ผลเสมอกับวูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 ในฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ชนิดที่เกือบแพ้เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าจะได้เล่นแอนฟิลด์บ้านตัวเองแท้ๆ บ่งบอกให้เห็นได้ชัดเลยว่า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของเยอร์เกน คล็อปป์ในฤดูกาลนี้มีปัญหาอย่างหนัก และดูเหมือนว่าจะมีปัญหาตั้งแต่แดนหลังจนขึ้นมาถึงกองหน้า ไหนจะเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะ และในบทความนี้ผมจะพาวิเคราะห์ว่าหลังเบรคพักจากฟุตบอลโลกก็แล้ว ทำไมลิเวอร์พูลยังทำผลงานไม่กระเตื้องได้ดีเท่าที่ควรอีกสำหรับปัญหาแรกที่ผมจะพูดถึงก็คือ "ปัญหาในตำแหน่งกองกลาง" นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูล ณ ตอนนี้เลย เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าตำแหน่งมิดฟิลด์นั้นถือว่าเป็นตำแหน่งที่จะกำหนดทิศทางในเล่นของทีม เป็นคนที่จะปั้นเกมรุกให้กับกองหน้าและจะเป็นด่านแรกในการสกัดกั้นเกมรุกของคู่แข่งก่อนที่จะถึงกองหลังของทีมตัวเอง แต่กับลิเวอร์พูลตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาอย่างหนักในตำแหน่งนี้เริ่มจากที่ "ฟาบินโญ" กองกลางตัวรับธรรมชาติคนเดียวในทีม ผมย้ำนะครับว่าเป็นกองกลางตัวรับธรรมชาติ "คนเดียว" ในทีม เพราะเราอาจจะเคยเห็นจอร์แดน เฮนเดอร์สันหรือติอาโกลงไปเล่นแทนในบางเกม แต่ 2 คนนี้ไม่ได้เป็นกองกลางตัวรับธรรมชาติ เกมรับก็จะทำได้ไม่ดีเท่าฟาบินโญ ซึ่งการมีฟาบินโญคนเดียวนี่แหละครับคือปัญหา เพราะว่าในเมื่อมีใช้งานอยู่คนเดียวก็เท่ากับว่าเขาจะไม่ได้พักเลย จะต้องกรำศึกหนักในเกมรับที่จะสกรีนคู่แข่งก่อนถึงกองหลัง ยิ่งฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลต้องลงเล่นมากกว่า 60 เกมในทุกรายการ และฟาบินโญลงเล่นไปถึง 48 เกมในฤดูกาลที่แล้ว เป็นอันดับที่ 7 ของนักเตะลิเวอร์พูลที่ลงเล่นมากที่สุดในฤดูกาลที่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่าเขาคือกลางรับคนเดียวของทีม แต่กับคนอื่นนั้นยังมีคนมาหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยน และมันก็ลากยาวมาถึงฤดูกาลนี้ มันทำให้ร่างกายของฟาบี้นั้นออกอาการอ่อนล้าและกรอบอย่างเห็นได้ชัด ความจริงมันก็เริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้วแหละ จังหวะที่เคยดักบอลได้ สกัดบอลได้ อะไรที่ทำได้ตอนที่ท็อปฟอร์ม แต่ตอนนี้เหมือนเขาจะช้ากว่าคู่แข่งอยู่ตลอดเลยในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลนั้นได้ล็อคเป้าไปที่ "โอรีเลียง ชูอาเมนี" จากโมนาโกมาเป็นคนที่จะมาสลับกับฟาบี้ แต่สุดท้ายตัวนักเตะก็เลือกที่จะย้ายไปเรอัล มาดริด ลิเวอร์พูลจึงเหมือนอยู่ในสภาวะที่ "เคว้ง" เลย เพราะว่าพอพลาดชูอาเมนีไปก็ดูเหมือนไม่มีแพลนบีมารองรับกับเหตุการณ์นี้เลย ทำให้ไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับมาเพิ่มในทีม สุดท้ายฟาบี้ก็ต้องรับบทบาทตำแหน่งกลางตัวรับเพียงคนเดียวต่อไปอีกอย่างน้อยก็จนจบฤดูกาลนี้ แต่ถ้าจะให้ดีตลาดหน้าหนาวนี้ควรมีกลางรับมาช่วยแบ่งเบาภาระของฟาบินโญหน่อยก็ดี นอกจากจะไม่มีใครมาแบ่งเบาภาระแล้ว การไม่มีคนมาสลับสับเปลี่ยนก็เท่ากับว่าเขาไม่มี "คู่แข่ง" ในตำแหน่งนี้ด้วยเหมือนกัน จะเล่นแย่ยังไงก็ได้ลงแน่นอน ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาตัวเอง จะเล่นยังไงก็ได้ เพราะไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วอีกปัญหานึงในตำแหน่งกองกลางก็คือไม่มี "เพลย์เมกเกอร์" โอเคแหละว่าอาจจะมีติอาโกอยู่ แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าตะโก้ไม่ได้เป็นเพลย์เมกเกอร์หรือผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ควรให้เขาเป็นคนที่คอยคุมจังหวะในแดนกลางหรือออกบอลจากแนวลึกมากกว่า เพราะลูกคิลเลอร์พาสของตะโก้นั้นคืออาวุธเด็ดของเขาเลย นับตั้งแต่ที่ลิเวอร์พูลขาย "คูตินโญ" ให้กับบาร์เซโลนาไป หงส์แดงก็ไม่มีผู้เล่นที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ให้กับทีมอีกเลย ในเกมตื้อๆ ตันๆ นั้นไม่มีใครมาสร้างสรรค์โอกาสสวยๆ ให้กับทีมได้เลย ไหนจะลูกยิงไกลที่เป็นทีเด็ดอีกด้วย ผมไม่ได้บอกว่าให้ดึงตัวคูตี้กลับมานะครับ แต่กำลังจะบอกว่าเราควรที่จะมีเพลย์เมกเกอร์ในเกมเพื่อมาสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้มากกว่านี้ และถ้าหากหันไปดูกองกลางของลิเวอร์พูลในตอนนี้ก็เหมือนกับว่ามีแค่สไตล์พละกำลัง วิ่งไล่บอล วิ่งเพรสซิงแค่นั้น ไม่ได้มีสไตล์ที่มีความครีเอทอย่างที่อาร์เซนอลมีโอเดการ์ด แมนซิตี้มีเดอ บรอยน์ หรือแมนยูที่มีบรูโน แฟร์นันเดส ที่มักจะจ่ายบอลกล้าได้กล้าเสีย กล้ายิงไกล แต่กับของลิเวอร์พูลนั้นนอกจากติอาโกที่เป็นคนออกบอลกล้าได้กล้าเสียที่สุดในทีมก็ไม่เห็นมีใครแล้วเหมือนกัน ยิ่งการยิ่งไกลยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะคล็อปป์นั้นไม่ค่อยได้ให้ลูกทีมเสี่ยงยิงไกลซักเท่าไหร่ปัญหาในตำแหน่งกองกลางสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงนั่นก็คือ "อายุ" เพราะ ณ ตอนนี้สามกองกลางตัวหลักของทีมนั้นอายุแตะเลข 3 ไปแล้ว 2 คน (เฮนเดอร์สันและติอาโก) ส่วนฟาบินโญนั้นก็ 29 แล้ว เราจะใช้นักเตะกองกลางที่อายุแตะเลข 3 มาบดบี้ ไล่เพรสซิงคู่แข่งทุกเกมแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งระบบการเล่นของคล็อปป์ยิ่งแล้วใหญ่เลย อย่างที่เราเห็นในฤดูกาลนี้ได้เลย เฮนโด้ที่เมื่อก่อนเล่นยังไงก็เป็นนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนน้อยมากกกก แต่พออายุมากขึ้น อาการบาดเจ็บก็ถามหาประจำ ฤดูกาลนี้กัปตันหงส์แดงพลาดการลงสนามให้กับทีมเนื่องจากอาการบากเจ็บไปแล้ว 6 นัด สาเหตุมาจากบาดเจ็บที่แฮมสตริง พอจะหันไปดูดาวรุ่งอย่างเคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ หรือแม้กระทั่งสเตฟาน บายเซติชก็ดูเหมือนจะยังไม่สามารถฝากความหวังได้เลย เพราะกระดูกยังไม่ถึงที่จะขึ้นมารับช่วงต่อรุ่นพี่ผมขอจบในส่วนของกองกลางไว้เพียงเท่านี้นะครับ อาจจะยาวซักหน่อยแต่ผมคิดว่านี่คือปัญหาหลักที่ทำให้ลิเวอร์พูลฟอร์มรูดลงมาในฤดูกาลนี้ในส่วนพาร์ทต่อมาผมขอพูดรวมๆ กันเลยนะครับ นั่นก็คือในตำแหน่งกองหลังและกองหน้า เริ่มกันที่กองหลังกันก่อนเลย ดูเหมือนว่าตอนนี้เวอร์จิล ฟาน ไดจ์กคนเดิมที่เคยโชว์ฟอร์มสุดยอดนั้นจะดรอปลงไป ไม่ได้บอกว่าเล่นห่วยนะครับ เพียงแค่จะบอกว่าจาก 100% ฟาน ไดจ์คนั้นเล่นไปเพียง 80-90% เท่านั้น ยิ่งช่วงก่อนฟุตบอลโลกดูเหมือนจะเล่นถนอมตัวเกินไป ซึ่งก็เข้าใจได้ที่พยายามรักษาเนื้อรักษาตัวไม่ให้บาดเจ็บจนพลาดไปบอลโลก แต่สุดท้ายแล้วก็ถือว่าเกมรับนั้นผลงานไม่ได้แย่เท่าไหร่ ช่วยเซฟแต้มให้ทีมได้หลายครั้ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันนั้นก็กลับมาเป็นคนเดิมที่เคยพีคๆ แล้ว วิ่งขึ้นสุดและวิ่งลงมาสุด เกมรับไว้ใจได้กลับมาอีกครั้ง ส่วนเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์นั้นก็โอเคขึ้น เกมรุกก็ทำแอสซิสต์ได้แล้ว ส่วนเกมรับนั้น...ขาดแค่ความคงเส้นคงวา บางเกมบทจะดีก็ดี บางเกมบทจะรั่ว เอาไม่อยู่บ่อน้ำมันดีๆ นี่เองมาในส่วนของเกมรุกนั้น ใช้คำว่า "อีกนิดเดียว" จริงๆ สำหรับกองหน้าคนใหม่ของทีมอย่าง "ดาร์วิน นูนเญซ" เพราะขาดแค่เรื่องความคมในการจบสกอร์ แค่นั้นจริงๆ เลย เพราะที่เหลือน้องหนูนทำได้ดีแล้ว การหาช่องเอย สปีดความเร็วเอย การคุกคามเกมรับคู่แข่งเอย เขาทำได้ดีแล้ว เข้ากับระบบของทีมแล้ว แต่เรื่องการจบสกอร์นี่แหละคือปัญหาเดียวตอนนี้เลย หลังจากจบฟุตบอลโลกมานั้นฟอร์มการยิงประตูของนูนเญซนั้นเรียกได้ว่า "หัวจะปวด" ของจริง เฉียดไปเฉียดมา ยิงจ่อๆ แต่ก็ยิงไปโดนกองหลังคู่แข่งบ้าง หลุดเสาไปไกลบ้าง ข้ามคานไปดวงจันทร์บ้าง จนผมว่ามันเริ่มสร้างปัญหาให้กับทีมแล้วนะ เพราะบางครั้งบางโอกาสที่ต้องใส่สกอร์ได้แล้ว แต่เจ้าตัวดันพลาดไปทำให้ทีมพลาดขึ้นนำ ตามตีเสมอ หรือทิ้งห่างคู่แข่งออกไป สุดท้ายมันทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นแบบที่หวัง สำหรับนูนเญซนั้นขาดแค่เรื่องนี้จริงๆ ด้วยค่าตัวระดับ 100 ล้านควรจะทำได้ดีขนาดนี้ แต่ก็อาจจะเพราะค่าตัวระดับนี้ด้วยแหละเลยอาจจะสร้างความกดดันให้กับเจ้าตัว สำหรับผมแล้วนั้นผมยังเชื่อในตัวนูนเญซนะ ขอแค่ยิงประตูได้มาก่อนซักลูกสองลูก ซึ่งในเกมเอฟเอ คัพล่าสุดก็ทำได้แล้วผมก็คิดว่าเดี๋ยวฟอร์มของเขาก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทางขึ้น เหมือนช่วงก่อนเบรคฟุตบอลโลกที่ยิงประตูได้เรื่อยๆในส่วนปัญหาสุดท้ายของลิเวอร์พูลที่ส่งผลให้ผลงานไม่ฟื้นซักที ผมยกให้ "ปัญหาอาการบาดเจ็บ" นี่คืออีกสาเหตุหลักที่ทำให้ฟอร์มทีมไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เพราะนักเตะคนนั้นหายเจ็บกลับมา อีกคนก็เจ็บไปอีกละ หรือบางคนก็เจ็บยาวอย่างในสองรายกำลังหลักของทีมอย่าง หลุยส์ ดิอาซและดิโอโก โจตา ที่ต้องพักยาวถึงช่วงกุมภาและมีนาเลยทีเดียว ซึ่งสองคนนี้คือคนสำคัญในเกมรุกของทีมมากๆ ดิอาซมีการกระชาก ลากเลื้อย ป่วนคู่แข่งได้ตลอด ความจริงก็กลับมาลงเล่นได้แล้วหลังบอลโลกแต่ก็บาดเจ็บซ้ำเจ็บยาวไปอีก ส่วนโจตานั้นก็เป็นคนมีสัญชาตญาณกองหน้าดีที่สุดคนนึงในทีมเลย มักจะพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่ทำประตูได้ตลอดเวลา ยิ่ง 2 คนตัวหลักที่บาดเจ็บไปอีกก็คือ โรแบร์โต เฟอร์มิโน กองหน้าของทีมที่ฟอร์มกำลังมาเลยก็บาดเจ็บไปอีกแล่ว ส่วนรายล่าสุดก็อย่างฟาน ไดจ์คนั้นก็เจ็บที่แฮมสตริงจากเกมที่บุกไปแพ้เบรนท์ฟอร์ด ต้องพักมากกว่า 1 เดือนส่วน 2 นักเตะที่พึ่งหายเจ็บกับมาอย่าง ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแอนฟิลด์อย่าง นาบี เกอิตาและอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนนั้น ไม่ถึงละกัน เบื่อจะพูดถึงแล้ว.....และนี่ก็คือสาเหตุหลักที่ผมคิดว่าทำไมลิเวอร์พูลไม่ฟื้นจากอาการฟอร์มบู่สักที ปัญหาหลักๆ เลยคืออาการบาดเจ็บและตำแหน่งกองกลาง ในตลาดซื้อขายหน้าหนาวนี้หวังว่าจะมีการเสริมทัพในตำแหน่งกองกลาง แต่ก็อาจจะยากซักหน่อย เพราะทีมส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจะปล่อยนักเตะกลางฤดูกาลเท่าไหร่ แล้วยิ่งเป้าหมายที่ลิเวอร์พูลเล็งไว้นั้นยิ่งยากเข้าไปใหญ่ อย่างจู๊ด เบลลิงแฮมงี้ ดอร์ทมุนด์คงไม่ปล่อยกลางซีซั่นแน่นอน หรือเอ็นโซ เฟอร์นันเดซ กองกลางตัวรับจากเบนฟิกางี้ที่มีค่าฉีกสัญญาถึง 120 ล้านยูโร ไหนจะมีทีมอื่นที่สนใจเช่นกันคงต้องไปรอลุ้นในช่วงซัมเมอร์นู่นแหละครับเดอะ ค็อปทั้งหลาย เอาใจช่วยไปกันแบบนี้แหละเนอะครับ เล่นดีก็ชม เล่นแย่ก็บ่น แต่ก็เชียร์เหมือนเดิมขอบคุณรูปภาพประกอบจาก Official Facebook ของลิเวอร์พูลภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !