ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21 : "อาร์เซน่อล" กับภารกิจทวงความยิ่งใหญ่
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21
อาร์เซน่อล
บทสรุปผลงานซีซั่นก่อน
ทัพ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน หลังจบในอันดับที่ 8 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 1994/95 หรือในรอบ 25 ปี ซึ่งปีนั้นพวกเขาจบในอันดับที่ 12 ของลีก อีกทั้งยังทำให้ เดอะ กันเนอร์ส พลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันอีกด้วย
ยอดทีมแห่ง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ เฮดโค้ช วัย 48 ปี เริ่มต้นซีซั่น 2019/20 ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เมื่อผ่าน 8 นัดแรก พวกเขาแพ้ไปเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น ทว่าหลังจากนั้น ปืนใหญ่ กลับฟอร์มช็อตไปดื้อๆ เมื่อไม่สามารถควานหาชัยชนะได้อีกเลยใน 5 เกมถัดมา จากนั้นฟางเส้นสุดท้ายของ อูไน เอเมรี่ กับ อาร์เซน่อล ก็ได้ขาดลง หลังพ่ายคาถิ่นต่อ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 1-2 ในศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2019 ส่งผลให้กุนซือชาวสเปนกระเด็นออกจากเก้าอี้ผู้จัดการทีมทันที
จากนั้น อาร์เซน่อล ดัน เฟรดริก ลุงเบิร์ก ตำนานนักเตะชุดไร้พ่าย ที่ตอนนั้นรับบท ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ขึ้นรับตำแหน่งกุนซือขัดตาทัพ อย่างไรก็ตาม ลุงเบิร์ก ไม่สามารถกอบกู้ทัพปืนใหญ่กลับมาได้ เมื่อเขาพาทีมชนะได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น จากการคุมทีมไป 5 เกมในลีก นั่นทำให้ทีมดังจากลอนดอนเหนือ ต้องตัดสินใจดึงตัว มิเกล อาร์เตต้า อดีตนักเตะของทีม วัย 38 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานั้น กลับมารับบทเป็น นายใหญ่ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส
มิเกล อาร์เตต้า ค่อยๆ ปรับทีมทีละเล็กทีละน้อย จนปืนใหญ่เริ่มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในช่วงต้นปี 2020 เมื่อพวกเขาไม่แพ้ใครถึง 8 นัดติดต่อกัน ทว่าพรีเมียร์ลีกก็ต้องพักเบรกไปกว่า 3 เดือน เนื่องจากไวรัสโควิด-19 จากนั้นเมื่อกลับมารีสตาร์ทอีกครั้ง อาร์เซน่อล ก็ยังคงทำผลงานโดยรวมได้ค่อนข้างดี และมีฟอร์มการเล่นที่ไหลลื่น แม้จะมีสะดุด เสมอ และ แพ้ อยู่บ้าง แต่ก็เกิดมาจากความผิดพลาดส่วนตัวของนักเตะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สุดท้ายแล้ว พวกเขาจบฤดูกาลด้วยผลงาน ชนะ 14 เสมอ 14 และแพ้ 10 มี 56 คะแนน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นปีที่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในลีก แต่ อาร์เซน่อล ก็ยังมีถ้วยรางวัลให้แฟนบอลได้ชื่นใจกัน เมื่อ เดอะ กันเนอร์ส ยังคงโชว์ฟอร์มเทพ ในฟุตบอลถ้วยเก่งของพวกเขา อย่างศึก เอฟเอ คัพ จนประกาศศักดาคว้าแชมป์มาครองได้อีกครั้ง เป็นสมัยที่ 14 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของศึกเก่าแก่รายการนี้ อีกทั้งยังเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 4 ในรอบ 7 ปีหลังสุดเลยทีเดียว
ขุมกำลังซีซั่นนี้
หลังจากที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองอย่างยิ่งใหญ่ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม อาร์เซน่อล ก็เดินหน้าคว้าแชมป์ที่ 2 ได้ทันทีในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน นั่นคือโล่การกุศล คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2020 หลังเอาชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ในการดวลลูกโทษ 5-4 หลังจากเสมอกัน 1-1 ในเวลาปกติ ซึ่งถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนลงประเดิมสนามในศึกพรีเมียร์ลีกซีซั่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
ในด้านของขุมกำลังและสภาพความพร้อมของทีม "ปืนใหญ่" เริ่มเสริมแกร่งโดยการเซ็นสัญญา คว้าตัวนักเตะที่ยืมตัวมาในซีซั่นก่อน อย่าง ปาโบล มารี ปราการหลังชาวสเปน และ เซดริก โซอาเรส อดีตแบ็กขวาทีมนักบุญ มาร่วมทีมแบบถาวร
จากนั้นพวกเขาดึงตัว วิลเลี่ยน ปีกจอมเก๋าของสิงห์บลูส์ ที่หมดสัญญากับต้นสังกัดเก่า ข้ามฝากมายังถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และล่าสุด อาร์เซน่อล ก็เพิ่งปิดดีลคว้าตัว กาเบรียล มากัลเญส แนวรับชาวแซมบ้า มาจาก ลีลล์ อีกคน และมีความเป็นไปได้สูง ที่พวกเขาจะได้นักเตะหน้าใหม่มาเสริมทัพเพิ่มเติมอีกในตลาดรอบนี้
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตามอง และสำคัญต่อทีมมากๆ นอกเหนือจากการได้นักเตะใหม่แล้ว คือ การต่อสัญญากับศูนย์หน้ากัปตันทีม อย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ตอนนี้เหลือสัญญาอยู่กับทีมถึงแค่กลางปีหน้าเท่านั้น และยังไม่ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปแต่อย่างใด แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีกระแสข่าวว่า เขาเตรียมจะจรดปากกาต่อสัญญาแล้วก็ตาม เพราะหากดาวยิงชาวกาบองเกิดเปลี่ยนใจไม่ต่อสัญญาขึ้นมา จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของทีมอย่างแน่นอน เนื่องจาก โอบาเมยอง ถือได้ว่าเป็นหัวใจในเกมรุกของทีมอย่างแท้จริง
คีย์แมนที่น่าจับตามอง
ซีซั่นที่ผ่านมา มีนักเตะ อาร์เซน่อล หลายคนที่โชว์ฟอร์มได้ดี ไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, แบรนด์ เลโน่, คีแรน เทียร์นี่ย์, บูกาโย่ ซาก้า หรือ อเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ แต่คนที่ถือได้ว่าเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของทีม ในฤดูกาลที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้น ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง
หัวหอกชาวกาบอง วัย 31 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง หลังซัดไปถึง 22 ประตู ครองตำแหน่ง รองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ แดนนี่ อิงส์ ของ เซาธ์แฮมป์ตัน และเป็นรอง เจมี่ วาร์ดี้ เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ จาก เลสเตอร์ ซิตี้ เพียงลูกเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจะพูดถึง นักเตะที่น่าจับตามองในซีซั่นหน้า นอกเหนือจาก โอบาเมยอง แล้ว คงต้องเล็งไปที่ วิลเลี่ยน ปีกมากประสบการณ์ วัย 32 ปี ที่ย้ายมาจาก เชลซี
ฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ อาร์เซน่อล จะมีปีกขวาอย่าง นิโกล่าส์ เปเป้ ที่คว้าตัวมาจาก ลีลล์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 72 ล้านปอนด์ ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาเท่าที่ควร แม้จะยิงได้ 5 ประตู และทำไป 6 แอสซิสต์ในเกมลีกก็ตาม รวมถึง รีสส์ เนลสัน ปีกดาวรุ่ง วัย 19 ปี ที่ถูกดันขึ้นมาจากชุดเยาวชน ก็ยังคงต้องการเวลาในการหาประสบการณ์ ทำให้การมาของ วิลเลี่ยน ที่มีทั้งความเร็วและความเก๋า จะช่วยเติมเต็มในตำแหน่งปีกขวาให้ทีมปืนใหญ่ได้อย่างแน่นอน หากเขายังคงรักษาฟอร์มที่เคยเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้
จึงเชื่อว่า วิลเลี่ยน จะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรและฟันเฟืองสำคัญ ในเกมรุกของปืนใหญ่ซีซั่นหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งหากเขาประสานงานกับ อเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ได้อย่างลงตัวเมื่อไหร่ แนวรุกของ อาร์เซน่อล ก็คงจะน่ากลัวไม่แพ้ทีมใดในลีกเลยทีเดียว
บทวิเคราะห์และทำนายอันดับ
เป้าหมายของอาร์เซน่อลในซีซั่นนี้ คงต้องมองไปถึงการคว้าโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาพลาดโม่แข้งในศึกถ้วยใหญ่ของยุโรปถึง 4 ปีเต็ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยสร้างมาตรฐาน คว้าตำแหน่งท็อปโฟร์ได้ตลอดในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์
ซึ่งหากดูความเป็นเป็นไปได้แล้ว ต้องยอมรับว่า มิเกล อาร์เตต้า คงต้องพบกับงานที่หนักพอสมควรเลยทีเดียว เนื่องจากคู่แข่งของพวกเขานั้นมีมากมายหลายทีมเหลือเกิน โดยหากวิเคราะห์ตามความน่าจะเป็นแล้ว ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมที่ลุ้นแชมป์กันใน 2 ซีซั่นที่ผ่านมา น่าจะยังคงเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กันอีกครั้ง ทำให้เชื่อว่า หงส์แดง กับ ซิตี้ จะคว้าตั๋ว 2 ใบแรกไปครองได้อย่างไม่ยากเย็น
ทำให้จะเหลือตั๋วอีกเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น ขณะที่เหลืออีกอย่างน้อย 4-5 ทีม ที่ต้องการลุ้นตั๋ว 2 ใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น เชลซี ที่เสริมทีมแบบน่ากลัวสุดๆ จนอาจขยับไปเบียดแย่งแชมป์ได้เลย, แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งคว้าแข้งรายแรกไปเสริมทัพได้สำเร็จ, สเปอร์ส ของ มูรินโญ่ที่เตรียมกลับมาทวงตำแหน่งท็อปโฟร์เช่นกัน รวมถึง 2 ทีมที่เตรียมสอดแทรกอยู่อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน
อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับว่า อาร์เซน่อล ยังมีอาวุธที่น้อยกว่าคู่แข่งอย่าง เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด หรือแม้แต่ สเปอร์ส อยู่พอสมควร ทว่าด้วยศักยภาพของนักเตะที่มี และรูปแบบการเล่นที่ยังคงดูดีมีอนาคตของกุนซืออย่าง อาร์เตต้า ทำให้เชื่อว่าหาก ปืนใหญ่ ลดความผิดพลาดในเกมรับที่เคยเป็นปัญหาในซีซั่นก่อนได้ รวมถึงเสริมความคมในแดนหน้าด้วยนักเตะระดับท็อปอีกสัก 1-2 ราย ก็น่าจะทำให้พวกเขากลับไปลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างสนุกจนถึงท้ายฤดูกาลอีกครั้ง
อันดับที่คาด : อันดับที่ 5
ทรูไอดีพรีวิว พรีเมียร์ลีก 20/21
• ลิเวอร์พูล
• แมนเชสเตอร์ ซิตี้
• แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด .. กับปีที่ต้องมองไกลกว่าท็อปโฟร์
• เชลซี .. กับการนำ สิงห์บลูส์ ตัวนี้กลับมาผงาด
• เลสเตอร์ ซิตี้ .. กับการทวงคืนอันดับ 4 ที่พลาดไป
• สเปอร์ส .. กับการปีนกลับขึ้นสู่บิ๊ก 4 อีกครั้ง
• วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส .. กับความหวังในการไปยุโรป
• อาร์เซน่อล .. กับภารกิจทวงความยิ่งใหญ่
• เอฟเวอร์ตัน .. กับฤดูกาลพิสูจน์ฝีมือ คาร์โล อันเชลอตติ
• ลีดส์ ยูไนเต็ด .. กับการคัมแบ็กสู่พรีเมียร์ลีกในรอบ 16 ปี