ประชันเสียงกัน แข่งนกหัวจุกปักษ์ใต้ การแข่งขัน นกกรงหัวจุก เป็นกีฬาการแข่งขันนกหัวจุกอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มาแต่สมัยโบราณ ซึ่งก่อนหน้านั้นจะมีการนำ นกกรงหัวจุก มาตีกัน โดยการให้นกตีกันเหมือนกับการชนไก่ คือเอานกมาเทียบขนาดกัน แล้วคัดเลือกนกที่มีขนาดให้ใกล้เคียงกัน แล้วจับมาใส่กรงกลาง หรือที่เราเรียกว่า สนามเป็นกลาง (กรงที่มีขนาดใหญ่) แล้วปล่อยให้นกทั้งสองตัวไล่จิก ไล่ตีกันภายในกรง ตัวที่วิ่งหนีถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ครับ เพราะว่า นกกรงหัวจุก จะมีนิสัยดุร้าย ชอบไล่จิก ไล่ตีกันตามธรรมชาติ และเป็นนกที่ห่วงถิ่นที่อยู่อาศัยด้วย ครับ หลังจากนั้น การแข่งขัน นกกรงหัวจุก ที่ใช้วิธีการให้นกตีกัน ได้มาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2515 ชาวจังหวัดสงขลา ได้มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนการแข่ง นกกรงหัวจุก จากการตีกัน ก็ได้หันกันมาแข่งด้วยการแข่งประชันเสียงกัน ซึ่งจะใช้วิธีการแบบเดียวกันกับการแข่งแบบ นกเขาชวา คือจะมีการประชันเสียงกัน การฟังเสียงอันไพเราะของ นกกรงหัวจุก ครับ ต่อมาช่วงประมาณปี 2519 โดยเริ่มมีการแข่งขันเป็นการแข่งขันรายการที่ใหญ่สุดในตอนนั้น ได้ที่การจัดการแข่งขันกันที่สนาม บริเวณหลังสถานีรถไฟเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และได้มีคำสั่งให้มีการยกเลิกการแข่งขัน นกกรงหัวจุก ในแบบตีกัน ตั้งแต่นั้นมา ครับ ซึ่งกติกาการแข่งขันนกหัวจุกนั้นมีการแข่งขันหลากหลายแบบ อย่างเช่น 1.การแข่งขันแบบ นับยกละ 2 ดอก แข่ง 4 ยก รวม 8 ดอก ต้องร้องให้ได้ ยกละ 2 ดอก 2.การแข่งแบบ 4 ยก ดอกรวม 8 ดอก ใครได้ 8 ดอกก่อน ได้เข้าชิง 3.การแข่งแบบสากล วิธี การนับคะแนนนกที่ร้องได้คะแนนนั้น นกจะต้องร้องมี 3 พยางค์ขึ้นไป ครับ เช่น ฉก-ฟิก-กว่อ-ลิก-ไกว๊-หย่อ, ฟิก-กว่อ-ลิก-หย่อ, ฉก-ฟิก -ไกว๊-หย่อ แบบนี้ถึงว่าผ่านนับได้ 1 ดอก ครับ ถ้าร้อง ฟิก-เกวียง, ฟิก-เฟียว แบบนี้ไม่ผ่านครับ สำหรับกติกาในการแข่งขัน ผู้จัดการแข่งขันเอง ได้มีกำหนดกติกาขึ้นเองของแต่ละพื้นที่ ส่วนวันนี้ผมจะมาอธิบาย กติกาการแข่งแบบยกละ 2 ดอก รวม 8 ดอก ก่อนนะครับ แข่งแบบยกละ 2 ดอก รวม 8 ดอก นกกรงหัวจุก ที่จะลงแข่งกติกาแบบนี้ยก 2 ดอกนี้ จะต้องร้อง 3 พยางค์ขึ้นไป การแข่งแบบนี้ได้มีการจัดใช้แข่ง เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ผู้เข้าร่วมการแข่งจริง จะต้องมีนกที่ ร้องทน ร้องเหนียวและมีการร้องที่สม่ำเสมอ กติกาจะใช้ ขันอาบน้ำนก หรือ กะลามะพร้าวที่มีการ เจาะรู ตรงกลาง เพื่อให้น้ำผ่านไปได้ ในการจับเวลา แล้วหย่อนลงไปในน้ำภาชนะที่รองรับน้ำ(ขวดโหลหรือถังทรงกระบอกขนาดพอเหมาะ) และใช้นกหวีดในการส่งสัญญาณเสียง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 22 วินาทีต่อครั้งเมื่อขันจม แล้วแต่ละสนามจะจับเวลาไม่เท่ากัน จะมีการจัดไว้ ซึ่งจะมีการ แข่งกัน 4 ยก หรือ 4 รอบในการดู กรรมการ จะดูนก ครั้งละ 2 ตัว ในการดูแต่ละ ครั้ง โดยแต่ละตัว เมื่อถึงรอบของแต่ละตัวจะต้องร้องให้ได้ 2 ดอก คือ 3 พยางค์ขึ้นไป จะนับ 1 ดอกในแต่ละขัน ไม่ว่าจะได้กี่เพลง แต่กรรมการ จะนับ แค่ 2 ดอกเท่านั้น ก็ถือว่าผ่าน ในยกนั้น ที่รองรับน้ำ กับ ขันเวลา ส่วนนกที่ไม่ร้องเลยสักดอก หรือมียกใดยกหนึ่ง ร้องไม่ถึง 2 ดอก ก็ถือว่าไม่ผ่าน หรือร้องมา 2 ดอกตลอดใน ยกที่ 1 2 3 แต่ในยกที่ 4 มาร้อง แค่ 1 ดอก ก็ถือว่าไม่ผ่านเช่นกัน ตัวที่ได้ยกละ 2 ดอก ตลอดทั้ง 4 ยก ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิง ต่อไป ส่วนในรอบชิง นั้น จะเอานกที่มีจำนวนการร้องมากที่สุด เป็นผู้ชนะ หรือได้ที่ 1 ลดหลั่นกันไปตามจำนวนนกที่ร้องได้ในแต่ละตัว แต่ถ้ามีการร้องจำนวนดอกเท่ากันไม่ว่าจะกี่ตัวก็ตาม ในรอบชิงรางวัลที่ 1 อย่างเช่น นกมีการร้องจำนวน 5 ดอกเท่ากัน 4 ตัว ก็จะต้องนำมาชิงรางวัลกันใหม่ 4 ตัวจนกว่าจะมีผู้ชนะที่มีดอกมากที่สุดเป็นผู้ชนะ ที่เหลือก็ลดหลั่นลงไปตามจำนวนรางวัล ของผู้จัดการแข่งขันที่ได้จัดทำรางวัลไว้ สำหรับการแข่งแบบนี้ จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักใน ปัจจุบันนี้ ครับ การแข่งนกหัวจุกนั้นยังเป็นที่นิยม แพร่หลายอีกใน สังคมปัจจุบัน โดยเด็กสมัยใหม่หรือเด็กรุ่นใหม่ เพราะจะให้เราใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์มากขึ้น มีเพื่อนฝูงมากมาย และยังทำให้ห่างไกลจากยาเสพติดได้อีกด้วยครับ ครั้งต่อไปผมจะมาเขียนกติกา การแข่งแบบ 4 ยก ดอกรวม 8 ดอก นะครับ อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ ขอบคุณมาก นะครับ !!! ภาพโดย ผู้เขียน