ใส่ไม่ยั้ง.! เทียบขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ปะทะ เชลซี ใครมีดีกว่ากัน

ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้าน รับมือ เชลซี ที่ฟอร์มแผ่วด้วยกันทั้งคู่ และศึกนี้เทพีแห่งชัยชนะจะเข้าข้างไหน แล้วนักเตะใครมีดีกว่ากันนัดนี้เทียบกันไปเลย

ศึกพรีเมียร์ลีกคู่แรกของสัปดาห์นี้ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ที่จะเปิดรังแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เชลซี โดยที่ทั้งคู่ต้องการ 3 คะแนน เพื่อให้อยู่ในเส้นทางลุ้นท็อปโฟร์ต่อไป ซึ่งทั้งคู่จะต้องพบกันใน วันเสาร์ที่ 21 มกราคมนี้ เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสามารถชมได้ทางช่อง แฟนคลับลิเวอร์พูล , แฟนคลับเชลซี , True Premier Football 1 , True Premier Football 2

ซึ่งการดวลกันระหว่างสองทีมในครั้งนี้ ถือเป็นเกมที่มีความหมาย และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อทั้ง 2 ทีม โดยเฉพาะฝั่งของ ลิเวอร์พูล ที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้า 3 แต้ม เพื่อให้เกาะกลุ่มเดินหน้าไต่อันดับให้ถึงท็อปโฟร์ให้ได้มากที่สุด 

ส่วนทางทีมเยือน เชลซี มีผลงานที่ยอมรับว่ายังต้องลุ้นแบบนัดต่อนัด โดยในเกมนี้ทั้งคู่ต้องการชัยชนะกันทั้งคู่ ทีมใดที่มีขุมกำลัง และสภาพความพร้อมที่เหนือกว่ากัน เราขอวิเคราะห์ ให้เห็นกันแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมกันเลย

ผู้รักษาประตู

ทางฝั่งเจ้าถิ่นทัพ "หงส์แดง" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงไม่ต้องตัดสินใจอะไรให้ยุ่งยาก ยังคงมั่นใจจะใช้มือหนึ่งอย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ ต่อไปแบบไม่ต้องสงสัย แม้ช่วงหลังจะเก็บคลีนชีสไม่ได้เลยก็ตาม เพราะว่าปัญหาเกมหลังของทีมมีจุดอ่อน แต่โดยรวมถือว่าทำผลงานได้อย่างดี 

ส่วนผู้มาเยือน เชลซี เกมนี้เชื่อว่าทาง เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือ "สิงห์บลูส์" คงต้องไว้ใจ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า เช่นเคยหลัง เอดูอาร์ เมนดี้ ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ 

จะว่าไปแล้วตำแหน่ง ผู้รักษาประตู ถือเป็นตำแหน่งที่ทั้ง 2 ทีม มีความแข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่ ทั้ง อลีสซง เบ็คเกอร์ และ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ล้วนเป็นนายด่านฝีมือดี ที่กุนซือของทั้งสองทีมยังไว้ใจเสมอ 

อย่างไรก็ดี หากเทียบฝีไม้ลายมือกันแล้ว คงต้องบอกว่า ทั้ง 2 คน ต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่แม้ช่วงหลังพลาดท่าเสียประตูหลายครั้ง แต่นั่นก็เพราะเป็นการผิดพลาดจากกองหลังที่ทำให้เข้าต้องรับมือคู่แข่งแบบชนิดทำใจรับสภาพและพ่ายไปหลายนัดติดๆกัน แต่ถ้าเอาโดยรวมเขายังเป็น ผู้รักษาประตูที่เล่นบอลด้วยเท้าได้อย่างดี อ่านเกมได้ฉลาด แถมยังเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้อยู่เป็นประจำ 

ส่วนทาง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ก็เป็นประตูที่ สูงใหญ่ และ เซฟลูกสำคัญได้หลายครั้ง ยังเป็นนายด่านที่ไว้ใจได้เสมอซึ่ง หากมีความมั่นใจก็ยากที่ใครจะยิงบอลผ่านมือไปได้ง่ายๆ 

ฟันธง : ทั้งคู่เสมอกัน 

กองหลัง

ส่วนกองหลังเจ้าถิ่นทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ถือว่าเจอคราวเคราะห์ช้ำกรรมซัดเหลือเกิน ล่าสุดผู้เล่นตัวหลักอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ก็กลับมาเจ็บและรักษาตัวพักยาวเลย ที่คาดว่าจะเป็นตัวหลักในแผงหลัง โดยจะมี โฌแอล มาติป และ อิบราฮิมา โกนาเต้ นักเตะดีกรีรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่จะยืนคู่กันในแผงเกมรับ แต่ทั้งคู่ก็ยังเข้าขาได้ไม่ดีมากนัก 

ส่วนแบ็คทั้งสองข้างจะเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์  โดยมี คอสตาส ซิมิคาส และ โจ โกเมซ คอยเป็นสำรองคอยทดแทนในตำแหน่งวิงแบ็คทั้งสองข้าง จากที่ผ่านมาหลายนัด กองหลังของ "หงส์แดง" เป็นจุดอ่อนอย่างมากในเวลานี้ ที่ขึ้นบุกแล้วลงไม่ทัน ทำให้หลายทีมในพรีเมียร์เจาะทะลวงได้ง่ายกว่าก่อนมากๆ หากยังไม่รีบแก้ไขในจุดนี้ ดูทรงแล้วน่าจะเจอการโหมบุกอย่างหนัก จากฝั่งทีมเยือน จะทนได้สักกี่น้ำงานนี้ต้องวัดใจกันกับแผงหลังกันหน่อย 

ทางด้านกองหลังผู้มาเยือนอย่างทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ถือว่ามีผู้เล่นบาดตัวหลักสองคนที่ต้องมาเจ็บในเวลาใกล้เคียงกันอย่าง รีซ เจมส์ และ เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังค่าตัวแพงของทีม ที่บาดเจ็บหัวเข้าน่าจะพักยาวไปก่อน ซึ่งทั้งสองคนนี้กำลังเล่นได้อย่างดี โดยเฉพาะในส่วนของ รีซ เจมส์ ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักแต่ดันต้องมาบาดเจ็บเสียก่อน

โดยตัวหลักที่จะทำหน้าที่คุมเกมแดนหลัง ยังคงต้องฝากในฝีมือ ติอาโก้ ซิลวา ที่คาดว่าจะเป็นตัวหลักในแผงหลัง โดยจะมี เทรฟโวห์ ชาโลบาห์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, มาร์ค คูคูเรญ่า คอยยืนเป็นแนวรับตามระบบ

อีกทั้งยังมีสำรองอย่าง รูเบน ลอฟตัส-ชีค, คาลิดู คูลิบาลี่ รวมถึง เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า คอยช่วยสร้างความแข็งแกร่งในแนวรับ หากตัวหลักได้รับบาดเจ็บ ซึ่งแต่ละคนก็ถือว่ายังฝากความไว้ใจได้อย่างดี ส่วน เบน ชิลเวลล์ ที่ยังมีความเก๋าเกมก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ เพราะยังคงต้อรักษาอาการบาดเจ็บอยู่  

ถ้าหากดูจากสภาพความพร้อมโดยรวม ดูแล้วทาง เชลซี มีตัวเลือกให้ใช้งานมากกว่า นั่นทำให้หากพวกเข้าผนึกเกมรับ หากหวังครองสกอร์เพื่อใช้ชนะ น่าจะเป็นฝั่งที่ได้เปรียบ ต่างจากเจ้าถิ่นหงส์แดง ที่มีตัวเลือกแดนหลังน้อยเหลือเกิน 

ฟันธง : ทัพ "สิงห์บลูส์" ดูดีกว่า 

กองกลาง

ส่วนขุมกำลังเจ้าถิ่นทัพ "หงส์แดง" บอกเลยว่ากองกลางของทีมในเวลานี้ ดูปวกเปียกไร้ความคิดที่จะสร้างเกมแบบดุดันในการพาบอลไปข้างหน้า อีกทั้งตัวบาดเจ็บก็เยอะมาก ส่วนตัวหลักก็อายุเยอะ ทำให้ขับเคลื่อนเกมได้ช้า โดยเฉพาะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ช่วงหลังเริ่มโรยราลงทุกที ยังปั้นเกมไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน

ส่วน ติอาโก้ อัลคันทาร่า ก็ยังไว้ใจได้ แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีแบบจะฝากความหวังได้ ส่วนกองกลางที่เป็นตัวยืนให้ทีมก็ยังยกให้ ฟาบินโญ่ ที่ยังเป็นตัวหลักและยังคงมาตราฐานตัวเองได้ดี แต่ตัวเขาก็ไม่ใช่สายบุก มักจะขึ้นเกมแล้วจะลงไม่ทัน แต่ยังดีที่ทีมได้ นาบี เกอิต้า มาแต่ก็ยังทำผลงานได้ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่นัก

ส่วนกองกลางตัวรุกอย่าง สเตฟาน บายเซติช, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ถือว่ายังต้องหาประสบการณ์ต่ออีกสักหน่อย ยังเฉิดฉายได้ยังไม่สุด แม้รายสุดท้ายจะเป็นพระเอกพาทีมเข้ารอบเอฟเอ คัพ ในนัดล่าสุดก็ตาม

อีกทั้งตัวสำรองอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ นั้นก็มีอาการบาดเจ็บคาดว่าลงสนามไม่ได้อย่างแน่นอน รวมถึง อาตูร์ เมโล่ ด้วยที่ยังต้องรักษาตัวกันยาวๆไปไม่ได้เช่นกัน 

ส่วนทีมเยือน "สิงห์บลูส์" บอกเลยว่ากองกลางของทีมในเวลานี้ สามารถทำเกมได้อย่างดี แถมแต่ละคนสามารถสังหารประตูได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น จอร์จินโญ่, เมสัน เมาท์, มาเตโอ โควาซิช และ ฮาคิม ซีเยค ซึ่งดูแล้วครบเครื่องเรื่ององค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการรุกหรือรับ แม้แต่การสังหารจุดโทษก็เฉียบคม 

อีกทั้งตัวสำรองอย่าง คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ก็สามารถแทนกำลังหลักได้อย่างดี ดูแล้วแดนกลางทีมเยือน ไม่ได้ขี้เหร่เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, คริสเตียน พูลิซิช และ เดนิส ซากาเรีย ก็ดันมาเจ็บเพิ่มไปอีก ทำให้ไม่ได้ลงสนามอย่างแน่นอนอีกหลายสัปดาห์

เกมนี้แดนกลาง น่าจะเป็นพื้นที่สำคัญ ที่ทั้ง 2 ทีมต่างต้องชิงความได้เปรียบกัน และจะได้วัดฝีมือกันแบบเต็มๆ ซึ่งด้วยผลงาน บอกตามตรงทีมเยือน มาทรงเหนือกว่า ทั้งความเร็ว การปะทะ รวมถึงการขึ้นเกมไปแดนหน้าไปทำประตูได้เองที่มีความเฉียบคมไม่แพ้กองหน้าทีเดียว  

ฟันธง : เชลซี เฉียบกว่า

กองหน้า

ส่วนทัพหน้าของเจ้าถิ่น ทัพ "หงส์แดง" ถือว่าทีมกำลังปืนฝืดได้ใจ โดยเฉพาะเจ้าเก่าหน้าเดิมอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนเดิมที่เวลานี้ยังโชว์ฟอร์มไม่ได้ฉูดฉาดแบบเมื่อก่อน แต่ก็ยังเป็นที่พึ่งให้ทีมได้ ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ ก็หายจากอาการบาดเจ็บมาแล้ว แถมเริ่มเข้าใจระบบทีมและเล่นประสานงานกับรุ่นพี่ในทีมได้ดี เหลือแต่การจบสกอร์ในจังหวะสุดท้ายที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ  

ส่วน โคดี้ กัคโป ตัวรุกป้ายแดงของทีม ตอนนี้ยังยิงไม่ได้ และยังโชว์ฟอร์มไม่ออกเลยตั้งแต่ย้ายทีมเข้ามา ซึ่งยังต้องปรับตัวพอสมควรเพราะ การเล่นที่ช้าเกินไปนั่นเป็นปัญหาแดนหน้าที่เป็นหาในเวลานี้ 

ทั้งนี้ทีมยังคงไม่สามารถใช้งาน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ เพราะได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทำให้ต้องพักยาวเป็นเดือนๆ ซึ่งการขาดผู้เล่นเหล่านี้ไป ทำให้ทีมลดประสิทธิภาพการพังประตูไปเยอะเลยทีเดียว 

กองหน้าของทีมเยือน ทัพ "สิงห์บลูส์" บอกเลยว่ากองหน้าเวลานี้สามารถความหวังได้หลายคนเลย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ซึ่งบอกเลยว่าแดนหน้าของเจ้าถิ่นนั้น มีความปราดเปรียว หากได้ลูกเฉียบขาดสักหน่อย ถือว่าเป็นความอันตรายที่คู่แข่งต้องหวั่นใจได้อย่างแน่นอน 

อีกทั้งทีมยังได้กองหน้าตัวใหม่อย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ ยังติดโทษแบนจากใบแดงโดยตรงอยู่ แต่ทว่าทีมก็มี มิไคโล มูดริค ที่พึ่งย้ายมาสดๆซิงๆ ไม่แน่ว่าเกมนี้อาจจะได้ลงมายิงเบิกร่องเปิดสกอร์ให้ทีมด้วยก็เป็นได้  

ส่วนผู้เล่นบาดเจ็บแดนหน้าอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง และ อาร์มานโด้ โบรย่า แน่นอนว่ายังลงมาช่วยทีมไม่ได้ต้องรักษาตัวกันไป

หากวัดกันตามศักยภาพแล้ว หากทั้งสองทีมผู้เล่นฟอร์มท็อปกันทั้งสองฝั่ง คงต้องบอกว่า แนวรุกของฝั่งทีมเยือน เชลซี ดูมีภาษีดีกว่า แถมยังมีตัวเลือกในแดนหน้ามากกว่าด้วย น่าจะทำการเปลี่ยนแปลงในทีมได้ดีหากมีผู้เล่นบาดเจ็บ 

ฟันธง : เชลซี เหนือกว่า 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2022/23 / แอสซิสต์ / คลีนชีท ศึกพรีเมียร์ลีก
• ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2022/23 อัปเดตล่าสุด
• โปรแกรมพรีเมียร์ลีก 2022/23 ตารางบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมลิ้งก์ดูบอลสด

-------------------------------------------------

วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่ - ซิมทรูชมทีมโปรดฟรี!

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก

หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก