บิ๊กแมตซ์เอฟเอคัพรอบ 3 ระหว่าง อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล จบลงด้วยชัยชนะของทีมหงส์แดง บุกมาทำแสบถึงเอมิเรตส์สเตเดี้ยม ถึงแม้ว่าเจ้าถิ่นจะเป็นฝ่ายเริ่มเกมได้ดีกว่า เปิดฉากบุกเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรกหวังจะชิงโอกาสขึ้นนำเร็ว แต่นักเตะลิเวอร์พูลก็สามารถต้านเอาไว้ได้ดีในระดับนึง รูปเกมส่วนใหญ่เป็นของเจ้าถิ่นมีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง แต่ด้วยความที่ไม่เด็ดขาดกันเอง ทำให้นักเตะลิเวอร์พูลค่อยๆจับจังหวะและกลับคืนสู่เกมของตัวเองได้ สุดท้ายมายิง 2 ประตูช่วงท้ายเกมส่งอาร์เซนอลตกรอบไปตามระเบียบความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนของเกมคู่นี้ ไม่ใช่ฝีเท้าของนักเตะในสนาม แต่เป็นการวางแท็คติกของกุนซือทั้งสองทีม ซึ่งต้องยอมรับว่าเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เอาชนะ มิเกล อาร์เตต้า ได้แบบขาดลอยเลยทีเดียว โดยเฉพาะการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าระหว่างเกม วันนี้เราจึงจะพามาดู 3 แท็คติกเปลี่ยนเกมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้ลิเวอร์พูลทุบปืนใหญ่พังพินาศการสลับตำแหน่งของแนวรุกลิเวอร์พูลเริ่มเกมด้วยการใช้สามประสานแนวรุกประกอบด้วย หลุยส์ ดิอาซ ทางฝั่งซ้าย ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ทางฝั่งขวา และ ดาร์วิน นูนเญซ ประจำตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า แต่ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะไม่ค่อยคลิกกันมากนัก แทบไม่มีจังหวะประสานงานกันให้เห็น ดาร์วิน นูนเญซ โดนกองหลังคู่แข่งประกบติด จบครึ่งแรกแทบไม่มีโอกาสยิงประตู เริ่มครึ่งหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ แก้ปัญหาง่ายๆแต่ประสิทธิภาพสูง ด้วยการสลับตำแหน่งของแนวรุกให้ ดาร์วิน นูนเญซ ฉีกตัวไปอยู่ฝั่งซ้าย หลุยส์ ดิอาซ ข้ามมาโจมตีทางฝั่งขวา แล้วส่ง ดิโอโก้ โชต้า ลงมาเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า เท่านี้ก็ทำให้เกมรุกดูอันตรายขึ้น ความเร็วและคล่องตัวโจมตีริมเส้นทั้งสองข้าง สามารถสร้างโอกาสยิงได้มากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยเปลี่ยนดาวรุ่งลงสนามในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย อาร์เซนอลส่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มาโจมตีริมเส้นฝั่งขวาซึ่งก็ได้ผลดี เนื่องจากตอนนั้น เทรนต์-อาร์โนลด์ มีความฟิตเป็นรองเมื่อต้องดวลกันตัวต่อตัวจึงเอาไม่อยู่ โดนลากไปถึงสุดเส้นหลายครั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ จึงแก้เกมด้วยการส่งนักเตะดาวรุ่งอย่าง คอเนอร์ แบรดลีย์(20 ปี) และ บ็อบบี้ คลาร์ก(18 ปี) ซึงตอนนั้นหลายคนคงสงสัยว่าทำไมส่งเด็กลงในช่วงเวลากดดันแบบนี้ แต่กลายเป็นว่าเด็กทั้งสองคนนี้ช่วยให้เกมรับฝั่งขวาแน่นขึ้นมาก ด้วยความกระหายในการลงเล่นพละกำลังเต็มเปี่ยม บ็อบบี้ คลาร์ก วิ่งเพรสซิ่งกดดันตั้งแต่กลางสนาม ดักตัดบอลสวยๆได้หลายครั้ง เป็นพลังงานที่ถูกเติมเข้าไปช่วงท้ายเกม ส่วนตำแหน่งแบ็คขวา คอเนอร์ แบรดลีย์ รับผิดชอบเกมรับได้อย่างดีเยี่ยม เล่นงานจน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เลี้ยงบอลแทบไม่ผ่านเลย ซึ่งตลอด 25 นาทีที่ทั้งสองคนอยู่ในสนามเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ คิดถูกมากจริงๆปรับเอา เทรนต์-อาร์โนลด์ ไปยืนแดนกลางเกมนี้ต้องบอกว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือหัวใจสำคัญในการสร้างเกมรุกของทีม เนื่องจากอาร์เซนอลวางแผนมาเพรสซิ่งสูง วิ่งเข้าใส่เร็วทุกครั้งที่นักเตะลิเวอร์พูลได้บอล ทำให้การต่อบอลขึ้นเกมแบบปกตินั้นทำได้ยาก ดังนั้นการวางบอลยาวที่แม่นยำของ เทรนต์-อาร์โนลด์ จึงเป็นอาวุธเด็ดในการโจมตี ครึ่งแรกอาจจะยังไม่เห็นผลมากนัก แต่พอผ่านครึ่งทางของครึ่งหลังเมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรับตำแหน่งให้ยืนแดนกลาง ลิเวอร์พูลก็มีโอกาสบุกมากขึ้นทันที เมื่อบอลมาอยู่กับเท้ามากขึ้นมุมมองกว้างขึ้น บอลเปิดโค้งๆก็ถูกวางให้แนวรุกหลุดไปลุ้นยิงประตูเป็นระยะ รวมถึงประตูขึ้นนำก็มาจากการเปิดฟรีคิกเข้าไปกดดันกองหลังคู่แข่ง เป็นอีกหนึ่งคนที่มีส่วนสำคัญในการพาทีมเข้ารอบต่อไป หลังจบเกมนี้ลิเวอร์พูลได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป กลายเป็นทีมเดียวของอังกฤษที่ยังมีลุ้นแชมป์ครบทั้ง 4 รายการ เห็นได้ชัดว่าการมียอดกุนซืคุมทีมข้างสนามนั้นมันยอดเยี่ยมแค่ไหน ช่วงเวลาที่ทีมขาดตัวหลักหลายคน นักเตะเล่นไม่ดีโชว์ฟอร์มไม่ออก การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เปลี่ยนจากที่เป็นรองให้ลูกทีมกลับมาได้เปรียบคู่แข่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่สำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นได้มอบสิ่งนี้ให้กับลิเวอร์พูลมาโดยตลอด ถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueID : NPK Footballstyleเพจ Facebook : มาดู หงส์แดงเครดิตภาพภาพปก Liverpool/Liverpoolภาพ1 Liverpoolภาพ2 Liverpoolภาพ3 Liverpoolภาพ4 Liverpool ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!