้าง แต่ผมก็โตมาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของเคมบริดจ์ที่ไม่มีอะไรเลย ผมไม่เคยคิดว่าผมดังและเป็นที่รู้จักของผู้คน" 

"ผมดูข้อความแล้วคิดว่า 'โอ้ ไม่ อะไรเนี่ย ?' หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มพูดถึงมัน ผมได้ดูในสัปดาห์ต่อมา และเห็นคนหัวเราะกับมุกตลกเกี่ยวกับผม มันอาจจะสนุกสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมมันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย มันเกิดขึ้นทุกศุกร์และวันถัดมาที่มีเกมแข่ง จนผู้คนจดจำมันได้"

มันยังทำให้เขากลายเป็นคนกลัววันศุกร์นับตั้งแต่นั้น เขารู้สึกกังวลทุกสัปดาห์ว่าจะมีการหยิบยกเรื่องหน้าตาเขามาพูดอีกหรือไม่ แต่น่าเศร้าที่มันกลายเป็นหัวข้อหลักของรายการไปแล้ว 

"หลังจากนั้นผมก็กลัววันศุกร์ไปเลย ผมไม่ได้เป็นคนมั่นใจอยู่แล้ว และสิ่งนี้ก็ทำให้มันแย่ลงไปอีก ผมเคยดูไปครึ่งรายการ ทั้งหวังและภาวนาว่าพวกเขาจะหยุด แต่พวกเขาไม่เคยทำ มันแค่ดำเนินต่อไป ต่อไปเรื่อย ๆ จนดูงี่เง่าและไม่ประสา" แชดวิค กล่าวต่อ

"ถ้ามันเกิดขึ้นครั้งเดียวผมคงไม่คิดว่ามันเป็นปัญหามากขนาดนี้ แต่มันเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์ ทุกสัปดาห์ พวกเขาเอาผมมาพูดถึงทุกสัปดาห์" 

แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือการถูกล้อเลียนจากคนที่เคยศรัทธา

 

ฮีโรตอกย้ำ 

"มัน (They Think It's All Over) มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ผมถูกรู้จักในฐานะผู้เล่น ผมเชื่อว่าถ้าผมดูเหมือนคนอื่นมากขึ้นผมคงจะไม่เพียงแค่ถูกจดจำว่าแตกต่างจากคนอื่น" แชดวิค กล่าวกับ SPORTbible

"มันถูกมองว่าเป็นรายการตลกเบาสมอง แต่หลังจากนั้นดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดถึงแต่รูปลักษณ์ของผม" 

แชดวิค พยายามเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติในฐานะบุคคลสาธารณะที่มักจะถูกจับจ้อง แถมเขายังเป็นนักเตะของทีมดังอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ถึงกระนั้นมันก็ควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและจบไปในสนาม ไม่ใช่ลามออกมาถึงชีวิตส่วนตัว 

"ผมเคยถูกดูถูกในสนาม และผมก็ยอมรับเพราะว่ามันเกิดขึ้นกับทุกคน แต่พอมันเกิดขึ้นนอกสนามมันส่งผลกระทบกับผมมากที่สุด" เขากล่าวกับ SPORTbible

แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุดคือการที่ แกรี ลินีเกอร์ ซึ่งเคยเป็นไอดอลในวัยเด็กของเขาก็ล้อเลียนรูปลักษณ์ของเขาเช่นกัน เขาไม่ได้โกรธแต่รู้สึกผิดหวังและหมดศรัทธากับที่ฮีโรที่ตนเคยนับถือที่ได้กลายมาเป็นผู้ย่ำยีหัวใจของเขาเอง 

"หนึ่งในความผิดหวังคือ ตอนเด็กผมจำได้ว่าได้ดูอังกฤษในฟุตบอลโลก และ ลินีเกอร์ ก็เป็นหนึ่งในฮีโรของทีม ดังนั้นพอได้ยินเขาพูดแบบนั้น พูดในแง่ลบมากมายเกี่ยวกับผม แม้ว่าภายนอกผมอาจจะดูโง่ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เศร้าสำหรับผม" แชดวิค กล่าว

แชดวิค บอกว่าเขารู้สึกแย่จนถึงขั้นคิดจะติดต่อไปที่ BBC ให้ยุติการพูดถึงเขาในลักษณะนั้นเสียที แต่ก็ทำได้แค่คิดและต้องยอมรับมัน เพราะเขามีคำว่าบุคคลสาธารณะล้อมกรอบเอาไว้ 

"ผมถามตัวเองเสมอว่าควรจะพูดเรื่องนี้กับพวกเขา (บีบีซี) ไหม ? การเป็นเด็กอายุ 19-20 มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะพูดกับใครสักคนที่บีบีซี เพื่อบอกให้พวกเขาเลิกพูดถึงผม หรือผมจะปล่อยให้พวกเขาทำต่อไปดี ผมคิดว่ามันอาจจะหยุด แต่ผมก็ไม่รู้ และตอนนั้นผมทำได้แค่ต้องยอมรับมัน" อดีตแข้งจากเคมบริดจ์กล่าว 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ แชดวิค ที่เก็บตัวอยู่แล้วยิ่งเก็บตัวมากขึ้นไปอีก เขาปิดใจ แยกตัวออกจากผู้คน และสร้างกำแพงเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา เขาพยายามบอกคนอื่นเสมอว่าเขาไม่เป็นไร แม้ว่าในใจของเขาอยากจะระเบิดออกมาก็ตาม 

"แม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีมก็ยังพูดถึงมัน ผมจึงไม่คิดว่าผมจะเปิดใจ" แชดวิค กล่าวกับ SPORTbible

"บางครั้งคนในครอบครัวก็หยิบมาพูด แต่ผมก็ซุกมันไว้ใต้พรม มันยากที่จะพูดอะไรสักอย่าง ในใจลึก ๆ แล้วผมรู้สึกแย่มาก แต่ผมก็อยากให้คนภายนอกเห็นว่าผมแข็งแกร่ง ด้วยการทำตัวให้เหมือนกับว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับผม" 

ทว่าในอีก 20 ปีให้หลัง เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดเรื่องนี้ออกมา 

 

อย่าเก็บมันไว้ 

"ผมกลายเป็นตัวตลก ชัดเจนว่าผู้คนมองว่ามันตลก และมันก็กำลังกัดกินอยู่ในตัวผมตอนที่เกิดขึ้น" แชดวิค บอกกับ BBC

หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับ แมน ฯ ยูไนเต็ด อยู่ 4 ปี เขาก็แจ้งเกิดไม่สำเร็จและถูกปล่อยให้หลายทีมยืมตัว ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบไม่มีค่าตัว และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในลีกล่าง จนแขวนสตั๊ดไปในปี 2015 

อย่างไรก็ดี แชดวิค ยืนยันว่าการถูกบูลลี่ไม่ได้ทำให้ฝีเท้าของเขาตกลง แต่เพราะเป็นปัญหาอาการบาดเจ็บซ้ำ ๆ ที่ทำให้ความเร็วที่เคยเป็นจุดเด่นไม่เหมือนเดิม จนไม่สามารถเฉิดฉายได้อย่างที่ควร 

"ผมไม่ได้บอกว่ามัน (การถูกล้อเลียน) ส่งผลกระทบกับในสนามหรือเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ได้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรื่องนั้นมันส่งผลกระทบกับผมนอกสนามมากกว่า" แชดวิค กล่าวกับ The Athletic

การถูกล้อเลียนเรื่องรูปลักษณ์นั้นส่งผลต่อสภาพจิตใจได้มากกว่าที่คิด เนื่องจากคนที่ไม่ได้หน้าตาดีก็มีความมั่นใจในตัวเองน้อยอยู่แล้ว และยิ่งมีคนอื่นมาตอกย้ำมันก็ยิ่งทำให้ความภาคภูมิใจที่มีอยู่น้อยนิดถึงขั้นแตกสลายไป 

"ผมรู้สึกกังวลเมื่อต้องออกไปข้างนอก แม้กระทั่งไปย่านแทรฟฟอร์ด เซ็นเตอร์ (ศูนย์การค้าในเมืองแมนเชสเตอร์ ตั้งไม่ไกลจากสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด) ผมคิดในใจเสมอว่าอาจจะมีคนพูดในแง่ลบเกี่ยวกับผม หรือจะมีคนมองมากที่ผม" 

ทำให้ในปี 2020 ช่วงที่คนกำลังเครียดจากสถานการณ์โควิด-19 แชดวิค ตัดสินใจออกมาพูดเรื่องในอดีตที่เขาเก็บงำมาตลอดผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ด้วยความหวังว่าจะเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขากล้าที่จะพูดออกมา

"ตอนที่เป็นนักเตะดาวรุ่ง การล้อเลียนรูปลักษณ์ของผมส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผมมาก ความรู้สึกอับอายทำให้ผมเลิกพูดในสิ่งที่ผมรู้สึก แม้ว่าผมจะรู้สึกอึดอัดในตอนนั้น แต่มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรพูดเกี่ยวกับความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลาที่ยากลำบาก" แชดวิค กล่าวผ่านทวิตเตอร์ 

ข้อความของเขาได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีคนกดถูกใจมากถึง 17,000 ครั้ง และรีทวีตอีกนับ 1,000 ครั้ง และถูกพูดถึงในวงกว้างถึงปัญหานี้ โดยเฉพาะในวันที่โลกยอมรับความแตกต่าง และการล้อเลียนรูปลักษณ์กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

"ผมไม่ได้เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากหรือมีคนรู้จัก แต่ตอนที่ผมส่งข้อความนี้ออกไป มีคนพูดกันว่า 'ขอบคุณที่ทำแบบนี้' หลังจากนั้นก็แชร์เรื่องราวของพวกเขา ผมบอกไม่ได้ว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีขนาดไหน ผมไม่ได้คาดหวังถึงสิ่งนี้จริง ๆ" แชดวิค กล่าวกับ The Athletic

ข้อความของเขายังทำให้ นิค แฮนค็อก ออกมาขอโทษผ่านทวิตเตอร์และไปขอโทษเขาเป็นการส่วนตัว เขาบอกว่าเขารู้สึกตกใจและละอายใจในสิ่งที่เคยทำ เช่นเดียวกับ ลินีเกอร์ ที่รู้สึกผิดไม่แพ้กัน 

"ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของรายการ ดังนั้นผมจึงอยากขอโทษ ลุค แชดวิค สำหรับการทำให้เขาเจ็บปวด" ลินีเกอร์ กล่าว 

แชดวิค ยกโทษให้พวกเขาทั้งสองคน เขาแฮปปี้กับชีวิตในตอนนี้และไม่ขมขื่นที่จะพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมาก เขากลายเป็นคุณพ่อลูกสองและทำงานอยู่ในองค์กรที่ชื่อว่า Football Fun Factory ที่จะย้ำเตือนให้นักฟุตบอลเล่นฟุตบอลด้วยทัศนคติที่ดีและมีความสุข


Photo : www.instagram.com/lc_football_fun_factory

"แน่นอนผมยอมรับคำขอโทษของพวกเขา" เขากล่าวกับ Mail Online

"ผมไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ผมแค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ของผม" 

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็บอกว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นทั้งกับตัวเขาเองและคนอื่น เพราะไม่ว่าใครก็ไม่ควรกลายเป็น "ตัวตลก" ในสายตาคนอื่นอยู่ดี 

"ผมอยากส่งข้อความที่จริงจังออกไป ผมมั่นใจว่ามีคนเป็นล้านที่กำลังดิ้นรน ดังนั้นข้อความนี้จะทำให้พวกเขาเปิดใจและพูดออกมา" 

"ผมไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่ผมสามารถส่งข้อความในเชิงบวก ใช้ประสบการณ์ และอาจช่วยเหลือคนอื่นได้" แชดวิค ทิ้งท้ายกับ The Athletic

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.mufcinfo.com/manupag/a-z_player_archive/a-z_player_archive_pages/chadwick_luke.html 
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/man-utd-ferguson-academy-news-22925960 
https://www.transfermarkt.com/luke-chadwick/leistungsdatendetails/spieler/3658 
 https://theathletic.com/1813743/2020/05/15/luke-chadwick-manchester-united-stoke-bbc/ 
https://www.sportbible.com/football/reactions-news-community-luke-chadwick-opens-up-on-abuse-he-suffered-over-his-appearance-20200509
https://www.bbc.com/sport/52652459 
https://www.theguardian.com/football/2020/may/24/luke-chadwick-worth-torment-if-it-helps-others-manchester-united-mental-health-they-think-its-all-over 
https://www.manutd.com/en/news/detail/luke-chadwick-talks-on-utd-podcast-about-mental-health-and-being-bullied-on-tv
https://www.thesun.co.uk/sport/football/11663957/luke-chadwick-gary-lineker-nick-hancock-apology-manchester-united/ 
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/man-utd-ferguson-academy-news-22925960 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

--------------------------------

ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก

มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนทรรศนะ ตามประสาคนรักกีฬากันได้ที่ TrueID Community คลิกเลย!

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

541