สงครามแข้ง 'ไทยลีก' เลกสอง กับ 10 ประเด็นสำคัญที่แฟนบอลต้องจับตา!!
หลังจากการฟาดแข้งเลกแรกผ่านพ้นไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ศึกไทยลีก 2020/2021 ก็จะลงสนามเลกที่สองต่อเนื่องทันทีในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งบอกเลยว่า ดุเดือดเร้าใจยิ่งกว่าเลกแรกแน่นอน และนี่คือ 10 ประเด็นที่แฟนบอลต้องติดตามกันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์จนจบฤดูกาล!!
บีจี ปทุม...ว่าที่แชมป์?
ชนะ 13 เสมอ 2 และไม่แพ้ใครเลย...นี่คือผลงานอันสุดยอดของ “เดอะ แร็บบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์เลกแรก ซึ่งโกยไปถึง 41 แต้มจาก 15 นัด ทิ้งห่างอันดับสอง การท่าเรือ เอฟซี 7 แต้ม แต่ท่าเรือยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงขนาดนี้ ทำให้ บีจี ถูกมองว่ามีโอกาสสูงที่จะเข้าป้ายครองแชมป์ไทยลีกได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น อาจต้องติดตามกันก่อนว่า ทีมแกร่งแห่งคลองสามจะลิ้มรสความพ่ายแพ้เป็นนัดแรกเมื่อไร หรือในทางตรงกันข้าม พวกเขาอาจจะแผ่วปลายฟอร์มหลุดในเลกที่สองก็ได้ ใครจะไปรู้
หรือว่าสุดท้ายแล้ว บีจี ปทุม จะนำม้วนเดียวจบและผงาดครองแชมป์แบบไร้พ่าย ซึ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
คู่หูล่าสังหาร 'มุ้ย & ดิโอโก้'
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เชื่อกันว่า บีจี มีโอกาสนำม้วนเดียวจบและเข้าวินแบบฉลุย เนื่องจากว่าขุมกำลังที่พวกเขามีอยู่นั้นถือว่าแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ในเลกที่สอง บีจี จะยิ่งโหดขึ้นไปอีกเมื่อจะได้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ และ ธีรศิลป์ แดงดา เข้ามาช่วยไล่ล่าตาข่ายในถิ่นลีโอ สเตเดี้ยม อีกด้วย
ทั้งคู่ถือเป็นหัวหอกระดับตำนานของไทยลีกชนิดที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เรื่องฝีเท้านั้นไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว เหลือเพียงแค่การปรับตัวให้เข้าขากันเท่านั้น และถ้าทั้งคู่ “คลิก” กันได้เมื่อไร เมื่อนั้นคือ “ฝันร้าย” ของบรรดากองหลังไทยลีกแน่นอน
'โค้ชอู๊ด'กับท่าเรือ
ในช่วงออกสตาร์ทซีซั่น การท่าเรือ เอฟซี โชว์ฟอร์มขึ้นๆลงๆ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงตัวแม่ทัพมาเป็น “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ซึ่งหลังจากนั้น ทัพ “สิงห์เจ้าท่า” ก็ระเบิดฟอร์มเดินหน้าคว้าชัย 10 นัดติดต่อกันในทุกรายการเข้าไปแล้ว
ต้องตามดูกันต่อไปว่า ในเลกที่สอง โค้ชอู๊ดจะทำให้ยอดทีมจากคลองเตยรักษามาตรฐานอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน ซึ่งถ้ามองดูผลงานจากในเลกแรกแล้ว หากจะมีสักทีมที่เป็นคู่แข่งเบียดแย่งแชมป์กับ บีจี ปทุม ได้ ก็คงต้องยกให้ การท่าเรือ ทีมนี้นี่แหละ
แข้งเทพ'เฮแบร์ตี้'
ถือเป็นทีมใหญ่ที่เต็มไปด้วยแข้งดังดีกรีทีมชาติ แต่ผลงานของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือว่าน่าผิดหวัง จนต้องแยกทางกับกุนซือมาโน่ โพลกิ้ง และเป็น “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ที่เข้ามารับช่วงต่อเมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.
แต่หลังจากนั้น ฟอร์มของพวกเขาก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าที่ควรสักเท่าไร ก่อนจะจบเลกแรกในอันดับ 9 ตามหลังจ่าฝูง บีจี ปทุม อยู่ถึง 21 แต้ม อย่างไรก็ดี ในเลกที่สอง สาวกแข้งเทพพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง เพราะพวกเขาจะได้ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส จอมถล่มประตูเลือดแซมบ้า มาเป็นอาวุธสำคัญในแดนหน้า และอาจจะเป็น “คีย์แมน” ที่ทำให้ทัพแข้งเทพติดปีกก็เป็นได้
สีสันจาก'โค้ชโอ้'
อาจจะยังไม่ถึงขั้นก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ แต่ต้องยอมรับว่า “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในยุคของ “โค้ชโอ้” มาริโอ ยูรอฟสกี้ มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับเลกที่สอง เอสซีจี เมืองทอง ไม่ได้ดึงแข้งบิ๊กเนมเข้าสู่ทีมแต่อย่างใด โดยยังคงใช้แกนหลักชุดเดิม ผนึกกำลังกับแข้งต่างชาติอย่าง วิลเลียน พ็อพพ์, แดร์เลย์ และ ลูคัส โรชา ขณะเดียวกัน ทีมกิเลนผยองดันผู้เล่นดาวรุ่งขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่หลายคน ซึ่งไม่มีใครการันตีได้ว่าผลงานจะออกมาดีแค่ไหน แต่ที่เชื่อได้แน่นอนคือ เมืองทองในยุคของยูรอฟสกี้ เป็นฟุตบอลที่เร้าใจ และชวนให้ติดตามจริงๆ
และไม่ใช่แค่เรื่องผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแอ็คชั่นขอบสนาม ตลอดจนการแต่งตัวของเฮดโค้ชที่ชื่อว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ ซึ่งแฟนบอลทุกสโมสรต่างรอดูว่า วันนี้ “โค้ชโอ้” จะแต่งตัวยังไงมาคุมทีม
ต่างชาติชุดใหม่ของบุรีรัมย์
ต้องยอมรับว่า ผู้เล่นต่างชาติของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ในช่วงหลัง ทำผลงานน่าผิดหวัง และแทบไม่มีใครอยู่กับทีมได้นานเลย ซึ่งในฤดูกาลนี้ก็เข้าอีหรอบเดิมอีกครั้ง
อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ, มาร์โก เชโปวิช, กิดี้ คานยุค และ เรนาโต้ เคลิช คือ 4 แข้งนอกที่โดนโละยกชุด ซึ่งบุรีรัมย์ก็จัดการดึงผู้เล่นต่างชาติชุดใหม่เข้ามาบู๊ศึกไทยลีกเลกสอง ประกอบด้วย 3 แข้งแซมบ้า ได้แก่ ไมคอน ปีกอดีตทีมชาติบราซิลชุดยู-20, ซามูเอล โรชา กอนคัลเวส กองหน้าวัย 29 ปี และ ดิเกา ปราการหลังจอมเก๋าจากฟลูมิเนนเซ่ บวกกับ แบรนดอน โอนีล มิดฟิลด์เชิงรับเลือดออสซี่ ซึ่งเข้ามาในโควต้าผู้เล่นเอเชีย
หากผู้เล่นต่างชาติทำผลงานเปรี้ยงปร้าง ประสานงานกับแข้งไทยฝีเท้าดีที่มีอยู่ได้อย่างเข้าขา แฟนบอล “เซราะกราว” ก็อาจได้เห็นทีมรักไต่อันดับขึ้นไปเกาะกลุ่มหัวแถวได้เช่นกัน
ไทยลีก-ลีกกินโค้ช
ในช่วงไทยลีกเลกแรก ปรากฏว่ามีสโมสรที่เปลี่ยนแปลงตัวกุนซือถึง 7 จากทั้งหมด 16 ทีม เรียกได้ว่าเกือบครึ่งลีกเลยทีเดียว ซึ่งมีลาออก, หมดสัญญา และโดนแจกซองขาว
การท่าเรือ, ทรู แบงค็อก, สิงห์ เชียงราย, ระยอง, บุรีรัมย์, เอสซีจี เมืองทอง และล่าสุดคือ ราชบุรี มิตรผล คือ 7 ทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวแม่ทัพ ซึ่งเชื่อได้เลยว่า ในศึกไทยลีกเลกสองจะต้องมีกุนซือตกงานมากกว่านี้แน่นอน แต่จะเป็นใครและทีมไหนเท่านั้นเอง
ดาวดังเปลี่ยนสีเสื้อ
ในเลกที่สอง แฟนบอลจะได้เห็นแข้งดังหลายคนที่ย้ายทีมกันอุตลุด และไปสวมเสื้อของสโมสรใหม่ ไล่ตั้งแต่ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่คัมแบ็กสู่ โปลิศ เทโร เอฟซี อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวจากชลบุรี เอฟซี รวมถึง ดราแกน บอสโควิช อดีตดาวซัลโวไทยลีก 2017 ที่ย้ายจาก ชลบุรี ไปอยู่กับ เทโร อีกคน
และอีกหนึ่งบิ๊กเนมที่เปลี่ยนต้นสังกัดคือ โตติ ซึ่งถูกปล่อยยืมไปอยู่กับ สมุทรปราการ ซิตี้ หลังจาก บีจี จำเป็นต้องปล่อย โตติ เพื่อเปิดทางให้ ดิโอโก้ เข้ามาเสียบโควต้าต่างชาติแทน
ขณะที่ เลอันโดร อัสซัมเซา กองหน้าจอมเก๋า ซึ่งค้าแข้งในไทยลีกมาแล้วกับหลายสโมสร ก็โบกมือลา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ของ สุพรรณบุรี เอฟซี
ลุ้นดาวซัลโว
เดนนิส มูริลโล่ กองหน้าชาวบราซิลเลียนของนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ยึดตำแหน่งผู้นำดาวซัลโวหลังจากจบเลกแรก ด้วยผลงานกระทุ้งตาข่ายไปทั้งสิ้น 11 ลูก ตามด้วย จอห์น บาจโจ้ (สุโขทัย) 10 ลูก และวิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (บีจี ปทุม) วิลเลน โมต้า (พีที ประจวบ) กับ บาร์รอส ทาร์เดลี่ (สมุทรปราการ) ยิงไป 9 ลูกเท่ากัน
ทั้งนี้ จากอันดับดาวซัลโวจะเห็นได้ว่ามีแต่บรรดาแข้งต่างชาติที่ยึดหัวหาดกันเกือบหมด โดยผู้เล่นไทยที่ยิงได้มากที่สุดในเลกแรกคือ “กอล์ฟ “ อดิศักดิ์ ไกรษร (การท่าเรือ) และ ฟิลิป โรลเลอร์ (ราชบุรี) ซึ่งยิงไป 8 ลูก เท่ากับ บิล โรซิมาร์ (สิงห์ เชียงราย) แดร์เลย์ (เมืองทอง) และเซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ)
ลองมาลุ้นกันดูว่าฤดูกาลนี้ ดาวซัลโวจะเป็นใคร และจะเป็นนักเตะไทยหรือไม่ ซึ่งนักเตะไทยคนสุดท้ายที่ครองดาวซัลโวไทยลีก ต้องย้อนไปไกลถึง 8 ปีที่แล้ว นั่นคือ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ที่ซัดไป 24 ประตูเท่ากับ เคลตัน ซิลวา เมื่อปี 2012
โควิด-คู่ต่อสู้ของทุกทีม
นอกเหนือจากเรื่องในสนามแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่แฟนบอลทุกสโมสรต้องจับตาใกล้ชิด นั่นคือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ซึ่งส่งผลกระทบมาถึงฟุตบอลไทยลีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนหน้านี้ แฟนบอลได้รับไฟเขียวให้เข้าชมเกมได้ 50% ของความจุสนาม แต่จากการระบาดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เริ่มมีบางแมตช์ที่ต้องเลื่อนการแข่งขัน ส่วนเกมที่ลงเล่นได้ก็ต้องแข่งขันแบบปิด ไม่อนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมเกมสนาม ซึ่งต้องติดตามข่าวกันต่อเนื่อง ไม่งั้นอาจจะไปสนามเก้อได้
การตามเชียร์ผลงานของทีมรักถือว่าลุ้นแล้ว แต่การลุ้นให้ศึกลูกหนังไทยลีกแข่งขันได้อย่างราบรื่นและจบฤดูกาลตามโปรแกรม ก็เป็นสิ่งที่ต้องลุ้นไม่แพ้กัน
'111'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> อัพเดท ตลาดซื้อขายนักเตะ นักบอลย้ายทีม ศึกไทยลีก 2020/21 เลก 2
>> สวมเบอร์ 28!! บีจี ปทุม โพสต์คลิปเปิดตัว 'ธีรศิลป์' ผ่านเกมวินนิ่ง (ชมคลิป)
--------------------------------
ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่
เก็งไม่มีพลาด! ฟันธงคู่ไหนเด็ด! เจาะลึกก่อนเกมพรีเมียร์ลีก สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238066 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้