ดูบอลสด คู่บิ๊กแมตช์ในศึก เอฟเอ คัพ 2024/25 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง คริสตัล พาเลซ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 22:30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ สนาม เวมบลีย์ พร้อมช่องทางรับชมและวิเคราะห์เกม! ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! รอบชิงชนะเลิศครั้งนี้เป็นโอกาสครั้งที่สามของ คริสตัล พาเลซ ที่จะคว้าแชมป์ถ้วยเก่าแก่ใบนี้ หลังจากเคยเข้าชิงในปี 1990 และ 2016 แต่พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสองครั้ง ปัจจุบัน พาเลซเป็นหนึ่งในสี่สโมสรที่เข้าชิงสองครั้งแต่ยังไม่เคยคว้าแชมป์ ร่วมกับควีนส์ ปาร์ค, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, และวัดฟอร์ด การคว้าแชมป์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ให้สโมสร แต่ยังพาทีมไปเล่นใน ยูโรป้า ลีก ฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นการกลับสู่เวทียุโรปครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998 ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มุ่งมั่นคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นสมัยที่ 8 เพื่อเทียบชั้น ลิเวอร์พูล, เชลซี, และ ท็อตแนม โดยมีเพียง อาร์เซนอล (14 สมัย) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (13 สมัย) ที่คว้าแชมป์มากกว่า ซิตี้ยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในอังกฤษที่เข้าชิงทั้งสองถ้วยใหญ่ในประเทศ (เอฟเอ คัพ และ อีเอฟแอล คัพ) ติดต่อกันสามฤดูกาล และนี่คือรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 14 ของพวกเขา วิเคราะห์ คริสตัล พาเลซ ทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในเอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ ด้วยการเอาชนะสต็อกพอร์ต เคาน์ตี, ดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส, มิลวอลล์, ฟูแลม และแอสตัน วิลลา โดยเสียเพียงประตูเดียวตลอดทัวร์นาเมนต์ และยิงสามประตูในสามรอบหลังสุด รวมถึงชัยชนะ 3-0 เหนือแอสตัน วิลลา ในรอบรองชนะเลิศ นอกจากนี้ พาเลซยังไม่แพ้ใครใน 5 นัดหลังสุดทุกรายการ โดยมี เอเบเรชี เอเซ เป็นตัวทีเด็ดที่ยิง 5 ประตูจาก 4 นัดล่าสุด ในพรีเมียร์ลีก พาเลซอยู่อันดับ 12 ด้วย 49 คะแนน และยังมีลุ้นจบท็อป 10 ซึ่งจะเป็นการยกระดับทีมอย่างมาก การเผชิญหน้ากับแมนซิตี้ในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากพาเลซไม่ชนะซิตี้มา 7 นัดติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 4) รวมถึงความพ่ายแพ้ 5-2 ในเกมลีกเมื่อ 5 สัปดาห์ก่อน โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ยืนยันในการแถลงข่าวก่อนเกมล่าสุด ว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องเปลี่ยนแปลงทีม เพราะนักเตะชุดปัจจุบันทำผลงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ด้านความพร้อมของทีม อดัม วอร์ตัน กองกลางดาวรุ่งของ คริสตัล พาเลซ ที่พลาดเกมชนะ สเปอร์ส สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากข้อเท้าพลิก โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ยืนยันว่านักเตะฟิตสมบูรณ์และพร้อมลงสนาม หลังจากได้ลงซ้อมเต็มที่ตลอดสัปดาห์ ในขณะที่ชาดี ริอัด และเชค ดูคูเร่ ยังคงพักรักษาอาการบาดเจ็บเข่าระยะยาว หาก วอร์ตัน พร้อมออกสตาร์ท อาจทำให้วิล ฮิวจ์ส หรือเจฟเฟอร์สัน เลร์มา ต้องหลุดจากตำแหน่งตัวจริง ส่วนไดจิ คามาดะ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในแดนกลางที่พร้อมลงสนาม รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของ คริสตัล พาเลซ (3-4-2-1): ดีน เฮนเดอร์สัน (ผู้รักษาประตู), คริส ริชาร์ดส์, แม็กซ็องซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี, ดาเนียล มูญอซ, วิล ฮิวจ์ส, อดัม วอร์ตัน, ไทริค มิทเชลล์, เอเบเรชี่ เอเซ่, อิสมาอิล่า ซาร์, ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า วิเคราะห์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แมนซิตี้ ผ่านเข้ารอบชิงด้วยการเอาชนะซัลฟอร์ด ซิตี้, พลีมัธ อาร์ไกล์, เลย์ตัน โอเรียนท์, บอร์นมัธ, และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (2-0 ในรอบรอง) ถือเป็นทีมที่คุ้นเคยกับเวทีเวมบลีย์ โดยลงเล่นที่นี่ถึง 30 ครั้งตั้งแต่ปี 2011 มากกว่าทีมอื่นอย่างน้อย 7 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ซิตี้เสียแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี และเสมอแบบไร้สกอร์กับเซาแธมป์ตันในนัดล่าสุด ทำให้เอฟเอ คัพ เป็นโอกาสสุดท้ายในการคว้าแชมป์ในประเทศ ซิตี้ไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกัน (ชนะ 7 เสมอ 3) และมีสถิติข่มพาเลซใน เอฟเอ คัพ โดยชนะ 3 จาก 4 ครั้งที่เจอกัน รวมถึงชัยชนะ 11-4 ในปี 1926 ซึ่งเป็นเกมที่ยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซิตี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวก่อนเกม โดยเป้าหมายหลักของแมนซิตี้ในตอนนี้คือการลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 14 ของสโมสร การคว้าชัยชนะในวันเสาร์นี้จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 8 เทียบเท่ากับลิเวอร์พูล, เชลซี และสเปอร์ส มีเพียง อาร์เซนอล (14) และ แมนยู (13) เท่านั้นที่คว้าแชมป์ได้มากกว่า ด้านความพร้อมล่าสุด แมนซิตี้ ยังคงไม่มี โรดรี้ (เอ็นไขว้หน้า/ความฟิต), นาธาน อาเก้ (บาดเจ็บที่เท้า), ออสการ์ บ็อบบ์ (แฮมสตริง) และ จอห์น สโตนส์ (บาดเจ็บต้นขา) เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจตัดสินใจส่งมาเตอุส นูเนส และนิโก้ โอ'ไรลี่ย์ ลงเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค ในขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดูเหมือนจะได้รับความไว้วางใจให้ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ดาวยิงสูงสุดของสโมสรฤดูกาลนี้ (30 ประตูจาก 41 นัด) ยิงได้ 6 ประตูจาก 4 เกมที่พบ พาเลซ แต่เขายังยิงประตูไม่ได้เลยจากการลงเล่นที่เวมบลีย์ 5 ครั้งให้กับสโมสร โดย 3 ครั้งอยู่ใน เอฟเอ คัพ รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1): เอแดร์ซอน (ผู้รักษาประตู), มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอ'ไรลี่ย์, มาเตโอ โควาซิช, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เฌเรมี่ โดกู, เควิน เดอ บรอยน์, โอมาร์ มาร์มูช, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สรุปประเด็นสำคัญ คริสตัล พาเลซ: อดัม วาร์ตัน หายเจ็บข้อเท้าและพร้อมลงสนาม ขณะที่ ชาดี รีอาด และ เช็ก ดูกูร์ ยังคงบาดเจ็บ เอเซ และ ซาร์ จะเป็นตัวอันตรายในแนวรุก โดยมี มาเตตา ที่ยิงไป 17 ประตูในฤดูกาลนี้เป็นหัวหอก แมนเชสเตอร์ ซิตี้: ซิตี้ขาด โรดรี้, นาธาน อาเก้, ออสการ์ บ็อบบ์, และ จอห์น สโตนส์ เนื่องจากบาดเจ็บ แต่นิโก้ โอ'ไรลี่ย์ กลายเป็นดาวเด่นใน เอฟเอ คัพ ด้วยการมีส่วนร่วม 5 ประตู (3 ประตู, 2 แอสซิสต์) ฮาแลนด์ ที่ยิง 30 ประตูในฤดูกาลนี้จะเป็นตัวความหวัง แม้ว่าจะยังไม่เคยยิงที่เวมบลีย์กับซิตี้ สถิติ Head-to-Head (5 นัดหลังสุด) 12 เม.ย. 2568: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-2 คริสตัล พาเลซ (พรีเมียร์ลีก) 7 ธ.ค. 2567: คริสตัล พาเลซ 2-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 6 เม.ย. 2567: คริสตัล พาเลซ 2-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 16 ธ.ค. 2566: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 คริสตัล พาเลซ (พรีเมียร์ลีก) 11 มี.ค. 2566: คริสตัล พาเลซ 0-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด คริสตัล พาเลซ 11 พ.ค. 2568: ชนะ สเปอร์ส 2-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก) 6 พ.ค. 2568: เสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก) 26 เม.ย. 2568: ชนะ แอสตัน วิลลา 3-0 (สนามกลาง, เอฟเอ คัพ) 24 เม.ย. 2568: เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เยือน, พรีเมียร์ลีก) 19 เม.ย. 2568: เสมอ บอร์นมัธ 0-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 พ.ค. 2568: เสมอ เซาแธมป์ตัน 0-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก) 2 พ.ค. 2568: ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก) 27 เม.ย. 2568: ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 (สนามกลาง, เอฟเอ คัพ) 23 เม.ย. 2568: ชนะ แอสตัน วิลลา 2-1 (เหย้า, พรีเมียร์ลีก) 19 เม.ย. 2568: ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 (เยือน, พรีเมียร์ลีก) วิเคราะห์เกมและทำนายผล เกมนี้มีแนวโน้มเป็นการแข่งขันที่สูสีและเต็มไปด้วยประตู เนื่องจาก 4 นัดล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกันมีการยิงอย่างน้อย 4 ประตูต่อนัด คริสตัล พาเลซ มีจุดเด่นในการโต้กลับเร็ว โดยเฉพาะผ่าน เอเซ และ ซาร์ ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้แนวรับของ แมนซิตี้ ที่ยังมีช่องโหว่ อย่างไรก็ตาม แมนซิตี้ มีประสบการณ์ในนัดชิงชนะเลิศและคุณภาพในแนวรุกจาก ฮาแลนด์, เดอ บรอยน์, และ มาร์มูช ซึ่งพร้อมฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของพาเลซ คาดว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเฉือนชนะด้วยสกอร์ 2-1 ด้วยความสามารถเฉพาะตัวและประสบการณ์ในเกมใหญ่ ช่องทางรับชม แฟนบอลสามารถรับชม ดูบอลสด คริสตัล พาเลซ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านช่องทางถ่ายทอดสด beIN SPORTS 3 อย่าพลาด ดูบอลสด คู่หยุดโลกนี้ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 และติดตามทุกความเคลื่อนไหวได้ที่นี่! คุณคิดว่าใครจะเป็นแชมป์? ร่วมแสดงความคิดเห็นและคาดการณ์สกอร์กันได้ในคอมเมนต์เลย! #FACupFinal #ดูบอลสด #นัดชิงเอฟเอคัพ #เอฟเอคัพ #CPFC #ManCity ภาพประกอบโดย ภาพปก Crystal Palace F.C. : พื้นหลัง , มาร์ก เกฮี , โอมาร์ มาร์มูช , ภาพที่ 1 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5 , Manchester City : เออร์ลิง ฮาลันด์ , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !