ต้องเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่คืนความสุขสู่แฟนทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลอย่างแท้จริง หลังจากที่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 3-2 นอกจากจะชนะได้สามแต้มแล้ว ยังส่งให้อาร์เซนอลกลับมายึดตำแหน่งจ่าฝูงได้อีกครั้ง ที่ก่อนหน้านี้แมนซิได้ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงชั่วคราวมาก่อนจากการถล่มทีมนักบุญไปถึง 4 ประตู นอกจากผลการแข่งและตำแหน่งในตารางคะแนนที่น่าพอใจแล้ว ยังมีฟอร์มการเล่นที่ดี มีความสนุก เร้าใจ เกมรุกหลากหลาย ต้องเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง 1 แมตช์คุณภาพในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการรุกรับใส่กันอย่างดุเดือด งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าแมตช์นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมอาร์เซนอลถึงสามารถเอาชนะทีมที่แข็งแกร่งมากๆเมื่อฤดูกาลที่แล้วมาได้https://fb.watch/g3Z6pDJTCc/ 1.แผนการเล่นอาร์เซนอลเจ้าบ้านออกสตาร์ทด้วยแผน 4-2-3-1 GK : อารอน แรมส์เดล / RB : เบน ไวท์ / CB : วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส / LB : ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ / CDM : โทมัส ปาเตย์, กรานิต ชาก้า / RW : บูกาโย่ ซาก้า / CAM : มาร์ติน โอเดการ์ด / LW : กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ / ST : กาเบรียล เชซุส ลิเวอร์พูลออกสตาร์ทด้วยแผน 4-2-3-1GK : อลิซอน / RB : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ / CB : โจเอล มาติป, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค / LB : ซิมิกาส / CDM : จอแดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อาคันทาร่า / RW : โมฮัมเหม็ด ซาล่า / CAM : ดิเอโก้ โจต้า / LW : หลุยส์ ดิอาซ / ST : ดาร์วิน นูนเญซทั้งสองทีมออกสตาร์ทด้วยแผน 4-2-3-1 เหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือ อาร์เซนอลคุ้นเคยกับระบบการเล่นนี้เป็นอย่างดี เป็นแผนที่พวกเขาใช้กันมาอย่างยาวนาน เรียกว่าเป็นแผนถนัดของอาเตต้าเลยก็ว่าได้ ในขณะที่ทางฝั่งของลิเวอร์พูลนั้น แผนที่พวกเขาเล่นกันมาโดยตลอดก่อนหน้านี้คือแผน 4-3-3 แต่ เจเก้น คล๊อปป์ ก็เลือกใช้แผน 4-2-3-1 ในวันนี้ หลังจากที่เขาพยายามปรับแผนให้เข้ากับตัวผู้เล่นที่มีอยู่ในขณะนี้ และแผน 4-2-3-1 ก็พึ่งโชว์ผลงานได้ดีสามารถเอาชนะเรนเจอร์ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก มาได้เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเมื่อเล่นในแผนที่คล้ายกัน ทีมที่คุ้นเคยกับแผนนี้มากกว่า ย่อมได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด 2.ปัญหาเกมรับของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ เกมรุกอันร้อนแรงของ มาร์ติเนลลี่อย่างที่เรารู้กันดีว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นแบ็คขวาที่เล่นเกมรุกได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการครอสบอลจากด้านข้างที่แม่นยำ การวางบอลยาว การเปิดลูกเตะมุม หรือแม้แต่การสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อช่วยทำประตู เขาทำได้ดีมาตลอด ด้วยประสิทธิภาพเกมรุกทำให้เขาเป็นแบ็คขวาอนาคตไกลของทั้งลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษ โดยเจเก้น คล๊อปป์ เลือกที่จะดันเขาขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน และทำผลงานได้ดีพาทีมคว้าแชมป์ได้มากมาย แต่ในเรื่องของเกมรับนั้นเรียกได้ว่าไม่ใช่จุดเด่นของเขาเลยแม้แต่น้อย และอาจจะเรียกว่าจุดด้อยเลยก็ได้ เกมรุกของเขาอยู่ในระดับโลกอย่างแท้จริงแต่เกมรับนั้นไม่ใช่ ซึ่งเกมรับทางด้านขวาของลิเวอร์พูลนั้นมีปัญหามาอย่างยาวนานมากแล้ว แต่ในช่วงฤดูกาลก่อนหน้านี้นั้นยังอยู่ในจุดที่สามารถที่จะพอแก้ปัญหากันไปได้ แต่ในฤดูกาลนี้ที่ตัวของเทรนต์มีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด เกมรุกที่โดดเด่นน้อยลง ความขยันการวิ่งช่วยเพื่อนที่น้อยลง พอพูดถึงเกมรับยิ่งไปกันใหญ่ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นตัวฟรีของลิเวอร์พูลในการเล่นเกมรับเลยก็ว่าได้ ที่ก่อนหน้านี้เราเห็นได้ชัดมากในนัดที่พวกเขาแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าในฤดูกาลนี้ เกมรุกก็ไม่ดี เกมรับก็ไม่ได้แต่ในขณะเดียวกัน ฟอร์มการเล่นของ กาเบรียล มาติเนลลี่ ตัวรุกฝั่งซ้ายของอาร์เซนอลนั้นกลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยที่ อูไน เอเมรี่ ยังคุมทีมอยู่ เขามีทักษะเฉพาะตัวที่ดี เลี้ยงบอลติดเท้า มีความเร็วสูง และเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือร่างกายที่แข็งแกร่งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกับทักษะฟุตบอลของเขาที่ไม่ได้ถดถอยลงไปเลย บวกกับการเข้ามาคุมทีมของ มิเกล อาเตต้า ยิ่งเห็นพัฒนาการความเก่งกาจของเขามากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะความเข้าใจทางด้านแทคติกและความคิดสร้างสรรค์ที่มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้เกมรุกทางด้านซ้ายของอาร์เซนอลในตอนนี้มีความน่ากลัวอย่างมาก โดยเฉพาะทักษะการลากเลื้อยของเขาที่ใช้ดึงผู้เล่นแนวรับของอีกฝ่ายให้รุมเข้ามาหาตัวได้เป็นอย่างดีโดยที่ไม่เสียบอลและสามารถจ่ายบอลให้เพื่อนเล่นต่อได้ในจังหวะที่เกมรับของอีกฝ่ายมีช่องโหว่โดยในแมตช์ล่าสุด การเสีย 2 ประตูแรกของลิเวอร์พูลถือว่าทั้งสองคนนี้มีส่วนกับทั้งสองประตู โดยประตูแรกเกิดจากการที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สกัดการจ่ายบอลของ มาร์ติน โอเดการ์ด ไม่ได้ ทำให้มาติเนลลี่ที่วิ่งอ้อมด้านหลังของเขาสามารถเก็บบอลได้ และแปบอลผ่านตัวของอลิซอนเข้าไปเป็นประตูโดยเริ่มเกมมาเพียงแค่ 58 วินาทีเท่านั้น ส่วนประตูที่สอง เกิดจากจังหวะที่ทางฝั่งของลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิกในช่วงท้ายครึ่งแรก โดยซิมิคาสทำหน้าที่เตะฟรีคิกในจังหวะนี้ และทิ้งตัวรับสองคนสุดท้ายไว้คือ เฮนเดอร์สัน และ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งไปกดดันมาติเนลลี่ซึ่งมีเฮนเดอร์สันกดดันอยู่แล้ว นั่นทำให้เขาหลุดตำแหน่งไป ส่งผลให้ซิมิคาสต้องหุบจากด้านกว้างเข้ามาประกบกาเบรียล มากัลเญส ที่วิ่งเติมมาตรงกลาง ทำให้ บูกาโย่ ซาก้า ที่อยู่ทางด้านขวานั้นไม่มีคนประกบ ในขณะเดียวกัน เฮนเดอร์สัน และ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ไม่สามารถตัดเกมหรือสกัดการจ่ายบอลของมาติเนลลี่ได้ ทำให้บอลมาถึงซาก้าและซาก้าก็ทำประตูขึ้นนำได้ในช่วงท้ายของครึ่งแรก นอกจากนี้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังถูกมาติเนลลี่เผาอีกหลายจังหวะจนกระทั่งอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์มีอาการบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยน โจ โกเมส ลงมาแทน ถึงแม้โกเมสจะโดนเผาโดนเลี้ยงจี้ไปบ้าง แต่ก็เห็นชัดเลยว่าในด้านเกมรับเขาทำได้ดีกว่าแบ็คขวาตัวจริงอย่างชัดเจน 3.การสูญเสียผู้เล่นคนสำคัญของลิเวอร์พูลการที่ลิเวอร์พูลต้องเสียผู้เล่นคุณภาพอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ออกไปส่งผลต่อระบบการเล่นของพวกเขาอย่างมาก ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่ถูกทดแทนเข้ามาอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ถึงแม้จะเป็นกองหน้าที่ทักษะดีมีความแข็งแกร่งแต่สไตล์การเล่นของเขานั้นแตกต่างกับมาเน่อย่างสิ้นเชิง ทำให้ลิเวอร์พูลต้องปรับรูปแบบการเล่นใหม่เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะในด้านของเกมรุกนอกจากผู้เล่นที่ย้ายออกไป ผู้เล่นตัวหลักที่ยังอยู่กับทีมก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวน อาทิเช่น แอนดรู โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่ และ โรแบร์โต้ ฟิมิโน่ ซึงล่าสุด หลุยส์ ดิอาซ ก็บาดเจ็บเพิ่มไปอีกคน ยังดีที่ ฟาบินโญ่ และ ฟิมิโน่ ยังสามารถลงช่วยทีมได้ แต่ก็ไม่ใช่ในสภาพที่เต็มร้อย ทั้งคู่ยังไม่สามารถที่จะลงช่วยทีมในเกมใหญ่ได้ตลอด 90 นาที ในแมตช์ล่าสุดถ้าดิอาซไม่บาดเจ็บ ฟิมิโน่ก็คงไม่ได้ลงมาเล่นมากขนาดนั้น หรือฟาบินโญ่ก็ถูกเปลี่ยนตัวลงมาช่วยเกมรับในครึ่งหลังเท่านั้นโดยเฉพาะการไม่มีฟาบินโญ่นั้นส่งผลต่อการคุมจังหวะการเล่น การคุมพื้นที่ในแดนกลาง และการป้องกันเกมสวนกลับอย่างมาก จะเห็นได้ว่าการเล่นเกมรับและการคุมจังหวะการเล่นของเฮนเดอร์สันยังทดแทนฟาบินโญ่ได้ไม่ดีพอ ติอาโก้อาจจะคุมจังหวะเกมได้ดีแต่ในด้านเกมรับก็ยังต้องการกลางรับธรรมชาติของจริงแบบฟาบินโญ่คอยช่วยสนับสนุนอยู่ ทางด้านของอาร์ตูที่ต้องการเอามาเป็นอะไหล่ของทั้งฟาบินโญ่และติอาโก้ก็เจ็บยาวไปอีกคน 4.โทมิยาสุผู้เก็บซาล่าเข้ากระเป๋ากางเกงในแมตช์นี้ทางฝั่งของอาร์เซนอลเรียกที่จะไม่ใช้แบ็คซ้ายของจริงอย่าง คีแรนส์ เทียร์นี่ หรือ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ลงเป็นตัวจริง แต่เลือกกองหลังสารพัดประโยชน์เลือดซามูไรอย่าง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน โดยเน้นไปที่การเล่นเกมรับอย่างแท้จริง เขาประกบผู้เล่นดาวดังอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาล่า ได้อย่างอยู่หมัด จนแทบจะหายไปจากเกม คนดูแบบเราแทบไม่ได้ยินเสียงผู้บรรยายพูดชื่อของซาล่าเลย การเพรสซิ่งแดนกลางและแดนบนของอาร์เซนอลบีบให้ผู้เล่นของทางลิเวอร์พูลต้องจ่ายบอลโยนยาวออกทางด้านปีกมากขึ้น และเมื่อบอลยาวมาทางฝั่งของซาล่ามากกว่าบนสั้นกับพื้นทำให้ซาล่าจะต้องต่อสู้แย่งชิงลูกกลางอากาศกับโทมิยาสุบ่อยมาก และโทมิยาสุก็เป็นฝ่ายชนะตลอดในเรื่องนี้ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่แข็งแกร่งประกอบกับการทำตามแทคติกเกมรับอย่างมีวินัยที่เป็นจุดเด่นของนักเตะชาวญี่ปุ่นแล้ว ทำให้ซาล่าไม่สามารถทำเกมรุกได้อย่างอิสระเหมือนกับนัดอื่นๆที่ผ่านมา สุดท้ายนี้ บทความที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงการคิดวิเคราะห์ของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถที่จะนำไปชี้วัดว่าเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ได้ ในเรื่องขององค์ประกอบต่างๆที่ทำให้ผลการแข่งออกมาแบบนี้นั้นอาจมีอีกหลายประการที่ผมตกหล่นไปต้องอภัยไว้ด้วย ฝากท่านผู้ท่านเข้ามาคอมเมนต์พูดคุยกันได้ครับ ส่วนตัวก็เป็นกำลังใจให้อาร์เซนอลคงฟอร์มดีๆแบบนี้ไปได้อีกนานๆนะครับ และก็เป็นกำลังใจให้ลิเวอร์พูลกลับมามีฟอร์มเก่งโดยเร็วนะครับ สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่อ่านกันมาจนถึงบรรทัดนี้ครับ ขอบคุณมากครับ เครดิตรูปภาพและคลิปวีดีโอรูปปก โดย : Arsenal และ Liverpool FCคลิปวีดีโอ โดย : Arsenalภาพที่ 1 โดย : Arsenalภาพที่ 2 โดย : Liverpool FCภาพที่ 3 โดย : Liverpool FCภาพที่ 4 โดย : Arsenalภาพที่ 5 โดย : Arsenalภาพที่ 6 โดย : FC Bayern Münchenภาพที่ 7 โดย : Liverpool FCภาพที่ 8 โดย : Liverpool FCภาพที่ 9 โดย : ArsenalCommunity คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์